ตาราง แผนภูมิ และกราฟ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการนำเสนอข้อมูลทางสถิติ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การสื่อสารข้อมูล มีประสิทธิภาพ และ เข้าใจง่าย มากขึ้น ดังนี้:
ช่วยแปลงชุดตัวเลขดิบที่ซับซ้อนให้กลายเป็น ภาพ (Visuals) ที่ชัดเจน ทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังสามารถ มองเห็นแนวโน้ม (Trends), รูปแบบ (Patterns), และ ความผิดปกติ (Outliers) ของข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
ลดความจำเป็นในการอ่านและตีความตัวเลขจำนวนมาก ช่วยประหยัดเวลาและลดโอกาสในการเข้าใจผิด
ทำให้การ เปรียบเทียบ ข้อมูลระหว่างกลุ่ม (เช่น ยอดขายของผลิตภัณฑ์ A เทียบกับ B) หรือการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา (Time-series data) ทำได้ง่ายขึ้นมาก
สนับสนุนการ ตัดสินใจทางธุรกิจ เพราะช่วยในการระบุประเด็นสำคัญ (Key Insights) เช่น ช่วงเวลาที่กำไรสูงสุด หรือพื้นที่ที่จำเป็นต้องปรับปรุง
สามารถใช้เพื่อ เน้นย้ำ ข้อความหรือข้อสรุปหลักที่ต้องการสื่อสาร (เช่น การเติบโตที่สูงชัน หรือความคงที่ของตลาด) ได้อย่างมีพลัง
เพิ่ม ความน่าเชื่อถือ (Credibility) ให้กับการนำเสนอ เพราะเป็นการแสดงหลักฐานเชิงประจักษ์ในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย
กล่าวโดยสรุป เครื่องมือเหล่านี้ทำหน้าที่เป็น สะพานเชื่อม ระหว่าง "ข้อมูล" กับ "ความเข้าใจ" ทำให้ข้อมูลทางสถิติไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข แต่เป็นเรื่องราวที่มีความหมายนั่นเองครับ
เครื่องมือเหล่านี้เป็น สื่อกลางทางภาพ ที่สำคัญมากในการแปลงชุดข้อมูลดิบให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย รวดเร็ว และเป็นรูปธรรม ช่วยให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังสามารถวิเคราะห์แนวโน้ม เปรียบเทียบ และเห็นความสัมพันธ์ของข้อมูลได้อย่างชัดเจน
คำอธิบาย:
ตารางคือการจัดเรียงข้อมูลเป็น แถว (rows) และ คอลัมน์ (columns) เพื่อแสดงความสัมพันธ์ที่แน่นอนและตัวเลขที่แม่นยำ เหมาะสำหรับการแสดงข้อมูลจำนวนมากหรือข้อมูลหลายประเภทพร้อมกัน ซึ่งต้องการความถูกต้องของตัวเลขเป็นหลัก
ตัวอย่างการใช้ในธุรกิจ:
แสดง ยอดขาย แยกตามผลิตภัณฑ์และไตรมาส (Sales by Product and Quarter)
แสดง รายรับ และ รายจ่าย ของแต่ละแผนกในปีต่างๆ
ตัวอย่างการบรรยาย:
"If you look at the table, you can see that Product A's sales were significantly higher in Q4 than in Q3."
(ถ้าคุณดูที่ ตาราง คุณจะเห็นว่า ยอดขายของผลิตภัณฑ์ A นั้น สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในไตรมาสที่ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3)
คำอธิบาย:
แผนภูมิและกราฟใช้ภาพวาด (เช่น เส้น, แท่ง, วงกลม) เพื่อแสดงความสัมพันธ์ของข้อมูล เหมาะสำหรับการเน้นแนวโน้ม การเปรียบเทียบขนาด หรือสัดส่วน
🔹 กราฟแท่ง / แผนภูมิแท่ง (Bar Graph / Bar Chart)
ใช้เมื่อ: ต้องการ เปรียบเทียบ ปริมาณหรือจำนวนของหลายกลุ่มหรือหลายหมวดหมู่ ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง (เช่น ยอดขายของ 3 สาขา)
🔹 กราฟเส้น (A Line Graph)
ใช้เมื่อ: ต้องการแสดง แนวโน้ม หรือการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลในช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น ราคาหุ้นรายวัน อุณหภูมิรายเดือน)
🔹 แผนภูมิรูปวงกลม (A Pie Chart)
ใช้เมื่อ: ต้องการแสดง สัดส่วน หรือเปอร์เซ็นต์ของแต่ละส่วนเทียบกับทั้งหมด (เช่น ส่วนแบ่งตลาด, สัดส่วนค่าใช้จ่าย)
คำศัพท์เหล่านี้มีความสำคัญมากในการบรรยายการเคลื่อนไหวของข้อมูล โดยมักจะใช้ร่วมกับคำบอกเวลา (when, during) หรือคำบุพบท (from, to, at)
คำศัพท์ที่ใช้บ่อยเพิ่มเติม:
stable / สเตเบิ้ล / คงที่/เสถียร
ใช้เป็นคำคุณศัพท์ (adj.) เช่น The price remained stable.
slight สไลท์ / เล็กน้อย
ใช้เป็นคำคุณศัพท์ (adj.) เช่น a slight increase (เพิ่มขึ้นเล็กน้อย)
dramatic ดรามาติค / อย่างรวดเร็ว/มาก
ใช้เป็นคำคุณศัพท์ (adj.) เช่น a dramatic fall (การลดลงอย่างมาก)
rapidly แรพพิดลี่ / อย่างรวดเร็ว
ใช้เป็นคำวิเศษณ์ (adv.) เช่น The stock price rose rapidly.
gradually แกรดชวลลี่ / อย่างค่อยเป็นค่อยไป
ใช้เป็นคำวิเศษณ์ (adv.) เช่น Sales increased gradually.
ตัวอย่างที่ 1: การเพิ่มขึ้น (Up) ⬆️
"The company's profits rose sharply from 20 million to 50 million baht during the second quarter."
( กำไร ของบริษัท เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 20 ล้าน เป็น 50 ล้านบาท ในช่วง ไตรมาสที่สอง)
"Sales volume increased gradually over the last six months."
(ปริมาณยอดขาย เพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลอดหกเดือนที่ผ่านมา)
ตัวอย่างที่ 2: การลดลง (Down) ⬇️
"New customer acquisition plummeted after the system failure."
(การได้มาซึ่งลูกค้าใหม่ ตกฮวบลง หลังจาก ระบบล้มเหลว)
"The marketing budget dropped to its lowest point in July."
(งบประมาณการตลาด ลดลง ไปถึง จุดต่ำสุด ในเดือน กรกฎาคม)
ตัวอย่างที่ 3: ความคงที่/การผันผวน (Stability/Fluctuation) ↔️
"The line graph shows that the unemployment rate remained stable at 3% for most of the year, but then fluctuated slightly towards the end."
( กราฟเส้น แสดงให้เห็นว่าอัตราการว่างงาน คงที่ อยู่ที่ 3% เป็นส่วนใหญ่ของปี แต่ก็ ขึ้นๆ ลงๆ เล็กน้อยในช่วงท้าย)
"Our market share is expected to level off next year."
(ส่วนแบ่งตลาดของเรา คาดว่าจะคงที่ ในปีหน้า)
การอ่านค่าเปอร์เซ็นต์มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในการอ่าน แผนภูมิรูปวงกลม (Pie Chart)
10% อ่านว่า: ten percent
3.5% อ่านว่า: three point five percent
50% อ่านว่า: fifty percent หรือ half
25% อ่านว่า: twenty-five percent หรือ a quarter
ตัวอย่าง:
"The pie chart illustrates that a quarter of our total revenue comes from international sales."
( แผนภูมิวงกลม แสดงให้เห็นว่า หนึ่งในสี่ ของรายได้ทั้งหมดของเรามา จาก ยอดขายต่างประเทศ)