เมื่อพูดถึงเรื่องความสามารถในการยกของรถเครน ก่อนอื่นต้องบอกให้เข้าใจก่อนว่า รถเครน จะรับน้ำหนักได้ต่างกันในการทำงานที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับ
– ระยะห่างระหว่างรถเครนกับวัตถุที่ยก ยิ่งระยะห่างกันมาก ความสามารถในการรับน้ำหนักของเครนก็จะลดลง
– ความยาวของแขนเครน ถ้าเครนยืดแขนออกมาก ความสามารถในการยกก็จะน้อยลง
– มุมระหว่างแขนเครนกับพื้นดิน ยิ่งมุมต่ำ ความสามารถในการยกก็จะน้อยลง (สอดคล้องกับเรื่องระยะห่างระหว่างแขนเครนกับของที่จะยก เพราะการนอนแขนเครนต่ำลงมา ก็เพื่อจะยกของที่ไกลออกไปนั่นเอง)
– การยืดขาเครน กรณีที่ยืดขาไม่สุด ความสามารถในการรับน้ำหนักก็ลดลง
เราจะคำนวนได้อย่างไร ว่าในแต่ละระยะห่างของการยก เครนจะยกของได้หนักเท่าไร
เราต้องดูจาก Load Chart (ตารางการรับน้ำหนักของรถเครน) ตารางนี้รถเครนทุกคันจะต้องมีติดอยู่ที่รถ ซึ่งเป็นตารางที่ออกโดยผู้ผลิด (ตารางของรถเครนต่างรุ่น หรือต่างยี่ห้อกัน ไม่สามารถใช้แทนกันได้ )
เพื่อให้เห็นวิธีการอ่านค่าจากตาราง load chart ขอนำตัวอย่างส่วนหนึ่งของ load chart รถเครน ยี่ห้อ ทาดาโน รุ่น tr250m-5 มาให้ดู
จากตาราง load chart ข้างบน ผมยกมาแค่ส่วนหนึ่ง คือ กรณีที่เครนยืดขาสุด โดยปกติแล้ว ตารางคำนวนน้ำหนักนี้ จะแบ่งเป็นกรณีที่เครนยืดขาสุด ,กรณีที่ยืดขาออกมาบางส่วน ,กรณีที่ไม่ยืดขา เป็นต้น
ซึ่งเพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุ ในโครงการก่อสร้างมักจะกำหนดกฏระเบียบให้เครนต้องกางขาออกมาให้สุดทุกครั้ง ถ้าจำเป็นที่จะต้องกางขาไม่สุด จะต้องทำการขออนุญาตก่อน
จากตาราง load chart ข้างบน ผมตัดมาให้ดูเฉพาะกรณีที่รถเครนยืดขาออกมาสุดทุกข้าง (ดูได้จากที่ผมทำกรอบสีเหลืองไว้ ตรงนั้นจะบอกให้ทราบ
– ที่ช่อง A(m) ที่ผมทำกรอบสีชมพูไว้ คือความยาวของแขนเครน (แขนเครน เรามักเรียกทับศัพท์กันว่า บูม) มีหน่วยเป็นเมตร ตัวเลข 9.5m ,16.5 , 23.5m และ 30.5M คือความยาวเมื่อยืดแขนเครนแต่ละท่อนออกมา
– ที่ช่อง B(m) ที่ผมทำกรอบสีน้ำเงินไว้ หรือระยะห่างจากจุดศูนย์กลางของรถเครน ไปยังวัตถุที่ยก มีหน่วยเป็นเมตร
ดังนั้น ถ้าท่านอยากทราบว่าในกรณีที่เครนยืดขาออกมาสุด แล้วต้องการยกของที่ห่างจุดศูนย์กลางของรถเครน 5 เมตร ที่ความยาวบูม 16.5 เมตร จะยกของหนักได้เท่าไร เมื่อดูจากตารางจะทราบได้ทันทีว่า รับน้ำหนักได้ไม่เกิน 16.7 ตัน
ส่วนตารางฝั่งขวามือ คือ กรณีที่เคนทำการต่อจิ๊บ(Fly Jib Boom) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการเพิ่มความยาวของแขนเครน ใช้กรณีที่ต้องยกของที่ความสูงมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งผลเสียของการต่อจิ๊บก็จะทำให้ความสามารถในการยกลดลงมาก เช่นกัีน
– ช่อง C ความยาวของจิ๊บ จะมี 2 ขนาด คือ จิ๊บ ยาว 8 เมตร และ 13 เมตร
– ช่อง D คือ องศาของจิ๊บ กับแขนเครน (จิ๊บที่ต่อยาวจากแขนเครน จะไม่อยู่ในลักษณะยาวตรงดิ่งออกไปในระนาบเดียวกัน แต่จะทำมุม 5 องศา ,25 องศา หรือ 45 องศา
– ช่อง E คือมุมของแขนเครนกับพื้น (อาจดูได้จากด้านข้างแขนเครน จะมีเข็มบอกมุมของแขนเครนว่าทำมุมเท่าไร)
ดังนั้น ถ้าเครนต่อจิ๊บยาว 8 เมตร โดยจิ๊บทำมุม 5 องศากับแขนเครน และแขนเครนทำมุม 70 องศากับพื้น เราจะทราบได้ทันทีว่า เครนสามารถรับน้ำหนักได้ที่ 2.8 ตัน
รถเครนล้อยางไม่กางขา แล้วทำงานได้หรือเปล่า
คำตอบ คือ ได้ แต่ไม่ควรครับ
รถเครนถูกออกแบบมาให้กางขา ก่อนทำงาน ขอเล่าให้ฟังทั้ง 4 รูปแบบให้ฟัง
รูปแบบ1,
รถเครนกางขาสุด หรือ Outriggers fully extended
แบบนี้เป็นแบบที่ดีที่สุด มั่นคงที่สุด
จากรูป ถ้ากางสุด จะเห็นขารถเครนเป็นสีเขียว แปลว่า ปลอดภัยมากที่สุด
รูปแบบ2,
รถเครนกลางขาปานกลาง หรือ Outriggers middle extended
รถเครนกางขาปานกลาง ความสามารถจะลดลง ต้องดูตามโหลดชาร์ตการทำงาน แบบกางขาปานกลาง
จากรูป ถ้ากางขาปานกลาง จะเห็นขารถเครนเป็นสีเหลือง
รูปแบบ3,
รถเครนกางขาน้อยที่สุด หรือ Outriggers minimum extended
รถเครนกางขาน้อยที่สุด ความสามารถจะลดลงไปอีก ดูตามโหลดชาร์ตการทำงานเหมือนเดิมครับ แบบกางขาน้อยสุด
จากรูป ถ้ากางขาน้อยสุด จะเห็นขารถเครนเป็นสีแดง แปลว่าไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับโหลดชาร์ตเป็นหลัก
รูปแบบ4,
รถเครนไม่กางขาเลย หรือ without outriggers
แบบนี้ไม่ควรทำครับ อันตราย และข้อจำกัดเยอะมาก
ทั้งเรื่องสภาพพื้นดินที่ต้องเรียบ
ทั้งลมยางที่ต้องเติมลมให้ได้เท่ากับคู่มือรถ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่อยู่ให้อ้างอิงกันแล้ว
ห้ามใช้การทิ้งรอก หรือ Free fall ในระบบการยกแบบนี้เด็ดขาด
ห้ามใช้บูมยาว ห้ามใช้จี๊ปเด็ดขาด ใช้ปุ๊บ เครนคว่ำทันที
ห้ามวิ่งไป เบสรอกขึ้นไป
และรายละเอียดอีกเยอะครับ
สรุปง่ายๆ ถ้าทำได้ กางขาให้สุดเสมอๆ ปลอดภัยที่สุดครับ ถ้าข้างนึงกางสุด(สีเขียว) อีกข้างกางน้อยที่สุด(สีแดง) ต้องยึดการอ่านโหลดชาร์ตที่สีแดงครับ หลักการเซฟตี้ คือ ให้ยึดสิ่งที่ปลอดภัยกว่าเสมอ ห้ามคิดว่ากางสุดข้างนึง อีกข้างกางไม่สุด แล้วคำนวณแบบ กางสุด หรือ กางปานกลาง คิดแบบนี้ รถเครนคว่ำกันมาเยอะแล้วครับ
สุดท้ายนี้ อย่าลืมกางขาเครนนะครับ ส่วนตัวแล้ว ผมก็เคยเผลอเหมือนกัน ลืมกางขา แล้วยืดบูม โชคดีที่มีคนเตือนทัน ไม่งั้นก็คงคว่ำเหมือนกันครับ