เซลล์ประสาท ประกอบด้วยส่วนที่สำคัญสองส่วน คือ ตัวเซลล์ (cell body) และเส้นใยประสาท (nerve fiber) ตัวเซลล์เป็นส่วนของไซโทรพลาซึมและนิวเคลียส ตัวเซลล์มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-25 ไมโครเมตร ภายในมีออร์แกเนลล์ที่สำคัญ คือไมโทรคอนเดรีย เอนโดรพลาสมิกเรติคูลัมและกอลจิคอมเพล็กซ์จำนวนมาก ใยประสาทเป็นส่วนของเซลล์ที่ยื่นออกมาตัวเซลล์มีลักษณะเป็นแขนงเล็กๆ เส้นใยประสาทแบ่งได้ดังนี้
เดนไดรต์ (dendrite) คือ เส้นใยประสาทที่รับกระแสประสาท โดยเซลล์ประสาทแต่ละเซลล์จะมีเดนไดรต์แยกออกจากตัวเซลล์ 1 เส้นใยหรือหลายเส้นใย
แอกซอน (axon) คือ เส้นใยประสาทที่ส่งกระแสประสาทโดยทั่วไปแอกซอนจะมีเพียง 1 เส้นใยเท่านั้น อาจจะสั้นหรือยาวได้ถึง 1 เมตร บริเวณปลายของแอกซอนมีการแตกแขนง และปลายสุดของแขนงมีลักษณะโป่งพองคล้ายกระเปาะ
กรณีที่ใยประสาทยาว ซึ่งมักเป็นใยประสาทของแอกซอนจะมีเยื่อไมอีลิน (myelin sheath) มาหุ้มใยประสาท เยื่อไมอีลินมีสารจำพวกลิพิดเป็นองค์ประกอบ เมื่อตรวจภาคตัดขวางของเยื่อไมอีลิน ด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน พบว่าเยื่อไมอีลินติดต่อกับเซลล์ชวันน์ (Schwann cell) ซึ่งเป็นเซลล์ค้ำจุนชนิดหนึ่ง แสดงว่าเยื่อไมอีลินเป็นส่วนหนึ่งของเยื่อหุ้มของเซลล์ชวันน์ ส่วนของแอกซอนตรงบริเวณรอยต่อระหว่างเซลล์ชวันน์แต่ละเซลล์เป็นบริเวณที่ไม่มีเยื่อไมอีลินหุ้มเรียกว่า โนดออฟแรนเวียร์ (node of Ranvier)
เซลล์เกลีย เป็นเซลล์ที่มีจำนวนมากมายเป็นหลายๆร้อยล้านตัว และมีมากกว่าเซลล์ประ สาทถึงประมาณ 5-10 เท่า กระจายอยู่ทั่วไปในระบบประสาท โดยเฉพาะในระบบประสาทส่วน กลาง และมีอยู่หลากหลายชนิด โดยแต่ละชนิดทำหน้าที่ ที่แตกต่างกัน
หน้าที่โดยทั่วไปของเซลล์เกลีย คือ ช่วยพยุงให้เซลล์ประสาทอยู่ในตำแหน่งคงที่ โดยเซลล์เกลียจะเป็นตัวช่วยพยุงอยู่โดยรอบเซลล์ประสาท, ช่วยเป็นแหล่งอาหารและออกซิเจนของเซลล์ประสาท, ช่วยเป็นฉนวนกั้นเซลล์ประสาทไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าที่เกิดจากการทำงานของเซลล์ประสาทรบกวนกันเอง, ช่วยป้องกันเชื้อโรคที่จะเข้าสู่เซลล์ประสาท, ช่วยกำจัดซากเซลล์ประสาทที่ตายแล้ว, และมีส่วนช่วยในการรับ-ส่งสัญญาณจากเซลล์ประสาท
เซลล์ประสาทมีรูปร่างและจำนวนใยประสาทแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิดและหน้าที่ของเซลล์ถ้าใช้จำนวนใยประสาทต่อหนึ่งเซลล์ประสาทเป็นหลัก อาจแบ่งเซลล์ประสาทออกเป็น 4 ประเภทคือ
เซลล์ประสาทขั้วเดียว (unipolar neuron)
เป็นเซลล์ประสาทที่มีใยประสาทแยกออกมาจากตัวเซลล์เพียง 1 เส้นใย ได้แก่ เซลล์รับความรู้สึกที่มีตัวเซลล์อยู่ในปมประสาทรากบนของไขสันหลัง
เซลล์ประสาทขั วเดียวเทียม (Pseudounipolar neuron)
มีเส้นใยเพียงเส้นเดียว ที่แยกออกจากตัวเซลล์ภายหลังเป็น 2 เส้นใยทำหน้าที่เป็น dendrite ข้างหนึ่ง เป็น axon ข้างหนึ่ง โดยกระแส ประสาทเคลื่อนที่จากฝั่งที่เป็น dendrite ไปยังฝั่งที่เป็น axon เลยโดยไม่ ผ่านตัวเซลล์มักพบในปมประสาทรากบนของไขสันหลัง (dorsal nerve ganglion)
เซลล์ประสาทสองขั้ว (bipolar neuron)
มีใยประสาทแยกออกมาจากตัวเซลล์ 2 เส้นใยเช่น เซลล์ประสาทที่บริเวณเรตินา เซลล์รับกลิ่นและเซลล์รับเสียง
เซลล์ประสาทหลายขั้ว (multipolar neuron)
เป็นเซลล์ประสาทที่มีเดนไดรต์แยกออกมาจากตัวเซลล์มากมายและมีแอกซอน 1 เส้นใยเช่น เซลล์ประสาทประสานงานและเซลล์ประสาทสั่งการ
เซลล์ประสาทจำแนกตามหน้าที่ได้ 3 ชนิด ได้แก่
เซลล์ประสาทรับความรู้สึก (sensory neuron) คือ เซลล์ประสาทที่รับกระแสประสาทจากหน่วยรับความรู้สึกแล้วถ่ายทอดกระแสประสาทไปยังเซลล์ประสาทสั่งการโดยอาจผ่านเซลล์ประสาทประสานงานหรือไม่ผ่านก็ได้ ตัวเซลล์ประสาทรับความรู้สึกอยู่ที่ปมประสาทรากบนของไขสันหลัง
เซลล์ประสาทสั่งการ (motor neuron) มักมีใยประสาทแอกซอนยาวกว่าเดนไดรต์ อาจยาวถึง 1 เมตร เพราะเซลล์ประสาทสั่งการที่อยู่ในไขสันหลังต้องส่งกระแสประสาทออกจากไขสันหลังเพื่อนำกระแสประสาทไปยังหน่อยปฏิบัติงานเช่นกล้ามเนื้อแขนขา ซึ่งอยู่ห่างไกลจากไขสันหลังมาก
เซลล์ประสาทประสานงาน (association neuron) เซลล์ประสาทชนิดนี้อยู่ในสมองและไขสันหลัง จะเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทรับความรู้สึกกับเซลล์ประสาทสั่งการ ใยประสาทของเซลล์ประสาทประสานงาน อาจมีความยาวเพียง 4-5 ไมโครเมตรเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเซลล์ประสาทไม่ได้อยู่เดี่ยวๆ แต่จะสานต่อกันเป็นเครือข่าย ส่วนปลายแอกซอนของเซลล์ประสาทอาจแตกออกเป็นกิ่งก้านหลายอัน แล้วไปอยู่ชิดกับตัวเซลล์ประสาทหรือส่วนของเดนไดรต์ของเซลล์ประสาทอื่นหรือเซลล์กล้ามเนื้อหรือหน่วยปฏิบัติงานเพื่อถ่ายทอดกระแสประสาท บริเวณที่อยู่ชิดกันนั้น เรียกว่า ไซแนปส์ (synapse)
Alan L. Hodgkin
Andrew F. Huxley
สิ่งเร้าชนิดต่างๆ เช่น เสียง ความร้อน สารเคมีที่มากระตุ้นหน่วยรับความรู้สึกจะถูกเปลี่ยนให้เป็นกระแสประสาท จาการวิจัยของนักสรีรวิทยาหลายท่าน โดยเฉพาะฮอดจ์กิน (A.L. Hodgkin) และฮักซเลย์ (A.F. Huxley) ผู้ได้รับรางวัลโนเบลในปี พ.ศ. 2506 ทำให้ทราบว่ากระแสประสาทเกิดขึ้นได้อย่างไรโดยการนำไมโครอิเล็กโทรด ซึ่งมีลักษณะคล้ายหลอดแก้วที่ดึงให้ยาวตรงปลายเรียวเป็นท่อขนาดเล็กมาต่อกับมาตร วัดความต่างศักย์ไฟฟ้าจากนั้นเสียบปลายของไมโครอิเล็กโทรด เข้าไปในแอก ซอนของหมึกและแตะปลายอีกข้างหนึ่งที่ผิวด้านนอกของแอกซอนของหมึก จากการทดลองสามารถวัดความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่าง ภายในและภายนอกเซลล์ประสาทของหมึกพบว่ามีค่าประมาณ -70 มิลลิโวลต์ซึ่งเป็น ศักย์เยื่อเซลล์ระยะพัก (resting membrane potential) เยื่อหุ้มเซลล์มีโปรตีนทำหน้าที่ควบคุมการเข้าออกของไอออนบางชนิด เช่น NA+ เรียกว่า ช่องโซเดียม และ K+ เรียกว่าช่องโพแทสเซียม
ช่องโซเดียม (Na+ )ที่มีประตูปิดแบบพร้อมใช้งานและช่องโพแทสเซียม (K+ ) ที่มีประตูปิด
แต่เซลล์ยังรักษาศักย์ไฟฟ้าเยื่อเซลล์ระยะพักไว้ได้เพราะการทำงานของโซเดียมปั๊ม
เมื่อมีการกระตุ้นจะทำให้ช่องโซเดียม (Na+ ) ที่มีประตูบางส่วนเริ่มเปิด โซเดียมไอออน (Na+ )เริ่มเข้าสู่ภายในเซลล์ และถ้ามีการกระตุ้นถึงระดับเทรโฮลด์จะทำให้เกิด แอกชันโพเทนเชียล
ส่วนช่องโพแทสเซียมประตูยังปิดอยู่
ช่องโซเดียม (Na+ ) เปิดมากขึ้น
ช่องโพแทสเซียมประตูยังปิด
โซเดียมไอออน (Na+ )เข้าสู่เซลล์เป็นจำนวนมาก
ศักย์ไฟฟ้าเยื่อเซลล์ด้านในมีค่าเป็นบวก
ช่องโซเดียม (Na+ ) ประตูปิดแบบไม่พร้อมใช้งาน
โซเดียมไอออน (Na+ ) ไม่สามารถเข้าสู่เซลล์ได้อีก
ช่องโพแทสเซียมประตูเริ่มเปิด
โพแทสเซียมไอออนผ่านออกไปยังนอกเซลล์
ศักย์ไฟฟ้าเป็นลบ
ช่องโซเดียม (Na+ ) เปลี่ยนสถานะจาก "ปิดแบบไม่พร้อมใช้งาน" เป็น "ปิดแบบพร้อมใช้งาน"
โซเดียมไอออน (Na+ ) ยังคงไม่สามารถผ่านเข้าเซลล์ได้
ช่องโพแทสเซียมช่องประตูยังเปิดอยู่
โพแทสเซียมไอออนผ่านออกนอกเซลล์
ศักย์ไฟฟ้ามีค่าเป็นลบมากกว่าในระยะพัก
ช่องโพแทสเซียมประตูปิด ค่าศักย์ไฟฟ้าเยื่อเซลล์จะกลับสู่ระยะพัก
การนำกระแสประสาทเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆจากจุดที่กระตุ้นไปปลายแอกซอน
ความเร็วขึ้นอยู่่กับศูนย์กลางของเส้นใยประสาท
เยื่อไมอีลินมีสมบัติเป็นฉนวนกันประจุไฟฟ้าไม่ให้ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์
การนำกระแสประสาทเปรียบเสมือนการกระโดดจากโนดออฟแรนเวียหนึ่งไปยังอีกโนดออฟแรนเวียหนึ่ง
การเคลื่อนที่ของกระแสประสาทไปยังปลายแอกซอนเกิดเร็วกว่ากรณีไม่มีเยื่อหุ้ม
แอกซอนที่มีเยื่อไมอีลิหุ้มที่มีระยะห่างระหว่างโนดออฟแรนเวียหนึ่งมากกว่าจะมีการนำกระแสประสาทได้เร็วกว่า
ไซแนปส์เคมี (Chemical Synapse) เป็นการถ่ายทอดกระแสประสาทในรูปของสารเคมีเกิดขึ้นกับเซลล์ประสาทที่มีช่วงไซแนปส์กว้าง (ประมาณ 200-500 อังสตรอม)
สารเคมีทำหน้าที่นำกระแสประสาทเรียกว่า สารสื่อประสาท (Neurotransmitter) ซึ่งถูกสร้างขึ้นที่ถุงเล็ก ๆ ในไซโทพลาซึมตรงบริเวณปลายแอกซอน เราเรียกถุงที่บรรจุสารสื่อประสาทนี้ว่า Synaptic Vesicle
ไซแนปส์ไฟฟ้า (Electrical Synapse) เป็นการถ่ายทอดกระแสประสาทในรูปของกระแสไฟฟ้าโดยตรงจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งได้เลย เพราะช่วงไซแนปส์แคบพบในสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังชั้นต่ำ