วันที่ 7 ใน สปป.ลาว

วันที่ 11-12-57 ตามปฎิทินไทย... ตื่นก่อนนาฬิกาปลุก เพราะเสียงไก่ขันแต่เช้า เก็บของเสร็จก็ออกเดินทางเลย มัวโอ้เอ้ไม่ได้ ทางข้างหน้าเป็นยังไงยังไม่รู้ เช้านี้ไม่มีน้ำติดเลยซักขวด ต้องแวะขอชาวบ้านข้างทางที่ตื่นแต่เช้า ทางยังคงขึ้นเขาสูงชัน แทบจะไม่มีช่วงผ่อนแรงปั่นเลย มันจะค่อยๆไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ แม้จะเข้าโค้งอ้อมดอย ไปแล้วก็จะยังเป็นทางขึ้นอยู่อีก บางช่วงยาวๆเกือบ 6โล เห็นสันดอยลูกหน้ามีไหน ถนนที่จะไปก็จะมีที่นั่นแหละ คนทำทางมันคงขี้เกียจต้ดทางข้างดอยให้ต่ำๆ(คงต้องการลดงบการใช้จ่าย) อิ อิ

เจ้าของบ้านและลูกชาย ใจดีนำน้ำต้มมาให้ ก่อนออกจากหมู่บ้านสามพันไซ

เนื่องจากในหมู่บ้านสามพันไซ ไม่มีร้านค้า เช้านี้จึงไม่ได้ทานอะไรเลย ประมาทเองที่ไม่เตรียมบะหมี่ไว้ก่อนค่ำวาน พอปั่นมาจนถึงรูปซากรถยนต์ มีบ้านอยู่ 2-3หลัง จึงถามขอซื้อข้าวเหนียว แต่ก็ไม่มี มีแต่ข้าวสวยเอาไหม? ข้าวสวยก็เอาครับ แฮ่ แฮ๋ตาลาย น้ำลายฟูมเต็มปาก(หิว) เขาใจดีตักให้ครึ่งถุง(ถุงแซ่วๆ 555) เป็นเงิน สองพันกีบ รอดแล้วเช้านี้ กินข้าวสวย น้ำเป-ล่าอีกตามเคย

แต่พอพ้นจากหมู่บ้านมาไม่ไกลเท่าไหร่ก็มาเจอกับกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ให้กับหน่วยงานทางทหาร(เรียกว่าบ่อนเลี้ยงสัตว์) กำลังตั้งวงกินข้าวอยู่ จึงแวะจอดถามเส้นทาง เพื่อความชัวร์และพักขา รถ ไปในตัว แต่พวกเขากลับชวนผมกินข้าวด้วยกัน แบบนี้จะปฏิเสธได้อย่างไร...555(ก็มื้อเช้าที่ผ่านมามันไม่ค่อยสมบูรณ์นี่) จะลุกเป็นคนสุดท้ายก็น่าเกลียด เลยจำเป็นต้องยั้งท่าทีไว้มั้ง 55 รีบอิ่มก่อน พูดคุยกันซักครู่ ไหว้ขอบคุณอาหารมื้อนี้แล้วก็ขอตัวจากลาเพื่อเดินทางต่อ

ปั่นมาได้ซักพัก(ตอนนี้ไม่ดูมันล่ะ..ไมล์ ) กำลังยันเกียร์ 1 อยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงดังมาจากล้อหลัง " แป๊ก " ทีเดียวจริงๆ เสียงไรว่ะ? ลองกดชิพเตอร์ดู ทั้งซ้าย-ขวา มันก็สุดหมดแล้วนี่หว่า....(1:1 ตำแหน่งเกียร์สุดท้ายแล้ว) จอดก็ไม่ได้ กลางเนินอยู่ พอสุดเนินเป็นทางลง ก็ต้องฟรีขา ลง ไหลขึ้นเนินหน้าต่ออีกที อ้าว!!...ทำไมมันหวืดๆล่ะเนี่ย ... เจอเนินลูกต่อไปก็ยังเป็นอีก โม่จะเจ๊งเสียล่ะมั้ง (คิดในใจว่าถ้าเสียจริงจะทำไงดี กลางดอยแบบนี้ ร้านซ่อมก็ไม่มีเกิดถอดออกมาแล้วซ่อมไม่ได้จะทำยังไง ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก อิอิ(โม่เกี่ยวได้มั้ง ไม่ได้มั้ง) พยายามปั่นแบบนี้จนมาถึงบ้านห้วยสิงเมื่อเวลาประมาณบ่ายโมง

ชาวบ้านออกล่าสัตว์ป่า

หมากมุ่น ผลไม้ป่าชนิดหนึ่ง ที่กินได้ เห็นเด็กแวะเก็บกินกัน รสชาดเปรี้ยว ฝาด บอกไม่ถูกว่าเหมือนอะไร

ช่วงที่อยู่กลางดอย ไม่ค่อยได้เก็บภาพเท่าไหร่ เนื่องจากแบตกล้องใกล้หมด กอบกับความกังวลจากจักรยานที่มีปัญหาด้วย

ที่บ้านห้วยสิง น้ำหมดต้องแวะซื้อน้ำ เจอเข้าไปขวดละ(600 cc) สี่พันกีบถือว่าแพงสุดแล้ว ตั้งแต่เข้าเวียงจันมา เลยซื้อแค่ขวดเดียว แต่ได้ดื่มน้ำต้มฟรีไป 4-5 แก้ว(เกือบขวด) เท่ากับซื้อน้ำเปล่า 2 ขวดๆละสองพันกีบ 555 หมู่บ้านห้วยสิงนี้เป็นหมู่บ้านสุดท้ายที่ต้องข้ามน้ำแห่งสุดท้าย บางแห่งน้ำสูงเกือบหัวเข่า ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนแต่ละหมู่บ้านคงไม่ต้องไป-มาหาสู่กันล่ะ(นับได้ทั้งหมด 10 แห่งพอดี ตั้งแต่เมืองจอมเพ้ดมา) แต่ที่นี่เขาทำสะพานไม้ให้ข้ามแล้ว มีเสาตอม่อที่ใช้ไม้ไผ่สาน แล้วเอาก้อนหินวางทับๆกันลงไป จนเป็นเสาค้ำกลางสะพานได้ เลยจากสะพานมา ทางก็ขึ้นแบบชันๆ จนผ่านโรงเรียนปากห้วยยาง ที่นี้ล่ะโม่เริ่มฟรีถี่ขึ้น และมีเสียงดังมากตามมาด้วย สุดท้ายต้องยอมลงจูงขึ้นเขา(อย่างเดียว ไม่มีลง)ประมาณ 5โล กลัวโม่พังจนใช้งานไม่ได้ ....

ใกล้เข้าชายขอบเมืองหงสา อีกซัก 10โล ทางเริ่มมีลงยาวๆ ขึ้นสั้นๆ ขาลงก็ควบรถลง ปั่นไปด้วย พยายามใช้เกียร์สูงๆ และใช้เบรคช่วยประคองด้วย เพื่อไม่ให้เดือยเกี่ยวโม่ตก

เด็กบ้านห้วยสิง

เดินมาส่งข้ามสะพานด้วย

จนไปถึงสามแยกทางลาดยาง เลี้ยวซ้ายไปเมืองใหม่ เลี้ยวขวาไปเมืองหงสา ถามหาร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ ยืมเครื่องมือบางชิ้น(พอดีพกตัวถอดเฟืองหลังไปด้วย แต่ไม่ได้เอาตัวจับไป) จับรถหงาย คลายแกนล้อออก(ยังบีบแน่นอยู่) พอถอดล้อหลังออกมาเท่านั้นแหละ รู้เลยว่าทำไมโม่ถึงเสีย เพลาล้อโยกคลอนได้ จึงทำให้โม่คลายต้วออกมาด้วย ดึงโม่ออก ที่นี้เห็นเลย...สปริงตัวร้ดเดือยเกี่ยวโม่ขาด ต้วเดือยเกี่ยว ร่องโม่อยู่ในสภาพปกติ ไม่บิ่น เสียหายใดๆ ทำให้ง่ายต่อการซ่อม โดยให้เจ้าของร้านหาซีลอะไรก็ได้ของมอเตอร์ไซค์ ตัวโตหน่อย แล้วแงะเอาสปริงที่รัดปากซิลออก นำมารัดแทนตัวเดิมที่ขาดไป ประกอบกลับเหมือนเดิม และก็ใช้ได้ปกติ เฮ้อ....โล่งอกเลย (ระหว่างที่ทำไม่ได้เก็บภาพเลย ทั้งเด็กและผู้ใหญ่มุงดูเต็มไปหมด ยิ่งกว่าเจอคนถูกรถชนซะอีก 555)

เมื่อรู้ว่าจากนี้ไปเมืองเงินเป็นทางลาดยางตลอด เลยเอาแผ่นปะยาง เงินอีก 100 กว่า(รวมเศษเหรียญด้วยเกือบสามสิบบาท) ให้เจ้าของร้านเป็นค่าตอบแทนที่ให้ยืมเครื่องมือ ใกล้ค่ำอีกแล้วต้องรีบไปต่อ เข้าเมืองหงสา ตอนนี้เหลือเงินลาวอยู่แค่ สี่พันกีบ(สองพันกีบ 2ใบ)ซื้อของลำบากแล้ว(ที่เหลือเป็นแบงค์พัน ซื้อข้าวแลงคงได้เงินทอนมาเป็นฟ่อนแน่ๆ จึงยังเก็บไว้ก่อน)ปั่นไปได้ซัก 10กว่าโล รู้สึกถึงเรี่ยวแรงจะไม่มีแล้ว แวะซื้อกล้วยล่ะกัน มัดละ่พันกีบ กะเอาแค่มัดเดียว(มัดหนึ่งมี 3-4ลูก) แต่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่่คนขายก็ไม่ยอมทอนเงินให้ แต่กลับยัดกล้วยมาให้อีกมัด หึ...เข้าใจทำน่ะคุณยาย อิอิ ปั่นไป ซัดกล้วยไป ในที่สุดก็หมดจนได้ในพริบตา 555

นึกถึงเมื่อตอนเด็กๆ ตอนมีบ้านอยู่ใกล้แม่น้ำ ....อยากลงไปอาบด้วยจัง

ตรงนี้ต้องเดาแล้วล่ะ หาผู้คนถามไถ่ไม่ได้ เลือกทางขวา

มาถูกทางแหะ

ตรงไปจะเข้าตัวเมือง แต่เราจะเลี้ยวซ้าย เป็นทางตัดใหม่เพื่อเลี่ยงเมือง ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ เพราะจากการสอบถาม มีแต่คนบอกว่าพอเข้าเมืองหงสาจะไปเมืองเงินมีแต่ทางเพียงทั้งน้านนนนนน ..(เปียง บ้านผม ทางราบ ภาษากลาง) จากหงสาไปเมืองเงินก็ไม่ไกลแล้วด้วย.....คิดในใจเลยว่าวันนี้ยังไงๆก็ต้องถึงเมืองเงินและนอนที่นี่อีกคืน ฉลองปิดคลิปใน สปป.ลาว

แต่....จงอย่าเชื่อเด็ดขาด มันจะเข้าสุภาษิตที่ว่า "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนตัวเอง" 555

เพราะอะไรถึงพูดเช่นนั้น...

พอถึงทางแยกเลี่ยงเมืองเลี้ยวซ้าย เนินอีกแล้ว 555 ....

หึหึ ..ในที่สุดก็ไปต่อไม่ไหว มองซ้ายก็เขา มองขวาก็ทุ่งนา แต่เอ๊ะๆ...มีห้างนาด้วยเว้ย เจ้าของก็กำลังตัดฟืนสุมไฟให้วัว ควาย อยู่ ถามโลดดดดด "อ้ายๆ ข้อยขอพักนอนที่ห้างนาตรงโน้นได้บ่อ จะไปเมืองเงินก็ไม่ไหวแล้ว(อีกประมาณ 40โลถึงเมืองเงิน) เจ้าของนาถามว่า " เจ้าสินอนได้เหรอ" ...........ได้ครับ "งั้นก็ตามสบายน่ะ"....ขอบคุณคร้าบบบบ แลัวแถวนี้มีร้านค้าอยู่บ่อ......"บ่อมีดอกเด้อ"..... ห่วย!! ตกลง น้ำก็ไม่ได้อาบ ข้าวก็ไม่ได้กิน มีแต่กล้วย 8ลูกตุนอยู่ในกระเพาะ 5555 ดียังมีที่ซุกหัวนอน

ที่นอนคืนนี้ไม่ต้องกางเต๊นท์ ยกรถขึ้นไปนอนด้วยกันบนห้างนาเลย ข้างหลังที่ มองเห็นไกลๆ คือโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินของเมืองหงสา เส้นทางนี้เป็นทางเลี่ยงเมือง

*** มีเรื่องขำปนเครียดเล็กน้อย ...ตอนแรกที่ไปถึงห้างนา เห็นอยู่ว่ามีฝูงควายอยู่ 4-5 ตัว ผูกไว้ไกลมาก แต่พอกลางคืนเขาปล่อย หรือเชือกมันหลุดก็ไม่ทราบ พวกเลยมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆห้างนาที่นอน เจ้ากรรมดันมีไอ้ตัววัยรุ่น 2 ตัว มาอยู่ใต้ห้างนา มันคงสาบกลิ่นแปลกๆของเรา มีทั้งร้อง และเอาตัวสีกับเสาห้างนา ตัวห้างสั่นไหวไปทั้งหลัง ถ้ามาทั้งฝูง อาจต้องวิ่งหนีวิ่ง ทั้งคืนแน่ ต้องทำตัวนิ่งๆ แม้แต่เสียงลมหายใจยังด้องให้ดังน้อยที่สุด แต่พอพลิกตัว มันได้ยินเสียงก็จะกลับมาอีก กว่าจะได้หลับ เลยเที่ยงคืน(ดูนาฬิกาจากไมล์ จย.) ***

(นึกถึงเหตุการณ์นี้สยองทุกที) 55