Human Ethics Information
Thai Herbal Medicine Research Toolkit for Investigators and Industry
Human Ethics Information
เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคน สามารถพิจารณาโครงการวิจัยเกี่ยวกับยา ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงออกประกาศกำหนดการกำหนดให้ใช้แบบอ้างผลการประเมินของหน่วยงานรับรองคุณภาพคณะกรรมการจริยธรรม ที่ทำหน้าที่ในการรับรองคุณภาพเป็นที่ยอมรับระดับมาตรฐานสากล เช่น
ระบบรับรองคุณภาพคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ (National Ethics Committee Accreditation System of Thailand: NECAST) หรือ
The Statistic Initiative of Developing Capacity in Ethical Review (SIDCER) และ forum for Ethical Review Committees In Asia and the Western Pacific (FERCAP) หรือ
The Association for the Accreditation of Human Research Protection Programs (AAHRPP) หรือ
หน่วยงานรับรองคุณภาพอื่นที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารพิจารณาเห็นชอบ
ทั้งนี้ จะต้องยื่นเอกสารที่แสดงผลการผ่านการประเมินจากหน่วยงานที่ทำหน้าที่ให้การรับรองคุณภาพที่เป็นที่ยอมรับระดับมาตรฐานสากล พร้อมแนบเอกสารตามแนบท้ายประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
(อ้าางอิง: ประกาศสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เรื่อง ระบบการรับรองคุณภาพคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ประกาศ NECAST.pdf)
มาตรฐานที่ 1 โครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์
โครงสร้างองค์ประกอบและความชำนาญของคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่มีความเหมาะสมกับปริมาณและประเภทของโครงการวิจัยที่พัฒนาทบทวนประกอบด้วย
โครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการ (Membership requirements)
การบริหารจัดการ (Administrative requirements) มีจำนวนบุคลากรเพียงพอที่จะตรวจตรางานของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์มีสำนักงานเป็นสัดส่วนชัดเจน มีการกำหนดหน้าที่และงานของเจ้าหน้าที่สำนักงานและเงื่อนไขการทำหน้าที่เป็นลายลักษณ์อักษร
การฝึกอบรมสำหรับกรรมการ (Membership initial and continuous training) คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์สมควรจัดให้กรรมการได้รับการศึกษาทั้งในระยะเริ่มต้นและศึกษาต่อเนื่อง
การจัดการกรณีการขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Management of conflicts of interest) คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์พึงมีนโยบายการจัดการกรณีการขัดแย้งทางผลประโยชน์
มาตรฐานที่ 2 ปฏิบัติสอดคล้องกับนโยบายเฉพาะ
กำหนดนโยบายหรือแนวทางปฏิบัติของคณะกรรมการจริยธรรมประจำสถาบัน โดยอ้างอิงกฎหมาย กฎระเบียบ และ/มาตรฐานระดับชาติ และ/หรือระดับสากล (Availability of regulations and guidelines for EC/IRB reference)
มีวิธีดำเนินการมาตรฐาน (Standard Operating Procedure; SOP) ที่เป็นลายลักษณ์อักษร A (Availability of SOP)
มีวิธีดำเนินการมาตรฐานที่สอดคล้องกับกฎหมาย กฎระเบียบของสถาบัน รวมถึงมาตรฐานระดับชาติและระดับสากล (Adherence to national and international guidelines)
วิธีดำเนินการมาตรฐานที่ครอบคลุมงานและกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติ (Areas and functions covered by the SOP) อย่างน้อยจะต้องควบคุมหัวข้อดังนี้
โครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการ (Structure and compsition of research ethic committee)
การจัดการเกี่ยวกับโครงการวิจัยที่ยื่นเข้ามาเพื่อพิจารณาเป็นครั้งแรก
การจัดการเกี่ยวกับการยื่นเอกสารเพิ่มเติมหลังจากผ่านการรับรอง (Management of post approval submissions)
กระบวนการพิจารณา (Review process) โดยครอบคลุมการพัฒนาแบบเต็มคณะ (Full board review) และ/หรือการยกเว้นการพิจารณา (Exemption review) และ/หรือการพิจารณาแบบเร็ว (Expedited review)
กระบวนการจัดการประชุม (Meeting procedures)
การบันทึกการประชุมและกิจกรรมของคณะกรรมการรวมทั้งการแจ้งผล (Documentation of meeting minute, Research ethics committee activities and communication of decision)
การจัดการและการเก็บรักษาเอกสารโครงการ (Management of archiving files)
การตรวจเยี่ยม (Site visit)
การจัดการเกี่ยวกับข้อร้องเรียน/การร้องเรียน (Management of queries/Complaints)
การเขียนและการทบทวนวิธีดำเนินการมาตรฐาน (Writing and revising SOPs)
มีแบบฟอร์มที่ใช้ในการพิจารณาของคณะกรรมการ (Availability of REC/IRB forms and checklists)
มีการปรับปรุงวิธีดำเนินการมาตรฐานเป็นระยะ (Periodic updating of SOPs)
มาตรฐานที่ 3 วิธีการพิจารณาทบทวน
มีการใช้แบบประเมินโครงการวิจัยสำหรับกรรมการผู้ทบทวน (Comprehensive use of reviewe assessment form)
กระบวนการพิจารณาทบทวน (Review process) เป็นไปตาม SOP
การพิจารณาทบทวนโครงร่างการวิจัยและเอกสารที่เกี่ยวข้องมีคุณภาพ ครอบคลุมประเด็นทางด้านวิทยาศาสตร์และจริยธรรมการวิจัย (Elements of review/Quality of review/Scientific and ethical issues)
กระบวนการพิจารณาตัดสิน (Decision-making process)
กระบวนการพิจารณาตัดสินเป็นไปตามความเสี่ยงของโครงการวิจัย
ระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพิจารณาเป็นไปตามระบุในวิธีการดำเนินงานตามมาตรฐาน (SOP)
มีวาระการประชุมที่ครบถ้วนและดำเนินการประชุมตามวาระที่กำหนด (Completeness of meeting agenda)
มาตรฐานที่ 4 วิธีการปฏิบัติหลังให้ความเห็นชอบ
รายงานการประชุม (Meeting minutes) และการแจ้งผลการพิจารณาตัดสิน
การทบทวนต่อเนื่อง เช่น Amendments, Progress reports, SAE reports, Protocol deviation/violation, Final report เป็นต้น
มาตรฐานที่ 5 การจัดการเอกสารและการเก็บรักษาเอกสาร
มีสถานที่และอุปกรณ์ในการเก็บเอกสารที่เพียงพอ มีระบบความปลอดภัยสามารถเก็บรักษาความลับได้ (REC/IRB office: Adequate space & equipment, Confidentiality & security protection)
มีวิธีการเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบ (Orderly filing system)
มีระบบฐานข้อมูลสามารถค้นหาได้ (Database for tracking)
เอกสารที่เก็บมีความครบถ้วนสมบูรณ์ (Comprehensive documentation)
มีการแยกเอกสารที่อยู่ระหว่างดำเนินการกับดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว (Seperation of active from inactive files)
มีวิธีการจัดเก็บ การเข้าถึงแ ละการเรียกข้อมูลจากเอกสาร (Archiving)
(อ้าางอิง: ประกาศสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เรื่อง ระบบการรับรองคุณภาพคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ประกาศ NECAST.pdf)
เนื่องจากงานวิจัยของสถาบันต่างๆ มีความแตกต่างกันตามบริบทและความพร้อมของสถาบัน การทำงานของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยประจำสถาบันต่างๆ จึงมีความต้องการพัฒนาคุณภาพการทำงานที่หลากหลาย ประสบการณ์ในการทบทวนจริยธรรมการวิจัยจากขึ้นอยู่กับลักษณะของโครงการวิจัยที่เข้าสู่การพิจารณา การกำหนดมาตรฐานที่ไม่สอดคล้องกับบริบทการทำงานจะทำให้การพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยประจำสถาบันขาดประสิทธิภาพ และไม่คุ้มค่ากับทรัพยากรที่ใช้ในการดำเนินงาน เห็นควรให้แบ่งระดับของการรับรองคุณภาพเป็น 3 ระดับ ดังต่อไปนี้
NECAST ระดับ 1 การรับรองคุณภาพสำหรับคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบันใหม่ หรือคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบันที่สามารถให้การพิจารณาเฉพาะโครงการวิจัยที่มีความเสี่ยงไม่มากกว่าความเสี่ยงในชีวิตประจำวัน (Mininal risk researches)
NECAST ระดับ 2 การรับรองคุณภาพสำหรับคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบันที่สามารถให้การพิจารณาโครงการวิจัยที่มีความเสี่ยงมากกว่าความเสี่ยงในชีวิตประจำวันทุกประเภท ยกเว้นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ
การทดสอบวิธีการใหม่ทางคลินิกที่มีการรุกล้ำร่างกาย และมีความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพกายหรือจิต (New invesive and high risk intervention)
การวิจัยทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 - 3 (Clinical trial phase 1 - 3)
การวิจัยทดลองทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยหรือเครื่องมือทางการแพทย์ ที่วางแผนจะขึ้นทะเบียนยา (Investigational drugs medical device)
การวิจัยทดลองทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาหรือเครื่องมือแพทย์ ที่แตกต่างจากข้อบ่งชี้ของการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (Clinical trial involving off-label use of drugs and medical device)
การวิจัยทดสอบชีวะสมมูลของยา (Bio-equivalence study)
การวิจัยทดลองทางคลินิกในผู้ป่วยจิตเวช
การวิจัยทดลองในผู้ต้องขังสถานกักกัน ผู้อพยพ ชนกลุ่มน้อย หรือชนชายขอบ
NECAST ระดับ 3 การรับรองคุณภาพสำหรับคณะกรรมการจะยังทำการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบัน ที่พิจารณาโครงการวิจัยทุกประเภท รวมถึงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นทะเบียนอาหาร ยา และเครื่องมือแพทย์ และการวิจัยที่อาจเกิดผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง
(อ้าางอิง: ประกาศสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เรื่อง ระบบการรับรองคุณภาพคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ประกาศ NECAST.pdf)
NECAST ระดับ 1
การตรวจประเมินเพื่อรับรองคุณภาพระดับที่หนึ่ง คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบันที่ต้องการขอรับการรับรอง จะต้องได้รับการประเมินตามวิธีการที่กำหนดจนครบถ้วนและผ่านการประเมิน โดยมีระยะเวลาในการแก้ไขเพื่อให้ผ่านการประเมิน 1 ปี เมื่อผ่านการรับรองคุณภาพแล้วจะต้องส่งรายงาน ความก้าวหน้าทุกปี ระยะเวลาการรับรองคุณภาพมีอายุ 3 ปี และจะต้องต่ออายุเพิ่มก่อนครบกำหนดหมดอายุการรับรอง
วิธีการตรวจประเมิน ประกอบด้วย
การตรวจเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
รายชื่อคณะกรรมการ คำสั่งแต่งตั้ง
ประวัติความรู้ความเชี่ยวชาญและการฝึกอบรม
วิธีดำเนินการมาตรฐานและใช้งานอย่างน้อย 6 เดือน
รายชื่อโครงการวิจัยที่ทบทวนภายในเวลา 1 ปี (ยกเว้นกรณีที่เป็นคณะกรรมการใหม่)
แบบประเมินตนเองของคณะกรรมการจริยธรรม สำหรับระดับ 1
โครงการวิจัยฉบับเต็มและเอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่ผู้ตรวจประเมินร้องขอ
การนำเสนอการดำเนินงานของคณะกรรมการจริยธรรมฯ ตามมาตรฐานที่ระบุไว้ต่อคณะผู้ประเมิน
การรายงานความก้าวหน้า หลังจากที่ได้รับการรับรอง ประกอบด้วย
รายงานผลดำเนินการประจำปี
รายชื่อโครงการวิจัยใหม่ที่ทบทวนภายในเวลา 1 ปี
รายงานการประชุมคณะกรรมการ 3 ครั้งสุดท้าย (ถ้ามี)
NECAST ระดับ 2
การตรวจประเมินเพื่อรับรองคุณภาพระดับที่สอง คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบันที่ต้องการขอรับการรับรอง จะต้องได้รับการประเมินตามวิธีการที่กำหนดจนครบถ้วน และผ่านการตรวจเยี่ยมเพื่อประเมินโดยคณะผู้ตรวจเยี่ยมประเมิน โดยจะต้องส่งแผนการแก้ไขภายใน 30 วันหลังจากที่ได้รับการแจ้งผลและมีระยะเวลาดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ผ่านการประเมิน 1 ปี เมื่อผ่านการรับรองคุณภาพแล้ว จะต้องส่งรายงานความก้าวหน้าทุกปี ระยะเวลาการรับรองคุณภาพมีอายุ 3 ปี และจะต้องดำเนินการขอต่ออายุการรับรอง อย่างน้อย 90 วันก่อนครบกำหนดวันหมดอายุ
วิธีการตรวจประเมิน ประกอบด้วย
การตรวจเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
รายชื่อคณะกรรมการ คำสั่งแต่งตั้ง
ประวัติความรู้ความเชี่ยวชาญและการฝึกอบรม
วิธีดำเนินการมาตรฐานและใช้งานอย่างน้อย 6 เดือน
รายชื่อโครงการวิจัยที่ทบทวนภายในเวลา 3 ปี ทั้งนี้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 15 โครงการ และมีโครงการที่ได้รับการพิจารณาแบบเต็มคณะไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ
แบบประเมินตนเองของคณะกรรมการจริยธรรม สำหรับระดับ 2
โครงการวิจัยฉบับเต็มและเอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่ผู้ตรวจประเมินร้องขอ
การตรวจเยี่ยมเพื่อประเมินเป็นไปตามมาตรฐานของ NECAST โดยกรรมการจำนวน 3 ท่าน ขั้นตอนการตรวจเยี่ยมประกอบด้วย
การนำเสนอของคณะกรรมการจริยธรรมประจำสถาบันและคณะผู้ประเมิน
การตรวจแฟ้มประวัติกรรมการและเจ้าหน้าที่
การตรวจแฟ้มโครงการวิจัย อย่างน้อย 15 โครงการ รวมทั้งรายงานความปลอดภัย (SAE)อย่างน้อย 3 ฉบับ รายงานการประชุมคณะกรรมการอย่างน้อย 3 ครั้ง
การเยี่ยมชมสำนักงาน
การสัมภาษณ์ประธาน เลขานุการ กรรมการ และเจ้าหน้าที่
การสังเกตการประชุม
การสรุปผลการตรวจเยี่ยมและข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุง
การเข้าร่วมประชุมหรือการนำเสนอผลการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ในที่ประชุมระดับชาติ
วิธีการตรวจติดตามหลังจากที่ได้รับการรับรอง
รายงานผลดำเนินการประจำปี
รายชื่อโครงการวิจัยใหม่ที่ทบทวนภายในเวลา 1 ปี
เข้าร่วมการประชุมระดับชาติหรือนำเสนอผลงาน
การตรวจติดตามหลังจากที่ได้รับการรับรอง
NECAST ระดับ 3
การตรวจประเมินเพื่อรับรองคุณภาพระดับที่สาม คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบันที่ต้องการขอรับการรับรองจะต้องได้รับการประเมินตามวิธีการที่กำหนดจนครบถ้วน และผ่านการตรวจเยี่ยม เพื่อประเมินโดยคณะผู้ตรวจเยี่ยมประเมิน โดยจะต้องส่งแผนการแก้ไขภายใน 30 วันหลังจากที่ได้รับการแจ้งผลและมีระยะเวลาดำเนินการแก้ไขเพื่อให้ผ่านการประเมิน 1 ปี เมื่อผ่านการรับรองคุณภาพแล้ว จะต้องส่งรายงานความก้าวหน้าทุกปี ระยะเวลาในการรับรองคุณภาพครั้งแรกมีอายุ 3 ปี ในการรับรองคุณภาพครั้งต่อๆ ไป มีอายุ 3 - 5 ปี ขึ้นอยู่กับการพัฒนาคุณภาพของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยและจะต้องดำเนินการขอต่ออายุการรับรองอย่างน้อย 90 วันก่อนครบกำหนดวันหมดอายุ
ทั้งนี้ การตรวจประเมินรับรองคุณภาพระดับที่ 3 จะดำเนินการร่วมกับองค์กรการตรวจประเมินระดับสากล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
วิธีการตรวจประเมิน ประกอบด้วย
การตรวจเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
รายชื่อคณะกรรมการ คำสั่งแต่งตั้ง
ประวัติความรู้ความเชี่ยวชาญและการฝึกอบรม
วิธีดำเนินการมาตรฐานและใช้งานอย่างน้อย 6 เดือน
รายชื่อโครงการวิจัยที่ทบทวนภายในเวลา 3 ปี ทั้งนี้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 15 โครงการ และมีโครงการที่ได้รับการพิจารณาแบบเต็มคณะไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ
แบบประเมินตนเองของคณะกรรมการจริยธรรมตาม สำหรับระดับ 3
โครงการวิจัยฉบับเต็มและเอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่ผู้ตรวจประเมินร้องขอ
การตรวจเยี่ยมเพื่อประเมินเป็นไปตามมาตรฐานของ NECAST และต่างประเทศ โดยคณะผู้ประเมิน NECAST จำนวน 2 ท่าน หัวหน้าคณะผู้ประเมินจากต่างประเทศ 1 ท่าน และผู้ประสานงาน (coordinator) จากหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประเมินมาตรฐานจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ระดับนานาชาติ 1 ท่าน
การนำเสนอของคณะกรรมการจริยธรรมประจำสถาบันและคณะผู้ประเมิน
การตรวจแฟ้มประวัติกรรมการและเจ้าหน้าที่
การตรวจแฟ้มโครงการวิจัย อย่างน้อย 15 โครงการ รายงานความปลอดภัย (SAE) อย่างน้อย 6 ฉบับ รายงานการประชุมคณะกรรมการอย่างน้อย 3 ครั้ง รายงานการตรวจเยี่ยมของคณะกรรมการ (ถ้ามี)
การเยี่ยมชมสำนักงาน
การสัมภาษณ์ประธาน เลขานุการ กรรมการ และเจ้าหน้าที่
การสังเกตการประชุม
การสรุปผลการตรวจเยี่ยมและข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุง
การรายงานผลการดำเนินงานประจำปีหลังจากที่ได้รับการรับรอง
รายงานผลดำเนินการประจำปี
รายชื่อโครงการวิจัยใหม่ที่ทบทวนภายในเวลา 1 ปี
รายงานการทบทวนต่อเนื่องโครงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับขึ้นทะเบียนอาหาร ยาและเครื่องมือแพทย์ (ถ้ามี)
การเข้าร่วมประชุมหรือการนำเสนอผลการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ในที่ประชุมระดับชาติและนานาชาติ
*หมายเหตุ: NECAST ระดับ 3 เท่ากับ SIDCER - NECAST
(อ้าางอิง: ประกาศสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เรื่อง ระบบการรับรองคุณภาพคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ประกาศ NECAST.pdf)
สถาบันส่งเอกสารแผนการปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของคณะผู้ตรวจประเมินมาที่ NECAST (ถ้ามี) ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ได้รับข้อเสนอแนะ
คณะผู้ตรวจประเมิน ทบทวนและติดตามการปรับปรุง ภายใน 60 วัน
คณะผู้ตรวจประเมินส่งความเห็นให้ NECAST เพื่อพิจารณาการรับรองคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ภายใน 30 วัน หลังการติดตาม
NECAST ส่งมติผลการพิจารณาให้สถาบัน ภายใน 30 วัน
ที่อยู่ติดต่อสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ: ที่อยู่ 196 ถนนพลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
โทรศัพท์. 02-561-2445 ต่อ 604 618 , โทรสาร. 0 2579 9202
ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ OHRS@nrct.go.th, website: http://ohrs.nrct.go.th/
(อ้าางอิง: ประกาศสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เรื่อง ระบบการรับรองคุณภาพคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ประกาศ NECAST.pdf)
การรายงานความก้าวหน้า หลังจากที่ได้รับการรับรอง ประกอบด้วย
รายงานผลดำเนินการประจำปี
รายชื่อโครงการวิจัยใหม่ที่ทบทวนภายในเวลา 1 ปี
รายงานการประชุมคณะกรรมการ 3 ครั้งสุดท้าย (ถ้ามี)
วิธีการตรวจติดตามหลังจากที่ได้รับการรับรอง
รายงานผลดำเนินการประจำปี
รายชื่อโครงการวิจัยใหม่ที่ทบทวนภายในเวลา 1 ปี
เข้าร่วมการประชุมระดับชาติหรือนำเสนอผลงาน
การรายงานผลการดำเนินงานประจำปีหลังจากที่ได้รับการรับรอง
รายงานผลดำเนินการประจำปี
รายชื่อโครงการวิจัยใหม่ที่ทบทวนภายในเวลา 1 ปี
รายงานการทบทวนต่อเนื่องโครงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับขึ้นทะเบียนอาหาร ยา และเครื่องมือแพทย์ (ถ้ามี)
การเข้าร่วมประชุมหรือการนำเสนอผลการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ในที่ประชุมระดับชาติและนานาชาติ
(อ้าางอิง: สำนักงานมาตรฐานการวิจัยในคน สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ https://cutt.ly/JwqLHRrO)
คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบันทำแบบประเมินตนเองเพื่อคัดเลือกระดับการรับรองคุณภาพโดยกรอกข้อมูลในเอกสารการประเมินตนเอง และส่งให้เจ้าหน้าที่งานระบบรับรองคุณภาพฯ “สำนักงานมาตรฐานการวิจัยในคน กองมาตรฐานการวิจัย ชั้น 5 อาคาร วช.2 สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ 196 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักรกรุงเทพมหานคร 10900” หรือ necast545@gmail.com (สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้ที่ >> http://gg.gg/djuzv)
หากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบัน อยู่ใน NECAST ระดับ 3 ให้กรอกข้อมูลคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบันใน SIDCER-FERCAP form 001 และแบบประเมินตนเองตามแบบฟอร์มของ SIDCER-FERCAP form 0021 จากนั้นส่งให้เจ้าหน้าที่งานระบบรับรองคุณภาพฯ (necast545@gmail.com) และผู้ประสานงาน SIDCER – FERCAP (fercapcoordinator@gmail.com) (สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้ที่ >> http://gg.gg/djv0l, http://gg.gg/djv33)
*หมายเหตุ: เนื่องจากการรับรองคุณภาพฯ NECAST ระดับ 3 เทียบเท่ากับของ SIDCER
คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบัน ขอรับการสนับสนุนการรับรองคุณภาพฯ จาก NECAST โดยใช้ Template หนังสือขอรับการสนับสนุน ดังนี้
3.1 กรณีรับการรับรองคุณภาพฯ SIDCER - NECAST เท่ากับ NECAST ระดับ 3 คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบัน (สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้ที่ >> http://gg.gg/djv0o)
3.2 กรณีรับการรับรองคุณภาพฯ NECAST ระดับ 2 คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ประจำสถาบัน (สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้ที่ >> http://gg.gg/djv0r)
รายละเอียดการสนับสนุนค่าใช้จ่ายกิจกรรมการรับรองคุณภาพฯ NECAST สามารถดาวน์โหลดเอกสารได้ที่ >> ค่าใช้จ่าย NECAST update 2019 05 13.pdf
(อ้างอิง: The SIDCER-FERCAP Foundation Promoting the development of human research ethics https://www.sidcer-fercap.org/pages/home.html)
(อ้างอิง: The SIDCER-FERCAP Foundation Promoting the development of human research ethics https://www.sidcer-fercap.org/pages/home.html)
Our Story
ในความพยายามที่จะจัดการกับช่องว่างทางจริยธรรมขั้นพื้นฐานและความท้าทายที่พบในการวิจัยด้านสุขภาพทั่วโลก โครงการริเริ่มเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาศักยภาพในการทบทวนจริยธรรม (SIDCER) ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 โดยองค์การอนามัยโลกภายใต้โครงการพิเศษเพื่อการวิจัยและฝึกอบรมโรคเขตร้อน (WHO-TDR) SIDCER ก่อตั้งขึ้นโดยมุ่งเน้นที่ความคิดริเริ่มในระดับรากหญ้า โดยเป็นเครือข่ายของเวทีระดับภูมิภาคที่จัดตั้งขึ้นอย่างอิสระสำหรับคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรม นักวิจัยด้านสุขภาพ และองค์กรพันธมิตรที่ได้รับเชิญจากภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกตะวันตก (FERCAP), รัฐรัสเซียในอดีต (FECCIS), ละตินอเมริกา (FLACEIS), แอฟริกา (PABIN) และอเมริกาเหนือ (FOCUS) โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ มีส่วนร่วมในการปกป้องมนุษย์ทั่วโลกโดยพัฒนาศักยภาพในท้องถิ่นสำหรับการทบทวนจริยธรรมและเพิ่มความเข้าใจด้านจริยธรรมในการวิจัยด้านสุขภาพ
เพื่อเป็นเกียรติแก่การก่อตั้ง SIDCER WHO-TDR ได้เผยแพร่แนวทางการดำเนินงานสำหรับคณะกรรมการจริยธรรมที่ทบทวนการวิจัยทางชีวการแพทย์เพื่อสนับสนุนการพัฒนามาตรฐานสากลสำหรับการทบทวนจริยธรรมที่มีคุณภาพ แนวปฏิบัตินี้คำนึงถึงแนวปฏิบัติสากลที่กำหนดขึ้นเกี่ยวกับข้อกำหนดการทบทวนด้านจริยธรรม ตลอดจนแนวปฏิบัติที่มีอยู่ของการทบทวนด้านจริยธรรมจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก และทำหน้าที่เป็นพื้นฐานที่คณะกรรมการจริยธรรม สามารถพัฒนาขั้นตอนการดำเนินงานมาตรฐาน (SOP) ของตนเองสำหรับการทบทวนจริยธรรมของการวิจัยทางชีวการแพทย์ จากความสำเร็จนี้ WHO-TDR ยังได้พัฒนาและเผยแพร่แนวปฏิบัติการสำรวจและประเมินแนวทางปฏิบัติในการทบทวนจริยธรรมในปี 2002 แนวปฏิบัติชุดนี้ซึ่งตีพิมพ์เสริมกับแนวปฏิบัติชุดแรกได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการอำนวยความสะดวก และสนับสนุนการพัฒนากรอบสากลสำหรับการสำรวจและประเมินแนวปฏิบัติในการทบทวนจริยธรรมเพื่อให้มั่นใจถึงความโปร่งใสในการทำงานของคณะกรรมการจริยธรรม แนวปฏิบัติทั้งสองนี้ พร้อมด้วยแนวปฏิบัติด้านจริยธรรมและกฎข้อบังคับระหว่างประเทศที่มีอยู่ เป็นแนวทางหลักในความพยายามของ SIDCER ที่จะชี้นำและสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถในระดับภูมิภาคและระดับชาติสำหรับการทบทวนด้านจริยธรรม
ในฐานะความคิดริเริ่มขององค์กร SIDCER ร่วมมือกับสถาบันหลายแห่งทั่วโลกเพื่อจัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้สมาชิกของ SIDCER และคณะกรรมการจริยธรรมอิสระรายอื่นๆ มีโอกาสเปิดการสนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และท้าทาย ตลอดจนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการพัฒนาขีดความสามารถของตนเองในการทบทวนจริยธรรม กิจกรรมเหล่านี้รวมถึงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับหลักพื้นฐานจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์และการพัฒนา SOP การประชุมระหว่างประเทศเกี่ยวกับประเด็นทางจริยธรรมที่เกิดขึ้นใหม่ในการวิจัยทางชีวการแพทย์ ตลอดจนโครงการมิตรภาพระยะเวลา 6 เดือนโดยความร่วมมือกับ WIRB ซึ่งให้การฝึกอบรมล่วงหน้าแก่สมาชิกคณะกรรมการจริยธรรม
หลังจากปี 2004 SIDCER ได้ขยายขอบเขตการมุ่งเน้นไปยังการพัฒนาขีดความสามารถของนักวิจัยแต่ละคนนอกเหนือจากการพัฒนาคณะกรรมการจริยธรรมโดยรวม การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นจากความทะเยอทะยานของ SIDCER ที่ว่าบุคคลควรมีความสามารถที่จะยอมรับ ตลอดจนปฏิบัติการวิจัยอย่างมีจริยธรรม และด้วยเหตุนี้ยังสามารถประเมินคุณภาพของคณะกรรมการจริยธรรมในประเทศของตนได้ ร่วมกับความพยายามนี้ SIDCER ยังได้เริ่มวางรากฐานสำหรับการพัฒนาโปรแกรมใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่การติดตามและประเมินผลระบบการตรวจสอบทางจริยธรรมโดยเฉพาะสำหรับการปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่องของคณะกรรมการจริยธรรมทั่วโลก เปิดตัวในปี 2005 ในชื่อโปรแกรม SIDCER Recognition โปรแกรมประเมินคุณภาพของคณะกรรมการจริยธรรมผ่านการประเมินเกณฑ์ 5 ข้อ ได้แก่
โครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการจริยธรรม
การปฏิบัติตามนโยบายเฉพาะสำหรับการตรวจสอบอย่างมีจริยธรรม
ความสมบูรณ์ของกระบวนการตรวจสอบ
กระบวนการหลังการตรวจสอบ และ
การจัดทำเอกสาร
ระเบียบวิธีการนี้ได้รับการรับรองจาก WHO-TDR และได้นำโปรแกรมไปสู่การเติบโตตลอดหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง โครงการดังกล่าวได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยมีคณะกรรมการจริยธรรมที่เป็นที่ยอมรับกว่า 200 รายจากกว่า 12 ประเทศทั่วโลก
ในปี 2012 เนื่องจากการมุ่งเน้นที่เอเชียและแอฟริกาเป็นศูนย์กลางสำหรับการทดลองทางคลินิกที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาอย่างรวดเร็วของระบบการตรวจสอบจริยธรรมที่มีความสามารถใน 2 ภูมิภาคนี้ SIDCER จึงตัดสินใจเน้นทรัพยากรและความสนใจไปที่สมาชิกที่ประสบปัญหามากที่สุด ได้แก่: FERCAP (ภูมิภาคเอเชียและตะวันตก) และ PABIN (แอฟริกา) ในปีเดียวกันนั้น SIDCER ได้ย้ายสำนักงานมายังประเทศไทยเนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติและสำนักงานคุ้มครองการวิจัยในมนุษย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนำไปสู่ความสัมพันธ์ในการทำงานที่ใกล้ชิดกับโครงการริเริ่มระดับท้องถิ่นของ FERCAP
ขณะที่อยู่ในประเทศไทย SIDCER ยังทำงานร่วมกับมูลนิธิมิดเดิลตันเพื่อการศึกษาด้านจริยธรรม (Middleton Foundation for Ethical Studies) เพื่อพัฒนามูลนิธิมิดเดิลตันเพื่อโครงการจริยธรรมศึกษาระดับโลก (Middleton Foundation for Ethical Studies Global Fellowship Program) ซึ่งเป็นหลักสูตรนานาชาติ 18 สัปดาห์ที่มีจุดประสงค์เพื่อฝึกอบรมและชี้แนะนักวิจัยรุ่นใหม่ในการสร้างความสามารถส่วนบุคคลในการทบทวนจริยธรรม เพื่อปกป้องอาสาสมัครในการวิจัยทางชีวการแพทย์ได้ดียิ่งขึ้น ผ่านการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ ผู้เข้าร่วมได้รับการสนับสนุนให้ขยายมุมมองของพวกเขาและท้าทายให้เข้าใกล้แนวปฏิบัติปัจจุบันของการตรวจสอบจริยธรรมของคณะกรรมการจริยธรรมทั่วโลกอย่างมีวิจารณญาณ จากความรู้ที่ได้รับจากโครงการ หวังว่าคณะกรรมการจริยธรรมทั้งใหม่และที่จัดตั้งขึ้นจะได้รับแรงบันดาลใจในการส่งเสริมการวิจัยเชิงจริยธรรมในสาขาการวิจัยต่างๆ เนื่องจากโปรแกรมมิตรภาพ (Fellowship Program) ยินดีต้อนรับนักเรียนบทเรียนแรกในปี 2015 มีสมาชิกกว่า 30 คนที่สำเร็จการศึกษาจากโปรแกรมแล้วและกลับมาสร้างผลกระทบต่อแนวปฏิบัติในการทบทวนจริยธรรมในสถาบันของตน
เนื่องจากความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ของ SIDCER และ FERCAP ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความคิดริเริ่มจึงเริ่มขึ้นในปี 2015 สำหรับความร่วมมือระยะยาวที่สามารถปูทางไปสู่การช่วยเหลือความคิดริเริ่มระดับรากหญ้าอื่นๆ ให้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับระบบระดับชาติที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาระบบการรับรองระดับชาติ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2017 หลังจาก 2 ปีของการเตรียมการและการวางแผน มูลนิธิ SIDCER-FERCAP เพื่อส่งเสริมการพัฒนาจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ก็ประสบความสำเร็จ
(อ้างอิง: The SIDCER-FERCAP Foundation Promoting the development of human research ethics https://www.sidcer-fercap.org/pages/home.html)
การประชุมสำหรับคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกตะวันตก (Forum for Ethical Review Committees in the Asian and Western Pacific Region (FERCAP)) ถือกำเนิดขึ้นที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2000 หลังจากการคิดและไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนระหว่างกลุ่มนักชีวจริยธรรมและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความเข้าใจที่ดีขึ้นและการนำไปใช้ที่ดีขึ้นของการทบทวนจริยธรรมของการวิจัยเชิงพฤติกรรมและชีวการแพทย์ในภูมิภาค FERCAP เป็นผลมาจากการตระหนักว่าจริยธรรมต้องใช้ภูมิปัญญาร่วมกัน และจำเป็นต้องมีวิธีการที่เป็นระบบเพื่อแก้ไขปัญหาการวิจัยด้านสุขภาพที่สำคัญในเอเชียและแปซิฟิกตะวันตก
FERCAP เป็นพันธมิตรกับคณะสหเวชศาสตร์ (FAHS) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เป็นโครงการขององค์การอนามัยโลก (WHO) โครงการฝึกอบรมและวิจัยพิเศษด้านโรคเขตร้อน (TDR) และเป็นเวทีระดับภูมิภาคภายใต้โครงการริเริ่มเชิงกลยุทธ์เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถในการทบทวนจริยธรรม (SIDCER)
(อ้างอิง: The SIDCER-FERCAP Foundation Promoting the development of human research ethics https://www.sidcer-fercap.org/pages/home.html)
เพื่อปรับปรุงการสื่อสารระหว่างคณะกรรมการจริยธรรม (ECs) ที่ทบทวนงานวิจัยด้านสุขภาพในภูมิภาค
เพื่อปรับปรุงการสื่อสารระหว่างคณะกรรมการจริยธรรม (ECs) ที่ทบทวนงานวิจัยด้านสุขภาพในภูมิภาค
เพื่อจัดประชุมและสัมมนาระดับนานาชาติ
เพื่อช่วยในการยอมรับและดำเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐาน (SOPs) สำหรับการทบทวนด้านจริยธรรมในภูมิภาค โดยคำนึงถึงแนวทางการดำเนินงานขององค์การอนามัยโลกสำหรับคณะกรรมการจริยธรรมทบทวนการวิจัยทางชีวการแพทย์
เพื่ออำนวยความสะดวกในการฝึกอบรมและโอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการวิจัยด้านสุขภาพในภูมิภาค
เพื่อประสานงานการสื่อสารระดับภูมิภาคเกี่ยวกับการทบทวนจริยธรรมของการวิจัยกับองค์การอนามัยโลกและองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทบทวนจริยธรรม
(อ้างอิง: The SIDCER-FERCAP Foundation Promoting the development of human research ethics https://www.sidcer-fercap.org/pages/home.html)
About the Program (เกี่ยวกับโปรแกรม)
มีการอภิปรายอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการดำเนินการวิจัยทางชีวการแพทย์ในประเทศกำลังพัฒนาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และข้อกังวลส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพสำหรับการทบทวนทางจริยธรรมในประเทศเหล่านี้ เพื่อรับรองสิทธิและความปลอดภัยของบุคคลและชุมชนที่เข้าร่วมในการวิจัยทางคลินิก ในการตระหนักถึงความจำเป็นของประชาคมระหว่างประเทศในการวัดผลและแสดงความรับผิดชอบเกี่ยวกับคุณภาพและประสิทธิผลของการทบทวนจริยธรรมทั่วโลก SIDCER ได้ริเริ่มโครงการ SIDCER Recognition วัตถุประสงค์ของโครงการคือการสำรวจและรับรองคุณภาพของ EC/IRB ตามมาตรฐาน 5 ประการ:
มาตรฐาน I. โครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการจริยธรรม (Strucure and Composition) โครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการจริยธรรมต้องประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา
มาตรฐาน II: การปฏิบัติตามนโยบายเฉพาะ (Adhenrence to Specific Policies) ขั้นตอนการจัดการและการดำเนินงานต้องทันตามกำหนดเวลาและสอดคล้องกับแนวปฏิบัติ (Standard Operating Procedure)
มาตรฐาน III: ความสมบูรณ์ของกระบวนการตรวจสอบ (Completeness of the Review Process) ขั้นตอนและกระบวนการพิจารณาต้องโปร่งใส ปราศจากอคติและผลประโยชน์ทับซ้อน
มาตรฐาน IV: กระบวนการทบทวนหลังการอนุมัติ (After Review Process) มีกระบวนการภายหลังพิจารณาเพื่อติดตามความก้าวหน้าของโครงการ
มาตรฐาน V: เอกสารและการเก็บถาวร (Documentation and Archiiving) เอกสารและการจัดเก็บต้องครบถ้วนสมบูรณ์และเป็นระบบตรวจสอบง่าย
การสำรวจจะดำเนินการโดยผู้สำรวจที่มีคุณสมบัติซึ่งผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรเต็มรูปแบบที่จัดทำโดย SIDCER โดยใช้เครื่องมือ SIDCER Recognition ได้แก่
แนวทางการดำเนินงานสำหรับคณะกรรมการจริยธรรมที่ทบทวนการวิจัยทางชีวการแพทย์ (2000) โดยองค์การอนามัยโลก (WHO/TDR)
การสำรวจและประเมินการปฏิบัติทบทวนอย่างมีจริยธรรม (2002) โดยองค์การอนามัยโลก (WHO/TDR)
มาตรฐานและแนวปฏิบัติสำหรับการทบทวนจริยธรรมของการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพกับผู้เข้าร่วมในมนุษย์ (2011) โดยองค์การอนามัยโลก (WHO)
เครื่องมือประเมินตนเองของ SIDCER และ
ขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐานของ FERCAP (SOP) สำหรับคณะกรรมการจริยธรรม (ECs)/คณะกรรมการพิจารณาของสถาบัน (IRB)
The Assessment and Recognition Process กระบวนการประเมินและการยอมรับ
กระบวนการประเมินและการยอมรับจะดำเนินการใน 4 ขั้นตอน:
การประเมินตนเองของคณะกรรมการจริยธรรม (EC/IRB)
EC/IRB ที่ต้องการการรับรองจะต้องดำเนินการจัดส่งเอกสารเพื่อทำการสมัครขอรับการรับรองจาก SIDCER-FERCAP หากเอกสารครบถ้วนสมบูรณ์จะได้รับการตรวจสอบเพื่อพิจารณาว่า EC/IRB ที่สมัครพร้อมสำหรับการตรวจเยี่ยมหรือไม่ หากเอกสารไม่ครบถ้วน EC/IRB จะต้องดำเนินการปรับปรุง/แก้ไขตามคำแนะนำที่เป็นลายลักษณ์อักษรก่อน
SURVEY สำรวจ
EC/IRB ซึ่งผ่านการประเมินตนเองแล้ว จะถูกสำรวจเพื่อรับรอง โดย SIDCER-FERCAP การสำรวจสถานที่จะดำเนินการโดยผู้สำรวจ การประชุมระดับภูมิภาค (ฝึกอบรมโดย SIDCER) การสำรวจจะรวมถึงการสัมภาษณ์ การประเมินเอกสารและขั้นตอนการดำเนินงาน การสังเกต สิ่งอำนวยความสะดวกและการสังเกตการณ์การประชุมคณะกรรมการเต็มคณะของ EC/IRB การสำรวจจะตามมาด้วยรายงานที่เป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับการยอมรับองค์กรที่ทำการสำรวจ สำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องจะแนบมากับรายงาน
RECOGNITION การยอมรับ
ตามมาตรฐานทั้ง 5 ข้อ EC/IRB จะได้รับการยอมรับจาก SIDCER และเวทีระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง และจะมีการออกใบรับรองการยอมรับให้กับ EC/IRB การยอมรับจะได้รับเป็นระยะเวลาสูงสุด 3 ปี SIDCER และเวทีระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องจะมีดุลยพินิจในการให้การยอมรับสำหรับระยะเวลาที่สั้นกว่า และสามารถถอนการรับรองได้ตลอดเวลา หากพบว่าไม่ตรงตามเกณฑ์การรับรองอีกต่อไป EC/IRB ที่รอการรับรองจะไม่มีสิทธิ์ได้รับใบรับรอง
ANNUAL REPORTS รายงานประจำปี
EC/IRB ที่ได้รับการยอมรับจะต้องจัดทำรายงานประจำปีสำหรับการตรวจสอบและติดตามโดย SIDCER และเวทีระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควรรวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของ EC/IRB ในปีที่ผ่านมา การแก้ไข SOP และแนวปฏิบัติใดๆ และ SOPs หรือแนวปฏิบัติใหม่ใดๆ ที่ได้รับการพัฒนาภายในระยะเวลา1 ปี และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ของเจ้าหน้าที่สำนักงานฯ หรือขั้นตอน
(อ้างอิง: สำนักงานมาตรฐานการวิจัยในคน สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ http://ohrs.nrct.go.th/suggestion_sidcer)
การสมัครขอรับการตรวจ
REC/IRB กรอก Application Form ส่ง Country Coordinator ของ SIDCER-FERCAP (พลตรี รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอาภรณ์ภิรมย์ เกตุปัญญา) เมื่อ REC/IRB มีความพร้อม ทั้งนี้ส่งก่อนกำหนดการตรวจประเมิน ไม่ต่ำกว่า 2 เดือน
กำหนดวันตรวจประเมิน ควรกำหนดล่วงหน้า 2 เดือน เพื่อเตรียมจัดหาผู้ตรวจ
การประสานงานระหว่าง Country Coordinator ของ SIDCER-FERCAP กับ NECAST และ REC/IRB กับ NECAST
Country Coordinator ของ SIDCER-FERCAP แจ้ง NECAST
REC/IRB ทำหนังสือแจ้ง NECAST เพื่อขอผู้แทน 1 คนร่วมเป็นผู้ตรวจเยี่ยม
NECAST แจ้งชื่อผู้แทนให้ Country Coordinator และ REC/IRB เมื่อมีกำหนดการตรวจประเมินและกำหนดคณะผู้ตรวจเรียบร้อยแล้ว
การส่งเอกสารล่วงหน้าก่อนกำหนดวันตรวจ
กรอก Self Assessment Form ส่ง Country Coordinator, Surveyors และ NECAST ส่งล่วงหน้า 1 เดือนก่อนกำหนดการตรวจประเมิน
ส่ง SOP ของ REC/IRB ให้ Country Coordinator, Surveyors และ NECAST ส่งล่วงหน้า 1 เดือนก่อนกำหนดการตรวจประเมิน
Confidentiality Agreement ของ REC/IRB สำหรับผู้ตรวจประเมิน (Surveyors และ NECAST) ก่อนรับเอกสารที่เป็นความลับของ REC/IRB เพื่อลงนามก่อน และส่งล่วงหน้า 1 เดือนก่อนกำหนดการตรวจประเมิน หากยังไม่มีการเข้าถึงเอกสารที่เป็นความลับของ REC/IRB ก่อนวันตรวจเยี่ยม สามารถลงนามในวันที่ไปตรวจเยี่ยม
List ของ Protocols ที่พิจารณาในระยะเวลาย้อนหลัง 3 ปี ส่งล่วงหน้า 1 เดือน ก่อนกำหนดการตรวจประเมิน
การจัดเตรียมเอกสารสำหรับคณะผู้ตรวจ จัดเตรียมแฟ้มเสร็จก่อนวันตรวจประเมิน
REC/IRB จัดเตรียม Confidentiality Agreement ของ REC/IRB สำหรับผู้ฝึกหัดการตรวจประเมินลงนามก่อนทบทวนเอกสารที่เป็นความลับของ REC/IRB
Survey Form 07 Survey Training and Site Visit Agenda
Slide-Template 01 REC/IRB Presentation for Opening Meeting
Survey Forms ได้แก่
08 Office Visit Checklist
09 Membership File Review Checklist
10 SOP Review Checklist
11 Interview Checklist
12 Protocol File Review Checklist
13 Quality of Protocol Review Checklist
14 Meeting Minutes Review Checklist
15 SAE Review Checklist
16 Board Meeting Observation Checklist
18 Group Work Summary
19 Surveyor Training Course Evaluation
การจัดเตรียมสถานที่สำหรับ - Opening, - Closing - และสถานที่สำหรับการปฏิบัติงานของคณะผู้ตรวจ Opening, และ Closing ห้องประชุมที่จุคนได้เท่ากับจำนวนกรรมการของ REC/IRB + คณะผู้ตรวจประเมิน 4 คน + ผู้ตรวจจาก NECAST + ผู้ฝึกหัดการตรวจประเมิน 6 คน การปฏิบัติงานของคณะผู้ตรวจ เป็นห้องที่สามารถแบ่งพื้นที่สำหรับคณะผู้ตรวจได้ 3 กลุ่มๆ ละ 5 - 6 คน เพื่อสะดวกในการใช้เอกสารร่วมกัน เช่น รายงานการประชุม หรือเป็นห้องเดี่ยวสำหรับแต่ละกลุ่ม มี 3 กลุ่ม แต่จะไม่สะดวกในการใช้เอกสารร่วมกัน จองใช้ห้องให้เรียบร้อยก่อนวันตรวจประเมิน วันที่ 1 และ 2 ของการตรวจประเมินจะใช้ห้องถึงเวลา 18:00 น.
ระหว่างการตรวจประเมิน 3 วัน (ดู Visit Agenda)
เตรียม Protocol Files ตามที่คณะผู้ตรวจได้คัดเลือก ไม่เกิน 15 โครงการ Lead surveyor ส่งรายการ Protocol ที่คัดเลือกให้ REC/IRB Staff ล่วงหน้า 1 วัน ก่อนกำหนดการตรวจประเมิน
Opening Meeting (with REC/IRB Members and Staff) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ดำเนินการตามขั้นตอน
2.1) Introduction
President or Director of the Institution or REC/IRB Chair introduces the Administrative Board and REC/IRB Members
Survey Coordinator introduces survey team
2.2) Presentation of the Survey Plan
Lead Surveyor
Discussion of the purpose and method of the survey and evaluation
Discussion of Survey Plan methodologies
2.3) Presentation of REC/IRB Profile
REC/IRB Chair/Representative
Presentation of the history and profile of REC/IRB
นัดหมาย interviewee เพื่อให้คณะผู้ตรวจสัมภาษณ์
ตรวจเยี่ยม REC/IRB Office ขอให้ Secretary member และ/หรือ Staff available เพื่อนำชม อธิบาย สาธิต ชี้แจง/ตอบข้อสงสัยให้คณะผู้ตรวจ วันที่ 1 ของการตรวจประเมิน
ทบทวนเอกสารต่างๆ Secretary member และ/หรือ Staff ควร available เพื่ออำนวยความสะดวกให้คณะผู้ตรวจ เช่น SOP ฉบับพิมพ์, ค้นหาเอกสารที่คณะผู้ตรวจร้องขอ, พิมพ์ Forms ให้เมื่อคณะผู้ตรวจร้องขอ ชี้แจง/ตอบข้อสงสัยบางประการที่คณะผู้ตรวจถามในระหว่างการพิจารณาทบทวนเอกสารโครงการวิจัย (Protocol File) และเอกสารที่เกี่ยวข้อง Lead surveyor ส่งรายชื่อ REC/IRB members และ Staff ให้ Secretary/ Staff ล่วงหน้า 1 วัน เพื่อทำนัดหมายเวลาที่ REC/IRB members/Staff สะดวกมาให้สัมภาษณ์ ในวันที่ 1 และ 2 ของการตรวจประเมิน จะใช้เวลาสัมภาษณ์ท่านละประมาณ 30 นาที
REC/IRB เตรียม Agenda ของการประชุม REC/IRB และเอกสารโครงการวิจัยที่จะพิจารณาในการประชุม มอบให้คณะผู้ตรวจ ล่วงหน้า 1 วันก่อนการประชุมของ REC/ IRB
Observation of REC/IRB Meeting ควรจัดประชุมวันที่ 2 ของการตรวจประเมิน
การประชุม Summary of the Day’s Findings (Surveyor Closed Door Meeting) เฉพาะคณะผู้ตรวจประเมินเท่านั้น เวลา 16:30 – 17:30 น. ของวันที่ 1 และวันที่ 2
Summary of findings and observations from Days 1 to 3 (Survey Team) ครึ่งวันเช้าของวันที่ 3 ของการตรวจประเมิน
Closing Meeting (with REC/IRB Members and Staff) Lead Surveyor Presentation, Discussion of the findings and observations with the responsible REC members and staff Q/A with REC/IRB นัดหมายเวลากับ REC/IRB ในวันที่ 2 ของการตรวจประเมิน เพื่อให้ REC/IRB Members เตรียมตัวให้ว่าง
Debriefing Session with Survey Trainees เป็นกิจกรรมระหว่าง Coordinator, Surveyors และ Trainees เพื่อประเมินผลการฝึกหัดตรวจประเมินการปฏิบัติหน้าที่ของ REC/IRB และมอบ Certificate of Survey Training ให้ Trainees ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
หลังการตรวจประเมิน
Lead surveyor ส่ง Report (Survey and Evaluation Report) ให้ Coordinator, Surveyors, NECAST surveyor ตรวจ เสนอแนะการปรับปรุงรายงาน ภายใน 3 สัปดาห์หลังการตรวจประเมิน
FERCAP ตรวจรายงาน (validate) แล้วจึงส่ง REC/IRB ภายใน 1 สัปดาห์หลังได้รับรายงานจาก Lead surveyor
REC/IRB ส่งแผนการปรับปรุง แก้ไข (Survey Form 23 - REC-IRB Corrective Action Plan) ให้ FERCAP ภายใน 30 วัน หลังได้รับรายงานจาก NECAST
FERCAP review of REC/IRB response, decision for accreditation/validation of response, follow-up site visit may be required before accreditation. ภายใน 15 วัน หลังได้รับ Corrective Action Plan จาก REC/IRB
แจ้งผลการรับรองคุณภาพจาก SIDCER-NECAST (Survey Form 25 - Notification of SIDCER-NECAST Accreditation) มีอายุการรับรอง 3 ปี) ภายใน 3 วันหลังขั้นตอน 8.4
Annual Progress Report REC/IRB ส่งรายงานประจำปีให้ SIDCER-NECAST Survey Form 28 - Recognized REC-IRB Annual Progress Report ปีละครั้ง ภายในเดือนที่ได้รับการรับรอง
Re-recognition/ accreditation เมื่อการรับรองครบ 3 ปี REC/IRB ยื่นขอต่ออายุการรับรอง SIDCER-NECAST Recognition
คุณสมบัติของกรรมการ
เป็นคณะกรรมการภายใต้หน่วยงานของรัฐ หรือเป็นคณะกรรมการภายใต้หน่วยงานของเอกชนที่เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ซึ่งมีศักยภาพในสาขาที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่าโรงพยาบาลศูนย์ หรือ เป็นคณะกรรมการร่วมระหว่างหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานของเอกชนที่กล่าวมาข้างต้นซึ่งดำเนินการภายใต้องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ซึ่งมีศักยภาพในการจัดการให้อาสาสมัครได้รับการดูแล ทั้งนี้ คณะกรรมการมีคุณสมบัติตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยหรือการบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการวิจัย
มีรูปแบบโครงสร้างคณะกรรมการที่ชัดเจน มีหลักฐานการแต่งตั้งคณะกรรมการ ฝ่ายเลขานุการและสำนักงานเลขานุการอย่างถูกต้องจากผู้มัอำนาจของหน่วยงานที่สังกัด
กรรมการที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง และให้ความเห็นเกี่ยวกับการวิจัยต้องไม่มีความเกี่ยวข้องกับผู้วิจัยหรือผู้ให้ทุนวิจัย และไม่มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้วิจัยหรือโครงการวิจัยทั้งทางตรงและทางอ้อม กรณีที่มีกรรมการเป็นนักวิจัย หรืออยู่ในทีมวิจัยต้องไม่เข้าร่วมในการพิจารณา และไม่ลงคะแนนเสียงในโครงการวิจัยที่กรรมการนั้นมีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมทั้งส่งรายงานประชุมครั้งนั้นให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ทราบ
กรรมการต้องได้รับการอบรมด้านการศึกษาวิจัยและการทดลองในมนุษย์ ด้านจริยธรรม หรือด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 1 ครั้ง ในทุกรอบ 2 ปีที่เป็นกรรมการ
มีประสบการณ์ในการพิจารณาโครงการวิจัยเกี่ยวกับการทดลองยาในคน จำนวนไม่น้อยกว่า 10 โครงการ
องค์ประกอบของคณะกรรมการ ประกอบด้วย
กรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ ด้านการแพทย์ และด้านจริยธรรม จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน และอย่างน้อย 3 คน ต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
กรรมการอย่างน้อย 1 คน เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์
กรรมการอย่างน้อย 1 คน ที่ไม่ได้ทำงานในสถาบันหรือสถานที่วิจัยนั้น
การดำเนินการของคณะกรรมการ
มีกระบวนการพิจารณาโครงการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับยาตามแนวทางการปฏิบัติการวิจัยทางคลินิกที่ดีของ International Conference on Harmonization-Good Clinical Prctice (ICH-GCP) และกฎหมาย ระเบียบ ข้อกำหนดอื่นที่เกี่ยวข้อง
การประชุมคณะกรรมการต้องมีกำหนดการประชุมและระเบียบวาระการประชุมที่ชัดเจนแน่นอน และเหมาะสม ดังนี้
(2.1) มีการประชุมเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
(2.2) มีการจัดทำบันทึกสรุปมติการประชุม เป็นลายลักษณ์อักษร
(2.3) มีการรักษาและจัดเก็บบันทึกการดำเนินงาน และบันทึกรายงานการประชุมที่จัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อการตรวจสอบต่อไป
การพิจารณาโครงการวิจัยที่เสนอต้องพิจารณาทั้งด้านวิทยาศาสตร์ ด้านการแพทย์ และด้านจริยธรรม โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกันในทุกโครงการวิจัย และสรุปความเห็นเป็นลายลักษณ์ซึ่งระบุโครงการวิจัยและเอกสารที่คณะกรรมการพิจารณา ทบทวน วันที่ทบทวน และความเห็นของคณะกรรมการ
มีการจัดทำระเบียบและขั้นตอนปฏิบัติงานทุกๆ กิจกรรม รวมถึงการพิจารณาค่าใช้จ่ายของอาสาสมัคร เป็นลายลักษณ์อักษรตามมาตรฐานที่เหมาะสม เช่น การจัดทำ Standard Operating Procedure (SOP) และอื่นๆ เป็นต้น
มีการจัดทำคู่มือ หรือระเบียบหรือขั้นตอนการพิจารณาโครงการวิจัยที่มีการพิจารณาโดยเร่งด่วนพิเศษ กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน
ต้องมีการเปิดเผยแหล่งที่มาของรายได้คณะกรรมการและระเบียบการรับ - จ่ายเงินของคณะกรรมการ
มีการกำกับติดตามและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินการวิจัยทางคลินิกนั้นเป็นไปตามโครงการวิจัยและสถานที่ทำการวิจัยที่ได้รับอนุมัติทุกประการ โดยไม่มีการเบี่ยงเบนหรือเปลี่ยนแปลงไปจากที่คณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบ เว้นแต่เป็นกรณีที่กำหนดไว้ตามแนวทาง ICH-GCP
มีการกำกับติดตาม เพื่อปกป้องและสร้างความมั่นใจว่าอาสาสมัครได้รับการคุ้มครองสิทธิ ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดี เช่น กรณีเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ กรณีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากอาสาสมัคร และอื่นๆ เป็นต้น
คณะกรรมการต้องรายงานผลการดำเนินงาน/แก้ไขเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคนที่พิจารณาโครงการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับยาต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตามแบบ จธ.3 แนบท้ายประกาศนี้ โดย
(9.1) กรณีรายงานผลการดำเนินงานประจำปี ให้รายงานภายในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี
(9.2) กรณีที่คณะกรรมการ ตรวจพบประเด็นที่อาจจะส่งผลต่อความปลอดภัย หรือความเป็นอยู่ที่ดีของอาสาสมัคร หรือมีการเปลี่ยนแปลงผลการพิจารณาโครงการวิจัย ให้แจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ตรวจพบ
(9.3) กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการให้แจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลง
การเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอการยอมรับจากคณะกรรมการอาหารและยา
(อ้างอิง: ประกาศกองยา A20210607.pdf)
คณะกรรมการที่ต้องการยื่นคำขอการยอมรับคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคนเพื่อที่จะสามารถพิจารณาโครงการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับยาได้นั้น จะต้องแสดงข้อมูลที่เกี่ยวกับการมีส่วนได้ส่วนเสียหรือผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งทางตรงและทางอ้อม ตลอดจนการเปิดเผยแหล่งที่มาของรายได้ของคณะกรรมการ เพื่อแสดงความโปร่งใส
ดังนั้น กองยาจึงจัดทำแบบตรวจสอบการยื่นเอกสารด้วยตนเอง แบบคำรับรองการเปิดเผยแหล่งที่มาของรายได้ และแบบหนังสือแสดงการมีส่วนได้ส่วนเสีย สำหรับใช้ในการยื่นขอการยอมรับคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคนเพื่อที่จะสามารถพิจารณาโครงการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับยาได้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและเพื่อช่วยให้การจัดเตรียมข้อมูลนั้นมีความถูกต้องครบถ้วนเป็นมาตรฐานเดียวกัน
เอกสารที่ใช้ในขอการยอมรับหรือการต่ออายุการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
แบบ จธ ๑ แบบ จธ ๑
แบบ จธ ๓ แบบ จธ ๓
หนังสือแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคนที่พิจารณาโครงการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับยา
ประวัติการศึกษาและการอบรมของคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคนที่พิจารณาโครงการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับยา
เอกสารแสดงแหล่งที่มาของรายได้และระเบียบการรับ-จ่ายเงินของคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคนที่พิจารณาโครงการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับยา
เอกสารระบบคุณภาพของคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคนที่พิจารณาโครงการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับยา ได้แก่ คู่มือคุณภาพ คู่มือขั้นตอนปฏิบัติงาน
เอกสารแผนการประชุมคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคนที่พิจารณาโครงการวิจัยทางเคมีเกี่ยวกับยาประจำปี (จำนวนครั้ง/ปี)
รายการโครงการวิจัยเกี่ยวกับการทดลองยาในคนที่คณะกรรมการฯ ได้พิจารณา (จำนวนไม่น้อยกว่า 10 โครงการ)
หนังสือรับรองการดำเนินการว่าเป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติการวิจัยทางคลินิกที่ดีของ International Conference on Harmonization-Good Clinical Practice (ICH-GCP) และมีการกำกับดูแลตลอดโครงการวิจัย
ตัวอย่างการกรอกเอกสารที่เกี่ยวข้อง
แบบ จธ ๑ แบบ จธ ๑ (ตัวอย่าง) การกรอกเอกสาร
แบบ จธ ๓ แบบ จธ ๓ (ตัวอย่าง) การกรอกเอกสาร
เอกสารลำดับที่ 3 - 9 จะต้องต้องจัดเตรียมตามแต่ละสถาบัน
ขั้นตอนการยื่นขอการยอมรับหรือการต่ออายุการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
คณะกรรมการที่ประสงค์จะขอรับการยอมรับ หรือการต่ออายุการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ให้ยื่นคำขอพร้อมแนบเอกสารตามรายละเอียดเอกสารที่ใช้ในขอการยอมรับหรือการต่ออายุการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ณ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะพิจารณาให้การยอมรับหรือต่ออายุการยอมรับ เมื่อปรากฏว่าคณะกรรมการมีคุณสมบัติ องค์ประกอบ และการดำเนินการเป็นไปตามข้อกำหนด และยินยอมให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจตราในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัย ซึ่งอาจจะไปตรวจตราก่อนการยอมรับ ก่อนต่ออายุการยอมรับ หรือหลังการยอมรับ แล้วแต่กรณี
หากคณะกรรมการมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะดำเนินการออกหนังสือแสดงการยอมรับคณะกรรมการ หรือการต่ออายุตามแบบ จธ.2 และให้หนังสือแสดงการยอมรับหรือต่ออายุการยอมรับมีอายุ 4 ปี นับตั้งแต่วันที่แจ้งในหนังสือ
คณะกรรมการที่ได้รับการยอมรับที่ประสงค์จะต่ออายุการยอมรับให้ยื่นคำขอต่ออายุการยอมรับ ก่อนวันหมดอายุไม่น้อยกว่า 60 วัน และเมื่อได้ยื่นขอต่ออายุแล้วให้ถือว่าการยอมรับยังมีผลต่อไปจนกว่าจะแจ้งไม่ยอมรับ และหากภายหลังปรากฏว่าคณะกรรมการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การยอมรับแล้ว ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามประกาศนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยายกเลิกการยอมรับ โดยแจ้งเป็นหนังสือให้คณะกรรมการทราบและถอนชื่อออกจากบัญชีรายชื่อคณะกรรมการที่คณะกรรมการอาหารและยาให้การยอมรับ พร้อมทั้งเผยแพร่บนเว็บไซด์ของคณะกรรมการอาหารและยา
Click link
การยื่นขอรับการพิจารณาด้านจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์
โครงการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับยา
ผู้วิจัยมีหน้าที่ในการจัดเตรียมเอกสารเพื่อขอรับการพิจารณาโครงการวิจัยครั้งแรกและภายหลังการรับรองตามข้อกำหนดในวิธีดำเนินการมาตรฐานของคณะกรรมการฯ ของแต่ละสถาบันที่ผ่านการยอมรับจากคณะกรรมการอาหารและยา ให้เป็นไปตามหลักจริยธรรมการวิจัยในคน เพื่อความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีของอาสาสมัคร และชุมชนที่เข้าร่วมในโครงการวิจัย
การกำหนดวิธีการพิจารณาและมอบหมายกรรมการฯ ผู้ทบทวนพิจารณาโครงการวิจัย แบ่งวิธีการพิจารณาโครงการวิจัยเป็น 3 ประเภท ได้แก่
โครงการวิจัยที่ถูกพิจารณาแบบยกเว้น (Exemption Review)
โครงการวิจัยที่ถูกพิจารณาแบบเร่งรัด (Expedited Review)
โครงการวิจัยที่ถูกพิจารณาแบบคณะกรรมการฯ เต็มชุด (Full Board Review)
ซึ่งจะจำแนกความเสี่ยงที่เกิดขึ้นต่ออาสาสมัคร ซึ่งแบ่ง Risk/Benefit categories ดังนี้
การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงเพียงเล็กน้อย (Research involving not greater than minimal risk)
การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงมากกว่าปกติแต่ได้แสดง ถึงประโยชน์ต่ออาสาสมัครโดยตรงในอนาคต (Research involving greater than minimal risk but presenting the prospect of direct benefit to the individual subjects)
การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงมากกว่าปกติและไม่ได้แสดงถึงประโยชน์ต่ออาสาสมัครโดยตรงในอนาคต แต่มีความเป็นไปได้ที่จะนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องความผิดปรกติหรือภาวะของโรคของอาสาสมัครไปใช้กับผู้ป่วยคนอื่นๆได้ (Research involving greater than minimal risk and no prospect of direct benefit to individual subjects, but likely to yield generalizable knowledge about the subject’s disorder or condition)
การวิจัยที่มีนัยยะหนึ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ถึงโอกาสที่จะเข้าใจ, ป้องกัน หรือ บรรเทาปัญหาร้ายแรงที่มีผลกระทบต่อสุขภาพหรือ สวัสดิภาพความเป็นอยู่ที่ดีของเด็ก (Research not otherwise approvable which presents an opportunity to understand, prevent, or alleviate a serious problem affecting the health or welfare of children)
ทั้งนี้โครงการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับยา สมุนไพร และเครื่องสำอาง จะถูกกำหนดวิธีการพิจารณาแบบคณะกรรมการเต็มชุด (Full Board Review) ซึ่งผู้วิจัยจะต้องจัดเตรียมเอกสารเพื่อขอรับรองพิจารณาทางจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ของต้นสังกัดของตนเอง หรือยื่นผ่านคณะกรรมการกลางพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคน (Central Research Ethics Committee; CREC) หากทางสถาบันได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Understanding; MOU) ร่วมกับต้นสังกัดของผู้วิจัย ทั้งนี้คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคนที่สามารถพิจารณาโครงการวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับยา ต้องผ่านการยอมรับจากคณะกรรมการอาหารและยาตามประกาศ FDA-20180910.PDF
การมอบหมายผู้ทบทวน ประธานคณะกรรมการฯ หรือรองประธานคณะกรรมการฯ หรือเลขานุการคณะกรรมการฯ มอบหมายกรรมการฯ เป็นผู้ทบทวน แบ่งออกเป็น
โครงการ Full board review ประกอบด้วย ผู้ทบทวนจำนวน 3 คน/โครงการ ได้แก่ ท่านที่ 1 เป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์นั้นๆ ท่านที่ 2 เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ และท่านที่ 3 เป็นตัวแทนอาสาสมัคร (Layperson) ซึ่งโครงการวิจัยที่ถูกพิจารณาแบบคณะกรรมการฯ เต็มชุด (Full board review) เมื่อกรรมการฯ ผู้ทบทวน พิจารณาเรียบร้อยแล้ว จะต้องนำโครงการวิจัยและผลการพิจารณาเข้าประชุมพิจารณาในคณะกรรมการฯ เต็มชุดประจำเดือน
โครงการ Expedited review ประกอบด้วย ผู้ทบทวนจำนวน 2 คน/โครงการ ได้แก่ ท่านที่ 1 เป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์นั้นๆ ท่านที่ 2 เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์
โครงการ Exemption review ประกอบด้วย ผู้ทบทวนจำนวน 1 คน/โครงการ โดยผู้มอบหมายสามารถพิจารณาได้ หรือมอบหมายผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นๆ
การจัดเตรียมเอกสารสำหรับโครงการวิจัยที่ยื่นขอรับรองครั้งแรก (Initial Submission)
ผู้วิจัยจะต้องจัดเตรียมเอกสารตาม SOP EC ของสถาบันตนเองที่ขอรับพิจารณารับรอง
0.1 Instruction สำหรับการยื่นเอกสารโครงการใหม่เพื่อขอรับการพิจารณาจาก CREC
(สำหรับนักวิจัย)
0.2 Instruction สำหรับการยื่นเอกสารโครงการใหม่ผ่านระบบ submission online
การเตรียมเอกสารโครงการวิจัย สำหรับ Initial Submission
AO 02-S04 แบบตรวจสอบความครบถ้วนของโครงร่างการวิจัย กรณีโอนมาจาก IHRP
ประกาศที่ มสจท 013-2564 เรื่อง การยื่นเอกสารขอรับพิจารณาจากคณะกรรมการกลางฯ (ฉบับที่ 2)
ขั้นตอนการยื่นเอกสารโครงการวิจัยเพื่อขอรับรองครั้งแรก
การยื่นเอกสารทั้งหมดตามข้อกำหนด SOP ของสถาบัน ออนไลน์หรือ Hard copy ขึ้นอยู่กับสถาบันกำหนด ยกตัวอย่างการยื่นโครงการวิจัยผ่าน CREC
นักวิจัย/ผู้ประสานงานวิจัย
1.1 ตรวจสอบคุณสมบัติของโครงการวิจัยที่จะขอรับรองจาก CREC ได้ที่ https://crecthailand.org/Guide.php
1.2 การเตรียมเอกสารโครงการวิจัย
ตรวจสอบเอกสารโครงการวิจัยและคำอธิบายในการเตรียมเอกสารเพื่อประกอบการขอรับรองจาก CREC ได้ตามแบบฟอร์ม AO 01-S04 หรือ AO 02-S04 (เฉพาะโครงการวิจัยที่ผ่านการรับรองจาก IHRP)
รายการเอกสารที่ Submit เป็นไปตามแบบฟอร์ม AO 01-S04
สำหรับโครงการวิจัยประเภท clinical trial phase I / II ต้องมีการเตรียมแบบฟอร์ม AP02-S04 for PI เพิ่มเติม
1.3 การกำหนดวันที่ submit เอกสาร
เนื่องจาก CREC มีคณะกรรมการฯ 5 ชุด (panel) พิจารณาโครงการที่มีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน โดยคณะกรรมการฯ ในแต่ละ panel ได้กำหนดวันประชุมที่แน่นอนไว้ในแต่ละเดือนแล้ว การ submit เอกสารโครงการต้อง submit เอกสารที่ครบถ้วนให้เจ้าหน้าที่อย่างน้อย 20 วันก่อนกำหนดการประชุม โดยตรวจสอบวันประชุมและกำหนดวันส่งเอกสารเพื่อเข้ารอบประชุมที่ต้องการ ได้ที่ https://crecthailand.org/schudule.php
1.4 วิธีการ submit เอกสารโครงการ
การ submit ผ่านระบบ CREC Submission online: https://crec.submission-online.com/
การ submit เอกสารตามรายละเอียดด้านล่าง
1.5 การเตรียมเอกสาร hard copy
เจ้าหน้าที่อาจขอรับเอกสารที่เป็น hard copy ในบางกรณี โดยจำนวน hard copy ที่ขอรับเพิ่มเติมเป็นไปตาม requirement ของ Reviewer
เอกสาร hard copy 1 ชุด ประกอบด้วย แฟ้มเอกสารโครงการ และ CD ที่มีข้อมูลโครงการ จำนวน 1 แผ่น และ ขอให้จัดเอกสารใส่แฟ้มให้เรียบร้อย การส่งเอกสารมาที่สำนักงานฯ โดยที่ไม่ได้จัดใส่แฟ้ม เจ้าหน้าที่ต้องนำเอกสารมาจัดใส่แฟ้มตามจำนวนที่ require ซึ่งเป็นผลให้การดำเนินการให้ขั้นตอนต่อไปล่าช้า
ในกรณีที่ Local EC มี require ให้จัดเตรียม hard copy สำหรับการประเมิน Local Issue ทาง CREC จะดำเนินการจัดเตรียมหนังสือนำและแบบประเมิน Local Issue โดยจะส่งให้ Local EC ทุกที่โดยทาง E-mail ซึ่งจะ CC ให้ผู้วิจัย/ผู้ประสานงาน ผู้วิจัย/ผู้ประสานงานนำหนังสือนำและแบบประเมิน Local Issue ที่ได้รับแนบไปพร้อมกับ package hard copy
1.6 ค่าธรรมเนียม
ต้องแนบหลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมพร้อมกับเอกสารโครงการ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเอกสารโครงการไม่ครบถ้วน ศึกษารายละเอียดค่าธรรมเนียมได้ที่ https://crecthailand.org/fee.php
อัตราค่าธรรมเนียมเป็นไปตามแหล่งทุนวิจัย (รัฐบาล/เอกชน) และประเภทการ submission (Initial Submission / Amendment / การต่ออายุโครงการวิจัย)
สำนักงาน CREC (ดำเนินการภายใน 2 วันทำการ (ไม่นับรวมวันที่ submit เอกสาร))
1.1 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารโครงการ หากเอกสารไม่ครบถ้วน แจ้งไปยังนักวิจัย/ผู้ประสานงานวิจัยเพื่อขอให้แก้ไขหรือส่งเอกสารเพิ่มเติม
1.2 หากครบถ้วน เสนอโครงการแก่ทีมเลขาฯ เพื่อพิจารณา
panel ที่รับผิดชอบโครงการ
ประเภทการพิจารณา (Full Board Review / Expedited Review / Exemption Review) และ
คณะกรรมการผู้พิจารณาทบทวนโครงการ (Reviewer)
1.3 เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทราบผลการพิจารณาจากทีมเลขาฯ และประธานฯ รับรองผลการพิจารณาแล้ว ดำเนินการ ดังนี้
ออกรหัสโครงการและแจ้งนักวิจัย
ส่งเอกสารไปยัง Local EC เพื่อขอรับการประเมิน Local Issue
ประสานงาน Reviewer และส่งเอกสารเพื่อพิจารณา
นักวิจัย/ผู้ประสานงานวิจัย
1.1 ได้รับหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบเอกสารโครงการ รหัสโครงการ panel ที่รับผิดชอบโครงการ และประเภทการพิจารณา (Full Board Review / Expedited Review / Exemption Review)
1.2 นำหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบเอกสารและรหัสโครงการ ประสานกับ Local EC ที่ขอรับรองจาก CREC เพื่อชำระค่าธรรมเนียมหรือดำเนินการตามขั้นตอนที่แต่ละสถาบันกำหนด
1.3 กรณีที่โครงการมีประเภทการพิจารณาเป็น Full Board Review สามารถตรวจสอบรอบประชุมที่พิจารณาโครงการได้ที่ https://crecthailand.org/schudule.php
การแจ้งผลการประเมินโครงการวิจัย
โดยทั่วไปทางคณะกรรมการฯ แต่ละสถาบัน เจ้าหน้าที่ฯ จะดำเนินการดังต่อไปนี้
เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ จดหมายแจ้งผลการพิจารณาโครงการวิจัย ลงวันที่ ที่ได้รับการพิจารณาลงนามโดยประธานคณะกรรมการฯ หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานกรรมการฯ
จดหมายแจ้งผล จะระบุถึงข้อแนะนําที่ต้องการให้ผู้วิจัยปฏิบัติหรือแก้ไข และมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและภาษาในจดหมายแจ้งผลการพิจารณาโครงการวิจัยโดยประธานคณะกรรมการฯ หรือ รองประธานคณะกรรมการฯ หรือ เลขาคณะกรรมการฯ
โครงการวิจัยที่ได้รับการรับรองแล้วจะได้รับเอกสารรับรองการพิจารณา (COA) ฉบับภาษาไทย และภาษาอังกฤษ (เมื่อร้องขอ) ซึ่งมีอายุ 1 ปี ลงนามโดยประธานคณะกรรมการฯ หรือผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานกรรมการฯ ในการประชุมพิจารณาโครงการนั้นๆ
แนบรายนามและคุณวุฒิของคณะกรรมการฯ ที่เข้าประชุมในวันที่พิจารณาโครงการนั้นไปกับ COA ด้วย (ในกรณีที่มีการร้องขอ)
รับรอง หมายถึง ผู้วิจัยสามารถเริ่มการวิจัยได้โดยไม่ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมโครงการวิจัย (คณะกรรมการฯ จะระบุความถี่ของการส่งรายงานความก้าวหน้าของการวิจัย ตามความเหมาะสมกับความเสี่ยงต่ออาสาสมัครที่เข้าร่วมในโครงการวิจัย (ICH GCP) จดหมายแจ้งผลการพิจารณารับรองโครงการวิจัย จะประกอบด้วย version of protocol ผลการพิจารณาอนุมัติวันที่พิจารณารับรอง กําหนดวันส่งรายงานความก้าวหน้าของการวิจัย และลงนามโดยประธานคณะกรรมการฯ (ICH GCP))
ปรับปรุงแก้ไขเพื่อรับรอง หมายถึง ผู้วิจัยต้องดําเนินการแก้ไขโครงการวิจัย หรือ ส่วนประกอบของโครงการวิจัย ตามข้อแนะนําของคณะกรรมการฯ หรือชี้แจงเหตุผลในกรณีที่ไม่ได้แก้ไขตามที่คณะกรรมการฯ แนะนำ และส่งโครงการวิจัยที่แก้ไขแล้ว โดยผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการฯ จะส่งให้กรรมการฯ ผู้ทบทวนคนเดิมพิจารณาเพื่อรับรอง
ปรับปรุงแก้ไขและนําเข้าพิจารณาใหม่ หมายถึง ผู้วิจัยต้องดําเนินการแก้ไขโครงการวิจัย หรือ ส่วนประกอบของโครงการวิจัย ตามข้อแนะนําของคณะกรรมการฯ แล้วส่งโครงการวิจัยที่แก้ไขแล้ว โดยผู้ช่วยเลขาคณะกรรมการฯ จะส่งให้กรรมการฯ ผู้ทบทวนคนเดิมพิจารณาใหม่ แล้วผู้ช่วยเลขาคณะกรรมการฯ จะสรุปผลการทบทวนและนำเสนอคณะกรรมการฯ เป็นเรื่องสืบเนื่องในการประชุมครั้งต่อไปเพื่อพิจารณา
ไม่รับรอง หมายถึง คณะกรรมการฯ ไม่รับรองการทําวิจัยในเรื่องที่นําเสนอ (จดหมายแจ้งผลการพิจารณาไม่รับรอง ต้องประกอบด้วย ผลการพิจารณา วันที่พิจารณา รวมทั้งเหตุผลของการไม่รับรอง (ICH GCP) และลงนามโดยประธานคณะกรรมการฯ)
ภายหลังจากที่ผู้วิจัยได้รับการรับรองโครงการวิจัยจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ผู้วิจัยยังมีหน้าที่ในการที่จะต้องยื่นขอรับการพิจารณาโครงการวิจัยภายหลังการรับรอง ดังต่อไปนี้
รายงานความก้าวหน้า (Progress Report) เป็นการรายงานความก้าวหน้าของโครงการวิจัย ซึ่งผู้วิจัยจะได้รับมติของคณะกรรมการฯ ที่พิจารณาให้การรับรอง กรณีขอต่ออายุเอกสารรับรองโครงการวิจัย หากระยะเวลาดำเนินการวิจัยนานเกินกว่า 1 ปี ผู้วิจัยมีหน้าที่ส่งอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือตามกำหนดความถี่ในการรายงานความคืบหน้าที่คณะกรรมการฯ กำหนด หากมีความเสี่ยงสูง คณะกรรมการฯ อาจขอให้รายงานความคืบหน้า (รวมถึงเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์) บ่อยขึ้น เป็นทุก 3 เดือน หรือ 6 เดือน คณะกรรมการฯ จะพิจารณาว่าสมควรต่ออายุเอกสารรับรองโครงการวิจัยหรือไม่ และส่งผลการพิจารณากลับไปยังหัวหน้าโครงการวิจัย ภายใน 2 สัปดาห์ ภายหลังวันประชุม หากเป็นกรณีที่ไม่รับรองต่อ หัวหน้าโครงการวิจัยจะไม่สามารถรับผู้เข้าร่วมการวิจัยรายใหม่ได้ แต่สามารถดำเนินการวิจัยกับผู้เข้าร่วมการวิจัยที่รับไว้ก่อนเอกสารรับรองหมดอายุได้ จนกว่าจะจบกระบวนการวิจัย และจะรับผู้เข้าร่วมการวิจัยรายใหม่ได้ต่อเมื่อได้รับการรับรองครั้งใหม่
ขอต่ออายุการรับรองโครงการวิจัย (Continuing Approval) โดยทั่วไปโครงการวิจัยจะได้รับการรับรองการดำเนินการวิจัยเป็นระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน หากผู้วิจัยยังดำเนินการวิจัยไม่เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่ระบุไว้ในใบรับรอง ผู้วิจัยจะต้องขอต่ออายุรับรองโครงการวิจัยมาที่คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ โดยทั่วไป วิธีดำเนินการมาตรฐานของคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์จะกำหนดว่าผู้วิจัยควรจะต้องดำเนินการขอต่ออายุรับรองโครงการวิจัยภายใน 30 วัน ก่อนโครงการวิจัยหมดอายุการรับรอง
รายงานปรับแก้โครงการวิจัยที่ภายหลังการรับรอง (Amendment) เมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมโครงร่างการวิจัย (protocol amendment), เอกสารข้อมูลคำอธิบายสำหรับผู้เข้าร่วมในโครงการวิจัย (Information sheet for research participant), เอกสารคู่มือผู้วิจัย (Investigator brochure) และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการฯ มีการทบทวนและดำเนินการ หากรับรอง หมายถึง ผู้วิจัยสามารถดำเนินการวิจัยตามโครงร่างการวิจัยที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม หากเป็นเรื่องที่ไม่เสี่ยงต่อผู้เข้าร่วมการวิจัย เช่น เปลี่ยนชื่อโครงการ เพิ่มผู้ร่วมวิจัย ฯลฯ จัดทำจดหมายแจ้งรับทราบการปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการวิจัย และเอกสารรับทราบ (Acceptance letter)
Minor change คือ เมื่อกรรมการฯ พิจารณาแล้ว การแก้ไขปรับเปลี่ยนนั้นไม่มีผลเพิ่มความเสี่ยงต่อผู้เข้าร่วมโครงการวิจัย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงระเบียบวิธีวิจัย (methodology) ที่สำคัญ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การคัดเข้า/คัดออกของอาสาสมัครที่สำคัญ
Major change คือ การแก้ไขปรับเปลี่ยนที่เพิ่มความเสี่ยงต่อผู้เข้าร่วมโครงการหรือมีการเปลี่ยนแปลงระเบียบวิธีวิจัยที่สำคัญ หรือเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การคัดเข้า/คัดออกของอาสาสมัครที่สำคัญ เมื่อมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนที่เป็น major change ที่มีผลต่อผู้ร่วมวิจัย ต้องทบทวนว่ามีประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องในเอกสารชี้แจงอาสาสมัครที่ต้องแก้ไขและหนังสือแสดงเจตนายินยอมเข้าร่วมวิจัยที่ต้องทำใหม่หรือไม่ (reconsent) ผู้วิจัยจะสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินการวิจัยได้ ต่อเมื่อได้รับการรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมฯ แล้วเท่านั้น คือ “เอกสารรับรองการแก้ไขปรับเปลี่ยน (Certificate of acceptance of protocol amendment)” คือ บันทึกข้อความลงนามโดยประธานกรรมการฯ แจ้งผลการรับรอง ยกเว้นในกรณีที่เกิดเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่หากดำเนินการตามวิธีการที่ได้รับการรับรองแล้วจะเกิดอันตรายต่อผู้เข้าร่วมการวิจัย ผู้วิจัยสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินการวิจัยได้เพื่อมิให้ผู้เข้าร่วมการวิจัยได้รับอันตราย และต้องรายงานเหตุการณ์นั้นพร้อมเหตุผล รวมทั้งวิธีการที่ปรับเปลี่ยนต่อคณะกรรมการจริยธรรมฯ ทันทีหรืออย่างช้าภายใน 5 วันทำการ แต่หากที่ประชุมลงความเห็นไม่รับรองการปรับเปลี่ยนนั้นพร้อมเหตุผล หัวหน้าโครงการวิจัยจะต้องทำการปรับเปลี่ยนกระบวนการวิจัยใหม่พร้อมเหตุผลเสนอกลับมายังคณะกรรมการฯ อีกครั้ง ภายใน 60 วัน และจะต้องดำเนินการวิจัยต่อไปตามเดิมที่เคยได้รับการรับรองแล้ว จนกว่าจะได้รับการรับรองการปรับเปลี่ยนครั้งใหม่
รายงานการไม่ปฏิบัติตามโครงการวิจัย (Protocol Deviation/Violation) ผู้วิจัยต้องรายงานการเบี่ยงเบนโครงการวิจัยจากข้อปฏิบัติในการทำวิจัย ปฏิบัติตามข้อกำหนด (non compliance) โดยให้รายงานเหตุการณ์ เหตุผล แนวทางการป้องกัน ผลกระทบต่อผู้เข้าร่วมโครงการ การดำเนินการกับผู้เข้าร่วมโครงการต่อไปภายหลังเหตุการณ์ กรณีเร่งด่วนให้นำเข้าปรึกษาประธานกรรมการฯ เพื่อดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป คณะกรรมการฯ กำหนดให้มีการตรวจเยี่ยม (site visit) ได้ถ้าเกิดขึ้นซ้ำๆ หลายครั้งหรือมีความเสี่ยงสูง เพื่อเพิกถอนการรับรองโครงการชั่วคราว (suspend) หรือแม้แต่เพิกถอนการรับรอง (termination)
การเบี่ยงเบนวิธีดำเนินการวิจัยเล็กน้อย (Minor) คือ การเบี่ยงเบนที่ผู้วิจัย พิจารณาว่าไม่มีอันตราย หรือความเสี่ยงที่เกิดกับอาสาสมัคร เมื่อเทียบกับสิทธิ ประโยชน์ ความปลอดภัย สวัสดิภาพ ความเป็นอยู่ของผู้เข้าร่วมโครงการวิจัย
การเบี่ยงเบนวิธีดำเนินการวิจัยอย่างมาก (Major) คือ การเบี่ยงเบนที่ผู้วิจัยพิจารณาว่ามีอันตราย มีความเสี่ยง ผลต่อความปลอดภัย สวัสดิภาพ ความเป็นอยู่ของผู้เข้าร่วมโครงการวิจัย หรือผลต่อความเชื่อถือได้ของผลการวิจัยหรือคุณภาพของข้อมูล
รายงานเพื่อยุติโครงการวิจัยก่อนกำหนด (Termination Report) เป็นการรายงานเมื่อได้รับแจ้งหรือได้รับการแนะนําของคณะกรรมการกํากับดูแลข้อมูลและความปลอดภัย (Data Safety Monitoring Board, DSMB) หรือโดยผู้ให้ทุนวิจัย (Sponsor) หรือเมื่อมีข้อมูลที่ระบุหรือสงสัยว่าการดําเนินโครงการวิจัยนั้นต่อไปอาจก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องความปลอดภัย หรือประโยชน์ของอาสาสมัครที่เข้าร่วมในโครงการวิจัย ทั้งนี้อาจพิจารณาให้มีการระงับโครงการวิจัยชั่วคราว (temporary suspension) หรือยุติโครงการวิจัย
รายงานสรุปผลการวิจัย (Final Report) ผู้วิจัยมีหน้าที่รายงานสรุปผลการวิจัยของโครงการวิจัยที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคนที่ได้ดำเนินการจนเสร็จสิ้นเป็นการแจ้งปิดโครงการมาที่คณะกรรมการฯ เพื่อแจ้งปิดโครงการ
รายงานเรื่องแจ้งเพื่อทราบอื่นๆ (Other Report) รายงานก็ต่อเมื่อมีเรื่องแจ้งเกี่ยวกับโครงการวิจัยให้คณะกรรมการฯ รับทราบ
รายงานความปลอดภัย (Safety Report) เพื่อติดตามรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในโครงการวิจัย คณะกรรมการฯ มีหน้าที่พิจารณา ทบทวนรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงที่เป็นอันตรายต่ออาสาสมัครที่เข้าร่วมในโครงการวิจัย และนำเสนอในที่ประชุมรับทราบในกรณีที่เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ร้ายแรงเกิดในต่างประเทศหรือสถาบันอื่นภายในประเทศ รายงานก็ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยกับอาสาสมัคร ซึ่งรายงานความปลอดภัยอาจแบ่งได้เป็น ดังนี้
Serious Adverse Event (SAE) คือ เหตุการณ์ ไม่พึงประสงค์ใดๆ ทางการแพทย์ที่เกิดขึ้น เมื่อได์รับยา หรือใช้เครื่องมือทางการแพทย์ หรือกระบวนการวินิจฉัย หรือการรักษาแล้วทําให้
เสียชีวิต (Death)
เป็นอันตรายคุกคามต่อชีวิต (Life-threatening)
ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือต้องอยู่ในโรงพยาบาลนานขึ้น (in-patient hospitalization or prolongation of existing hospitalization)
เกิดความพิการหรือทุพพลภาพอย่างถาวรหรืออย่าสำคัญ (persistent or significant disability/incapacity)
ทารกในครรภ์เกิดความพิการ หรือความผิดปกติแต่กำเนิด (a congenital anomaly/birth defect occurred)
Suspected Unexpected Serious Adverse Reaction (SUSARs) คือ เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ชนิดร้ายแรง ซึ่งไม่เคยทราบหรือคาดคิดมาก่อน ทั้งในแง่วิธีการวิจัยและประชากรที่ทําการศึกษา และไม่เคยระบุในโครงการวิจัยหรือคู่มือนักวิจัย
คณะกรรมการกํากับดูแลข้อมูลอิสระ คือ คณะกรรมการกํากับดูแลข้อมูลอิสระที่ผู้ให้ทุนวิจัยอาจแต่งตั้งขึ้นเพื่อประเมินความก้าวหน้าเป็นระยะๆ ของการทดลองทางคลินิก ข้อมูลความปลอดภัย และตัวชี้วัดประสิทธิผลที่สําคัญของการวิจัย และให้คําแนะนําแก่ผู้ให้ทุนวิจัยว่าสมควรดําเนินการวิจัยต่อไป หรือควรปรับเปลี่ยน หรือหยุดการวิจัย แบ่งออกเป็น
Independent Data-Monitoring Committee (IDMC)
Data and Safety Monitoring Board (DSMB)
Data Monitoring Committee (DMC)
Other safety report
หลักการปฏิบัติ
การรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ชนิดรายแรง (Serious Adverse Events; SAEs)
ภายในสถาบัน
ร้ายแรง/เป็นอันตรายถึงชีวิต ต้องรายงานโดยทันที หรือไม่เกิน 24 ชั่วโมง ผู้วิจัยรายงานต่อผู้สนับสนุนโครงการวิจัย (Sponsor) และรายงานต่อคณะกรรมการฯ
ไม่ร้ายแรง/ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ต้องรายงานไม่เกิน 7 วันตามปฏิทิน ผู้วิจัยรายงานต่อผู้สนับสนุนโครงการวิจัย (Sponsor) และรายงานต่อคณะกรรมการฯ
การรายงานเหตุการณ์ที่สงสัยว่าจะเป็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ชนิดร้ายแรงและไม่คาดคิด (Suspected UnexpectedSerious AdverseReactions; SUSARs)
ภายในสถาบัน
ร้ายแรง/เป็นอันตรายถึงชีวิต ต้องรายงานไม่เกิน 7 วันตามปฏิทิน ผู้สนับสนุนโครงการวิจัย (Sponsor) รายงานต่อคณะกรรมการฯ และติดตามผลที่เกี่ยวข้อง ภายใน 8 วันตามปฏิทินเพิ่มเติม (หากรายงานเริ่มต้นไม่สมบูรณ์) และข้อมูลใหม่ที่สำคัญเป็นรายงานติดตามผล ภายใน 15 วันตามปฏิทิน
ไม่ร้ายแรง/ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ต้องรายงานไม่เกิน 15 วันตามปฏิทิน ผู้สนับสนุนโครงการวิจัย (Sponsor) รายงานต่อคณะกรรมการฯ ติดตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมโดยเร็วที่สุด การเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญเกี่ยวกับความเสี่ยงของอาสาสมัคร หรือคำแนะนำของ IDMC ต้องรายงานไม่เกิน 15 วันตามปฏิทิน ผู้สนับสนุนโครงการวิจัย (Sponsor) รายงานต่อคณะกรรมการฯ
ภายนอกสถาบัน ต้องรายงานเป็นระยะอย่างน้อยทุก 6 เดือน โดยผู้สนับสนุนโครงการวิจัย (Sponsor) รายงานต่อคณะกรรมการฯ พร้อมรายงานสรุปสาระสำคัญโดยย่อในรูปแบบไฟล์เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันตามปฏิทินก่อนการประชุม
การรายงานอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่ออาสาสมัคร ต้องรายงานไม่เกิน 15 วันตามปฏิทิน โดยผู้สนับสนุนโครงการวิจัย (Sponsor) รายงานต่อคณะกรรมการฯ
การจัดเตรียมเอกสารสำหรับโครงการวิจัยที่ยื่นภายหลังการรับรอง (Post Approval Submission)
การเตรียมเอกสารโครงการวิจัย สำหรับ Post Approval Submission
รายงานแก้ไขเพิ่มเติมโครงร่างการวิจัย (Review of Protocol Amendments)
รายงานความก้าวหน้าของการวิจัย (Continuing Review of Study Protocol)
รายการเอกสารที่ต้องแนบมีดังนี้
รายงานความก้าวหน้าของโครงการวิจัย (แบบฟอร์ม AP 01-S10) จำนวนที่ใส่ขอให้มีเฉพาะ site ที่ขอรับรองกับ CREC
รายงาน DSMB, DMC, IDMC (ถ้ามี) /หากไม่มีขอให้ระบุใน AP 01-S10
เอกสาร SAE, SUSARs line Listing, Deviation ครั้งล่าสุด
สำเนาเอกสารชี้แจงข้อมูลแก่อาสาสมัคร (ICF) และสำเนาเอกสารแสดงการชี้แจงเจตนายินยอม (Consent Form) ฉบับล่าสุดที่ได้รับการรับรอง (มีการลงนามของอาสาสมัคร) (ขอ 1 site) *ขอเป็นรายที่ผ่านเกณฑ์การคัดเข้า
สรุปรายงานสถานะของ site ที่ทำทั้งหมดในประเทศไทย
รายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ (Review of Adverse Event Reports)
รายงานสิ้นสุดการวิจัย (Review of Close Study Reports)
รายงานการยุติโครงการวิจัยก่อนกำหนด (Management of Study Termination)
รายงานการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด (Non-Compliance / Protocol Deviation/Violation)
ขั้นตอนการยื่นเอกสารโครงการวิจัยภายหลังการรับรอง
การยื่นเอกสารทั้งหมดตามข้อกำหนด SOP ของสถาบัน ออนไลน์หรือ Hard copy ขึ้นอยู่กับสถาบันกำหนด ยกตัวอย่างการยื่นโครงการวิจัยผ่าน CREC
การยื่นโครงการต่อเนื่อง ส่งมา E-mail ของหน่วยงาน ได้แก่ official@crecthailand.org
การส่งเอกสารออกจาก CREC Local Issue หรือ หนังสือรับรอง/รับทราบ หรือ หนังสือแจ้งผลในกรณีต่างๆ ไปยังคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยประจำสถาบัน (Local EC)
CREC – ส่งเอกสารทาง E-mail ไปยัง official mail หรือ contact mail ที่ Local EC ได้แจ้งไว้
ผู้วิจัย/ผู้ประสานงานโครงการวิจัย จัดทำสำเนาเอกสาร (hard copy) และจัดส่งไปยัง Local EC ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งดำเนินการตามนโยบายของแต่ละสถาบัน เช่น การจ่ายค่าธรรมเนียม หรือ Submission online
การจัดทำสำเนาเอกสาร (hard copy) ในบางกรณี CREC อาจขอให้ผู้วิจัย/ผู้ประสานงานโครงการวิจัยจัดส่งเอกสารมายังสำนักงานฯ ในบางกรณี ซึ่งจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบโดยตรง
การชำระค่าธรรมเนียม ขอให้ดำเนินการชำระค่าธรรมเนียมผ่านการโอนผ่านบัญชีมูลนิธิ ตามประกาศมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาวิจัยในคนในประเทศไทย ที่ มสจท 005/2563 เรื่อง แก้ไขประกาศค่าธรรมเนียมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคน และแนบหลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมพร้อมกับเอกสารที่ขอรับการพิจารณา (งดรับการชำระค่าธรรมเนียมโดยเช็คเงินสด)
(อ้างอิง: ประกาศที่ มสจท 007-2564 ประกาศการยื่นเอกสาร.pdf)
การแจ้งผลการประเมิน
3.1 การแจ้งผลการยื่นขอรับพิจารณาปรับแก้ไขโครงการวิจัยภายหลังการรับรอง (Amendment)
ในกรณีที่โครงการวิจัยถูกพิจารณาเป็น “มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย (Minor Change)” และกรรมการฯ ผู้ทบทวนมีมติรับรอง เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการประทับตรา Approval (ลงลายน้ำ) ในเอกสารโครงการวิจัย จัดทำบันทึกข้อความแจ้งผลการรับรองการปรับแก้ไขฯ และใบรับรองเอกสารโครงการวิจัยที่ปรับแก้ไข เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการส่งเอกสารรับรองโครงการวิจัยที่ปรับแก้ไข ให้กับผู้วิจัยทางอีเมล โดยไม่ต้องรอการรับรองผลจากการประชุมคณะกรรมการฯ
ในกรณีที่โครงการวิจัยถูกพิจารณาเป็น “มีการเปลี่ยนแปลงมาก (Major Change)” เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ นำผลการพิจารณาจากกรรมการฯ ผู้ทบทวนเข้าในวาระการประชุมคณะกรรมการฯ ของเดือนนั้น เมื่อคณะกรรมการฯ มีมติรับรองโครงการวิจัยที่ปรับแก้ไข ให้เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการประทับตรา Approval (ลงลายน้ำ) ในเอกสารโครงการวิจัย จัดทำบันทึกข้อความแจ้งผลการรับรองการปรับแก้ไขฯ และใบรับรองเอกสารโครงการวิจัยที่ปรับแก้ไข เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการส่งเอกสารรับรองโครงการวิจัยที่ปรับแก้ไข ให้กับผู้วิจัยทางอีเมล โดยจะต้องรอการรับรองผลจากการประชุมคณะกรรมการฯ
3.2 การแจ้งผลการยื่นขอรับพิจารณารายงานความหน้าและต่ออายุโครงการ (Progress Report)
เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ นำผลการพิจารณาจากกรรมการฯ ผู้ทบทวนเข้าในวาระการประชุมคณะกรรมการฯ ของเดือนนั้น เมื่อคณะกรรมการฯ มีมติรับรองต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ จัดทำบันทึกข้อความแจ้งผลการรับรองต่อเนื่องและใบรับรองโครงการวิจัยต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการส่งเอกสารรับรองต่อเนื่องให้กับผู้วิจัยทางอีเมล ในกรณีที่คณะกรรมการฯ มีมติ “ไม่รับรองต่อเนื่อง” ให้เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการจัดทำบันทึกข้อความแจ้งผลการพิจารณา และส่งให้ผู้วิจัยทางอีเมล
3.3 การแจ้งผลการยื่นขอรับพิจารณารายงานสรุปผลโครงการวิจัย (Final Report)
เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ นำผลการพิจารณาจากกรรมการฯ ผู้ทบทวนเข้าในวาระการประชุมคณะกรรมการฯ ของเดือนนั้น เมื่อคณะกรรมการฯ มีมติรับรองสรุปรายงานโครงการวิจัย (Final report) เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ จัดทำบันทึกข้อความแจ้งผลรับรองสรุปรายงานโครงการวิจัย (Final report) เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องให้กับผู้วิจัยทางอีเมล ในกรณีที่คณะกรรมการฯ มีมติไม่รับรองสรุปรายงานโครงการวิจัย (Final report) ให้เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการจัดทำบันทึกข้อความแจ้งผลการพิจารณา และส่งให้ผู้วิจัยทางอีเมล
3.4 การแจ้งผลการยื่นขอรับพิจารณารายงานไม่ปฏิบัติตามโครงการวิจัย (Protocol Deviation/Violation Report)
เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ นำผลการพิจารณาจากกรรมการฯ ผู้ทบทวนเข้าในวาระการประชุมคณะกรรมการฯ ของเดือนนั้น เมื่อคณะกรรมการฯ มีมติ “รับทราบ” และ/หรือ “ให้มีการดำเนินการใดเพิ่มเติม” เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ จัดทำบันทึกข้อความแจ้งผลการพิจารณา เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องให้กับผู้วิจัยทางอีเมล
3.5 การแจ้งผลการยื่นขอรับพิจารณารายงานยุติโครงการวิจัย (Study Termination Memorandum)
เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ นำผลการพิจารณาจากกรรมการฯ ผู้ทบทวนเข้าในวาระการประชุมคณะกรรมการฯ ของเดือนนั้น เมื่อคณะกรรมการฯ มีมติ “รับทราบ” และ/หรือ “ให้มีการดำเนินการใดเพิ่มเติม” เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ จัดทำบันทึกข้อความแจ้งผลการพิจารณา เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องให้กับผู้วิจัยทางอีเมล
3.6 การแจ้งผลการยื่นขอรับพิจารณารายงานความปลอดภัย (Safety Report)
เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ นำผลการพิจารณาจากกรรมการฯ ผู้ทบทวนเข้าในวาระการประชุมคณะกรรมการฯ ของเดือนนั้น เมื่อคณะกรรมการฯ มีมติ “รับทราบ” และ/หรือ “ให้มีการดำเนินการใดเพิ่มเติม” เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ จัดทำบันทึกข้อความแจ้งผลการพิจารณา เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องให้กับผู้วิจัยทางอีเมล
3.7 การแจ้งผลการยื่นขอรับพิจารณาเอกสารอื่นๆ
กรณีที่ผลพิจารณาของกรรมการฯ ผู้ทบทวนเป็น “รับทราบ” เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการจัดทำบันทึกข้อความแจ้งและส่งผลพิจารณาให้กับผู้วิจัยทางอีเมล
กรณีที่ผลพิจารณาของกรรมการฯ ผู้ทบทวนเป็น “นำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการฯ” เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ นำผลการพิจารณาจากกรรมการฯ ผู้ทบทวนเข้าในวาระการประชุมคณะกรรมการฯ ของเดือนนั้น เมื่อคณะกรรมการฯ มีมติ “รับทราบ” และ/หรือ “ให้มีการดำเนินการใดเพิ่มเติม” เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ จัดทำบันทึกข้อความแจ้งผลการพิจารณา เจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ดำเนินการจัดทำบันทึกข้อความแจ้งและส่งผลพิจารณาให้กับผู้วิจัยทางอีเมล