วัดศาลากุล บ้างเขียนว่า วัดศาลากุน เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ถือเป็นวัดไทยวัดเดียวในตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี วัดมีที่ดินทั้งหมด 40 ไร่ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันชื่อ พระสมุห์ณรงค์ชาญ กนฺตธมฺโม
วัดศาลากุลน่าจะเป็นวัดที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แต่เดิมมีชุมชนที่มีประชากรไม่มากนัก เนื่องจากพื้นที่เป็นชายตลิ่งที่เป็นที่ดินงอก สัญจรไม่สะดวก เมื่อเริ่มสร้างวัดคงอยู่ไม่ห่างจากแม่น้ำมากนักและมีคลองวัดศาลากุลเป็นทางเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาที่ดินงอกออกไปมาก ทำให้วัดอยู่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยามาก
วัดถูกปล่อยทิ้งร้างตั้งแต่ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 จนกระทั่งประมาณสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีเรือสำเภามาจอดที่ปากด่านเพื่อรอรับสินค้า เช่น ครั่ง ข้าว ไม้ฝาง ฯลฯ เพื่อนำไปขายต่างประเทศ จนเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (กุน) สมุหนายกที่ได้รับราชการตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 2 ตัวท่านเป็นคนจีน ได้มาสร้างศาลาให้บริวารพักบริเวณใกล้วัด ชาวบ้านเรียกศาลานี้ว่า ศาลาเจ้าคุณกุน หรือ ศาลาจีนกุน[1] รวมทั้งเป็นชื่อเดิมของเกาะเกร็ดด้วย เมื่อการค้าสำเภายกเลิกไป บริเวณนี้จึงสงบเงียบจึงได้กลายมาเป็นวัด วัดนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ. 2394
วัดศาลากุลมีพระเกจิอาจารย์ผู้มีความเก่งกล้าสามารถในการปลุกเสกเครื่องรางของขลังที่มีชื่อเสียงในยุคเก่า อย่างหลวงพ่อสุ่น ได้รับสมญาว่า ขุนกระบี่วานร ฤทธิเกริกไกร หนึ่งในสยาม ในวงการพระเครื่อง หนุมาน หลวงพ่อสุ่น ถือว่าเป็นสุดยอดของขลังหนึ่งในชุดเบญจภาคี ที่นักสะสมต้องหามาไว้ครอบครองบูชา
Source: https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5
Wat Sala Kun: A Temple on Ko Kret
Wat Sala Kun is a Thai Buddhist temple located on Ko Kret Island. It’s one of the few Thai temples on the island, as most people there are Mon.
The temple is quite old, possibly built during the Ayutthaya period. In the past, the area around the temple was a new piece of land formed by the river. This made it difficult to get there, and the temple was even closer to the river than it is now.
For a long time after the fall of Ayutthaya, the temple was abandoned. Later, when big boats started coming to the area to trade goods, a powerful government official named Chao Phraya Rattanathibet (Kun) built a resting place for his people near the temple. This place was called Sala Chao Khun Kun or Sala Chinese Kun, which is where the temple's name comes from.
Eventually, the area became quieter, and the resting place turned into a temple. The temple was officially recognized in the year 1851.