เครื่องมือทดสอบวิทยุสื่อสาร
เอสดับเบิลยูอาร์มิเตอร์ ( SWR Meter )
ดิพ มิเตอร์ ( Dip Meter )
อิมพีแดนซ์ มิเตอร์ ( Impedance Meter )
วัตต์ มิเตอร์ ( Watt Meter )
เครื่องวัดความเข้มสนามไฟฟ้า ( Field Strength Meter )
เครื่องวิเคราะห์สเปกตรัม ( Spectrum Analyzer )
ดัมมี่ โหลด ( Dummy Load )
เอสดับเบิลยูอาร์มิเตอร์ ( SWR Meter )
เสียงเมื่อกดปุ่ม PTT จากเครื่องวิทยุ (ปุ่มกดเวลาส่งสัญญาณ) เสียงพูดจะถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นวิทยุ (RF) ที่วิ่งไปตามสายอากาศด้วยความเร็วสูง
• คลื่นวิทยุ RF บางส่วนเดินทางถึงสายอากาศ บางส่วนเปลี่ยนไปเป็นความร้อนในสายนำสัญญาณ และข้อต่อต่างๆ คลื่นวิทยุ RF ส่วนใหญ่เดินทางถึงสายอากาศและแพร่กระจายออกไป
โดยทั่วไปแล้ว คลื่นวิทยุ RFส่วนใหญ่แพร่กระจายออกไปทางสายอากาศแต่ RF บางส่วนสะท้อนกลับมาที่เครื่องวิทยุตามสายนำสัญญาณ RF และ แพร่กระจายออกไป และ สะท้อนกลับไปที่เครื่องวิทยุอีกครั้ง
การสะท้อนไปมาของ RF ระหว่างเครื่องวิทยุและสายอากาศโดยมีสายนำสัญญาณเป็นเครื่องเชื่อม เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วและต่อเนื่อง และมีพลังงานเกิดขึ้นที่เครื่องวิทยุ
• พลังงานจากคลื่นวิทยุที่ส่งออก และ คลื่นวิทยุที่สะท้อนกลับ ซึ่งพลังงานที่เกิดขึ้นจาก คลื่น RF ทั้ง 2 แบบนี้เรียกว่า STANDING WAVE
SWR METER เป็น เครี่องวัด ค่าพลังงานนี้
ต่อระหว่างเครื่องวิทยุและสายอากาศ SWR METER จะคำนวณการรวมกันของพลังงานทั้งสองนั้น และให้ผลลัพธ์เป็นตัวเลข ค่า SWR ที่สูง หมายถึง RF ที่สะท้อนกลับมาที่เครื่องวิทยุมีมาก
สุรุป ถ้าค่า SWR ยิ่งมาก ยิ่งไม่ดีต่อเครื่องวิทยุ เนื่องจากมีพลังงานสะท้อนกลับมาที่เครื่องวิทยุมาก
ค่า SWR ที่ดีที่สุดคือ SWR ที่ใกล้กีบ SWR = 1 และนำนำ ค่า SWR ไม่ควรเกิน 2
ดิพ มิเตอร์ ( Dip Meter )
1. ใช้หาค่าความถี่เรโซแนนซ์ของคอยล์ และตัวเก็บประจุที่ต่อขนานกัน
2. ใช้หาค่าคอยล์และตัวเก็บประจุที่ไม่ทราบค่า
3. ใช้หาค่าความถี่ของวงจรออสซิลเลเตอร์
4. ใช้เป็นตัวกำเนิดความถี่ในการปรับแต่งภาครับสัญญาณวิทยุ
5. ใช้วัดความถี่เรโซแนนซ์ของสายอากาศ
การใช้ดิพมิเตอร์หาค่าความถี่เรโซแนนซ์ของ LC ที่ต่อขนานกัน
1. เลือกคอยล์ตามย่านความถี่ที่ต้องการ แล้วเสียบคอยล์ลงในช่องเสียบบนตัวดิพมิเตอร์
2. ตั้งฟังก์ชันสวิตซ์ให้อยู่ในตำแหน่ง OSC ( ออสซิลเลต )
3. ปรับปุ่มความไว ( Sensitivity ) จนเข็มของดิพมิเตอร์ขึ้นสูงสุด
4. วางตำแหน่งคอยล์ของมิเตอร์ไว้ใกล้ ๆ กับ LC ที่ต้องการวัดหาค่าความถี่เรโซแนนซ์หระยะห่างประมาณ 1 เซนติเมตร
5. หมุนปรับความถี่ของดิพมิเตอร์ให้ความถี่ของออสซิลเลเตอร์เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ สังเกตที่เข็มมิเตอร์ เมื่อใดก็ตามที่ความถี่ออสซิลเลเตอร์ของดิพมิเตอร์ตรงกับความถี่เรโซแนนซ์ของ LC เข็มของมิเตอร์จะตกลงจากค่าเดิมจนเห็นได้ชัด ให้ปรับจนกระทั่งเข็มลดลงต่ำสุด
6. อ่านค่าความถี่เรโซแนนซ์ของ LC ได้จากดิพมิเตอร์
อิมพีแดนซ์ มิเตอร์ ( Impedance Meter )
การใช้งานอิมพีแดนซ์ มิเตอร์
ต่ออิมพีแดนซ์ที่ไม่ทราบค่า เข้าที่จุดต่อทางด้านขวามือ แล้วทำการป้อนแหล่งกำเนิดสัญญาณความถี่ที่ต้องการเข้าที่จุดต่อด้านซ้ายมือของอิมพีแดนซ์มิเตอร์ เสร็จแล้วปรับค่าความจุที่ปุ่มปรับ จนกระทั่งเข็มมิเตอร์แสดงค่าเป็นศูนย์ แล้วค่อยอ่านค่าอิมพีแดนซ์ของสายอากาศที่หน้าปัทม์
วัตต์ มิเตอร์ ( Watt Meter )
ใช้วัดกำลังงานไฟฟ้าของเครื่องส่งวิทยุ จากเครื่องส่งวิทยุ ผ่านสายส่งไปยังสายอากาศ
เครื่องวัดความเข้มสนามไฟฟ้า ( Field Strength Meter )
ใช้สำหรับวัดและทดสอบความเข้มของสนามไฟฟ้าที่แพร่กระจายคลื่นออกจากสายอากาศ ณ ที่ตำแหน่งใด ๆ หรือบริเวณที่ต้องการทราบความเข้มของสนามไฟฟ้า จากสายอากาศที่ต้องการทดสอบ
เครื่องวิเคราะห์สเปกตรัม ( Spectrum Analyzer )
นำไปใช้วัดแถบความถี่ของสัญญาณได้ ซึ่งออสซิลโลสโคปที่ใช้งานโดยทั่วไปไม่สามารถวัดและแสดงผลออกมาได้
ดัมมี่ โหลด ( Dummy Load )
ดัมมี่โหลด เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แทนสายอากาศในขณะที่ทำการปรับแต่งเครื่องส่งวิทยุ หรือต้องการตรวจสอบกำลังส่ง จุดประสงค์ของการใช้งาน ดัมมี่โหลด คือ เพื่อไม่ให้คลื่นวิทยุแพร่กระจายออกไปรบกวนสถานีอื่น หรือ ไม่ให้คลื่นวิทยุซึ่งประกอบด้วย เสียงพูด หรือ เสียงดนตรีที่ไม่พึงประสงค์ ขณะทำการปรับแต่งไม่ให้แพร่กระจายคลื่นออกไปให้เครื่องรับ
การใช้ดัมมี่โหลด จะต้องพิจารณาคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. ย่านความถี่ใช้งาน จะต้องมีความเหมาะสมกับความถี่ของเครื่องส่ง
2. อิมพีแดนซ์ของดัมมี่โหลด ปกติจะต้องเท่ากับอิมพีแดนซ์ขาออกของเครื่องส่ง
3. กำลังสูงสุดที่ทนได้ของดัมมี่โหลด จะต้องไม่น้อยกว่ากำลังของเครื่องส่ง