ชาดก คือ เรื่องราวในอดีตของพระพุทธเจ้า ทรงนำมาตรัสสอน เพื่อยกเป็นอุทาหรณ์สอนธรรม
๓.๑ อัมพชาดก
อดีตกาลพราหมณ์หนุ่มคนหนึ่งได้เล่าเรียนเวทมนต์เสกมะม่วงจากคนจัณฑาล โดยมีข้อแม้ว่า “มนต์นี้หาค่ามิได้ อาศัยมนต์นี้แล้วจะได้ลาภสักการะมากมาย หากมีคนถามว่าเรียนมนต์นี้มาจากใคร ให้บอกตามความเป็นจริง ว่าศึกษามาจากอาจารย์ผู้เป็นจัณฑาล มิฉะนั้นแล้วมนต์นี้ก็จะเสื่อม” พราหมณ์หนุ่มใช้มนต์เสกมะม่วงในการเลี้ยงชีพ วันหนึ่งคนรักษาพระราชอุทยานของพระเจ้ากรุงพาราณสี ซื้อมะม่วงไปถวายพระราชา พระองค์ทรงติดใจรสชาติหลังจากเสวยมะม่วง จึงถามพราหมณ์หนุ่มว่าเรียนมนต์เสกมาจากใคร ด้วยความละอาย จึงทูลเท็จว่าได้เล่าเรียนมาจากสำนักอาจารย์ ทันทีที่เขากล่าวเท็จมนต์ก็เสื่อมโดยที่เขาไม่รู้ตัว แม้จะร่ายมนต์อย่างไร ก็ไม่ได้ผลอย่างเช่นเคย จึงกราบทูลความจริงว่าตนได้เรียนมนต์มาจากอาจารย์จัณฑาล
สาระสำคัญของชาดกเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าคุณธรรมคือ ความกตัญญูกตเวที หรือความรู้อุปการคุณ ดังพระพุทธภาษิตว่า ภูมิ เว สปฺปุริสานํ กตญฺญูก
๓.๒ ติตติรชาดก
พระพุทธเจ้าทรงตรัสเล่าติตติรชาดก เพราะพระกลุ่มหนึ่งพากันจับจองที่พักไว้ ทำให้พระสารีบุตรต้องเดินจงกรมทั้งคืนเพราะไม่มีที่พัก ทรงตรัสเล่าว่าในอดีตชาติ ณ ต้นไทรในป่าหิมพานต์มีสัตว์สหายอยู่ ๓ ตัว คือ ลิง นกกระทาและช้าง ทั้งสามมิได้เคารพยำเกรงกัน จึงตกลงกันหาตัวที่อาวุโสสูงสุด ต่างก็อ้างว่าตนอาวุโสกว่าตัวอื่น ลิงเสนอให้ใช้ต้นไทรเป็นตัวตัดสิน โดยถามว่าเห็นต้นไทรมาตั้งแต่เมื่อใด
ช้างกล่าวว่า “ข้าเห็นตั้งแต่ต้นไทรนี้ยังเป็นต้นไม้เล็กๆ เวลาเดินผ่าน ยอดไทรยังระขาทั้งสี่ของข้าเลย เพราะฉะนั้นข้าจะต้องแก่กว่าพวกทานแน่นอน”
ลิงกล่าวว่า “ข้าเห็นต้นไทรนี้มาตั้งแต่ข้ายังเป็นลูกลิงตัวน้อยๆ เมื่อข้านั่งกับพื้นยังกัดยอดมันเล่นเลย เพราะฉะนั้น ข้าต้องแก่กว่าพวกท่าน”
นกกระทากล่าวว่า “รู้ไหมว่าเดิมแล้วต้นไทรมิได้อยู่ ณ สถานที่นี้ ข้าได้กินผลของต้นไม้แล้วบินผ่านมายังที่นี้ ได้ถ่ายมูลลงมาตรงนี้ แต่นั้นมามันก็เกิดต้นไทรนี้ขึ้น ข้าย่อมแก่กว่าท่านทั้งสองแน่นอน”
ช้างและลิงได้ยินดังนั้น จึงกล่าวว่า “สหายบัณฑิต ท่านมีอาวุโสกว่าเรา เราทั้งสองจะเคารพนับถือ บูชาท่าน”
พระพุทธองค์ทรงสรุปว่า “แม้สัตว์เดรัจฉานยังรู้จักเคารพยำเกรงตามลำดับอาวุโส พวกเธอเป็นมนุษย์แท้ๆ เหตุใดจึงไม่เคารพยำเกรงกันตามลำดับอาวุโส.....ฯลฯ”และตรัสเป็นคาถาว่า.....คนเหล่าใดฉลาดในธรรม เคารพนบนอบต่อผู้เจริญด้วยวัยวุฒิย่อมได้รับการยกย่องสรรเสริญ