วันที่ 6 ใน สปป.ลาว

ตี 5กว่าๆออกจากที่พัก ปั่นเข้าตัวเมืองหลวงพระบางอีกครั้ง วกไปวนมาอยู่นาน เหลือบเห็นสถานีตำรวจ จึงแว๊บเข้าไปถามเส้นทาง ไปด่านห้วยโกร๋นของไทย มีเจ้าหน้าที่นายหนึ่งกำลังออกเวรพอดี ได้กรุณาบอกทางให้

1.ทางลาดยางอย่างดี แต่อ้อม ไปทางเมืองอุดมไช....หงสา..เมืองเงิน หลายร้อยโล

2.ทางลัด แต่ลำบาก ต้องข้ามน้ำโขง ไปขึ้นฝั่งเมืองจอมเพด แค่ 100 โล โดยประมาณ ออกก่อนถึงเมืองหงสานิดเดียว ย่นระยะทางไปเกือบเท่าตัว ของเส้นทางที่ 1

ยังตัดสินใจไม่ได้ จึงถามต่อ ว่ามีสถานที่เที่ยวสำคัญ ไหนบ้าง เขาก็อธิบาย แต่ที่เราสนใจคือ น้ำตกตาดกวางสี(อยู่ใกล้สุด ไป-กลับ 50 โล พอไหว) เจ้าหน้าที่นายนั้นจึงนำทางไปยังจุดที่จะไปลงเรือข้ามฝากก่อน แล้วนำทางไปเส้นทางที่จะไปน้ำตก ต้องขอขอบคูณมากๆกับการช่วยเหลือครั้งนี้ เป็นคนอื่นคงออกเวร แล้วกลับบ้านเลย ไม่ใช่ธุระ เสียเวลา ทำไมไม่หาข้อมูลเอง ฯลฯ

**ต้องบอกก่อนว่าการเดินทางครั้งนี้ ใช้เวลาเตรียมการน้อยมาก หาเส้นทางจากเวป http://www.thaimtb.com/ อย่างอื่นไปว่ากันข้างหน้า เพราะภาษาพูดคล้ายๆกัน ***

ฝอยขัดล้างถ้วย ช้อน จากธรรมชาติ(เปลือกมะพร้าว)

อุทยาน น้ำตก ตาดกวางสี

ค่าเข้าชมน้ำตกกวางสี 20,000 กีบ(ซาวพันกีบ) ประมาณ 100 บาท

ไผ่ป่า ที่มีข้อปล้องสั้นๆ แปลกดี

ลูกเหมือนส้มโอ ขนาดก็พอๆกันแต่ดูจากต้นข้างบนแล้วไม่น่าใช่

กลุ่ม นทท. ชาวจีน

ห้ามหาปลาบริเวณนี้โดยเด็ดขาด..............................ห้ามดังไฟ(จุุดฟืน) บริเวณนี้

เป็นสถานที่สะอาดสะอ้านมาก เท่าที่เคยไปชมน้ำตกอื่นๆมา

สินค้าหัตถกรรม มากมาย หน้าทางเข้าน้ำตก

ระหว่างที่เดินทางออกจากน้ำตกเพื่อมายังหลวงพระบาง ก็คิดมาตลอดทางว่าจะไปเส้นทางไหนดี สุดท้ายเลือกตัวเลือกที่ 2 น่าจะสมดุลย์กับเงินที่เหลือ จัดการอาหารกลางวันเสร็จ มุ่งลงท่าบัค ซึ่งกำลังจะออกอยู่พอดี

บริเวณขึ้นบัค ฝั่งหลวงพระบาง

หลังจากข้ามน้ำโขง โดยบัค มายังฝั่งเมืองจอมเพด ทีนี้แหละทางลูกรังล้วนๆตลอดการเดินทาง 100 โล ไต่ดอยสูง ทางเป็นร่องน้ำเซาะ นานทีจะเจอรถคัน ผ่านหมู่บ้านเล็กๆเป็นช่วงๆไป สวรรค์ของนักเดินทางที่ชอบป่าเขาจริงๆ เงียบ สงบ (อนาคตถ้าทางลาดยางมาถึง มนต์เสน่ห์แบบนี้จะหายไปทันที)

ระยะทางจากเวียงจัน-เมืองจอดเพด

น้ำดื่มหมด แวะขอน้ำจากที่นี่

สาวๆใน ห้องการแรงงานและสวัสดิการสังคม ของเมืองจอมเพ้ด กำลังทานของว่าง เป็นผลไม้ที่รสชาดและกลิ่นคล้ายๆมะม่วง เห็นภาพนี้ทีไร ให้นึกถึงบรรยากาศตอนกำลังเคี้ยวผลไม้นี้...

น้ำลายปุ๊เยยยยย..

ตัวอย่างของลำน้้ำที่ต้องข้ามผ่านไป นี่แค่ข้อแข้ง บางแห่งเกือบถึงหัวเข่า

สภาพวิวที่ผ่านมา

แรกสุดตั้งใจว่าจะพักที่หมู่บ้านนี้แล้ว แต่มันยุ่งยาก ต้องตามหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อขออนุญาตก่อน และตอนที่แวะซื้ออาหารแห้ง ก็มีชาวบ้านชักชวนให้ไปนอนที่บ้านด้วย แต่ก็ปฎิเสธไปอย่างเกรงใจ...(เคยอ่านจากกระทู้ใน http://www.thaimtb.com/ มีกรุ๊ปปั่น จย. ชุดก่อน ๆนั้นโดนยึดหนังสือเดินทาง หลังจากที่ตัดสินใจพักในหมุ่บ้านที่ เดินทางไปถึง แล้วมีคนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องเสียค่าปรับต่อคนเป็นเงินอยู่หลายพัน บาท กว่าจะได้ออกจากหมู่บ้านนั้น และไม่รู้ความผิดที่ชัดเจนด้วย)

หลังจากที่ตัดสินใจไม่พักที่หมู่บ้านดังกล่าว ปั่นต่อซิครับ เวลาไล่หล้งมาแล้วตะวันจนใกล้ลับเหลี่ยมดอย เตือนว่าต้องรีบหาที่นอน +อาหารเย็น

จุดสังเกตุ ถ้าเห็นซุ้มประตูแบบนี้ แสดงว่ามีหมู่บ้านอยู่ข้างหน้า จะจอดหรือจะไปต่ออยู่ที่สถานการณ์

และแล้ว ... ก็มืดตึดตื๋อ ไปต่อไม่ได้ด้วย เวลาบังคับไว้

บังเอิญเจอป้ายโรงเรียนก่อน ตัดสินใจทันทีว่าต้องพักที่นี่แหละคืนนี้ มองหาลู่ทางที่จะบอกเจ้าที่ก่อน(นายบ้าน) ก็มีบ้านอยู่ 1 หลังติดกับโรงเรียน ตอนแรกเจ้าของบ้านแกไม่ค่อยยอม บอกว่าเราต้องไปขออนุญาตจากนายบ้านก่อน ต้องอ้อนวอนว่ามันยุ่งยาก ไหนจะต้องมาดูแล ต้อนรับ จากลา(ไป-มา-ลา-ไหว้) สุดท้ายแกก็ยอมให้กางเต๊นท์นอนได้ เพราะเหตูผลที่เราอ้างไป เพราะเราบอกแล้วว่าไม่ออกสาย จนคนอื่นเห็น ว่ามาจากที่ไหน.......