"ระยะทางพิสูจน์ม้า...กาลเวลาพิสูจน์คน" ทำให้พ่อ-แม่ผู้ปกครองหลายท่านต้องตื่นแต่เช้าหรือไม่ก็มารอคอยตั้งแต่ก่อนวันที่ 13 มีนาคม 2552....เพราะระยะทางไกลแสนไกล...ที่พวกเขาต้องเดินทางจากต่างจังหวัด มารอรับความชื่นชมและแสดงความยินดีกับลูก ๆ หลาน ๆ ของตนเองที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม...บ้างก็ร้องไห้ด้วยความดีใจ(พ่อ-แม่)...บ้างก็ยิ้มจนแก้มปลิ (แฟนหนุ่ม)...บ้างก็หวังจะเอาค่าดองคืนเป็นครึ่งล้าน(ลงทุนส่งเสียเรียนจนหมดตัว) ...พยาบาลบัณฑิตใหม่แต่ละคนก็ต้องกินยาระงับอาการปวดกราม "หยุดยิ้มไม่ได้" เพราะเสียงกด capture กล้องดังอย่างต่อเนื่องและแสงพึบพับจากกล้อง...ต่างคนก็ต่างแสดงความสุขที่แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมของแต่ละคน..."คุณหมอ" คำ ๆ นี้ต่อไปก็จะได้ยินจนคุ้นชิน เพราะจากนี้ไปก็จะได้รักษาพยาบาลคนไข้ตามแต่ละหน้าที่จะได้รับมอบหมาย..."หนูอยากได้ตุ๊กตาช้าง...หนูอยากได้ตุ๊กตาหมี...หนูอยากได้ตุ๊กตาตัวใหญ่ ๆ" เป็นเสียงก้องกังวานเรียกร้องในบริเวณงานวันรับใบ transcript ทำไม "คุณหมอ" ถึงงอแงอยากได้ตุ๊กตาก็ไม่รู้(ส่วนหนึ่งเป็นวัฒนธรรม) ซึ่งต่อไปก็จะได้รักษาชีวิตคนไข้แล้ว...เห็นแล้วก็แปลกใจเหมือนกัน...ท้ายที่สุดความเป็นพ่อ-แม่ ต้องเป็นผู้หอบหิ้วทั้ง ตุ๊กตาช้าง...ตุ๊กตาหมี...และตุ๊กตาตัวใหญ่ ๆ ให้เหมือนเดิม นี่คือ "ความรักลูก" ของพ่อ-แม่นั้นเอง (ศ.สังคม, 2009)
"ช่วยกันนะเราช่วยกัน" คำ ๆ นี้ได้ยินจากเสียงรุ่นน้อง ๆ ที่ช่วยพี่ ๆ ที่สำเร็จการศึกษาเก็บข้าวของเพื่อกลับบ้าน เป็นรูปธรรมที่ชี้ให้เห็นว่าชาวพยาบาลเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความเป็น "พี่เป็นน้อง" (seniority and junoirity) เป็นผู้มีน้ำใจ (trust) รุ่นพี่ก็ฝากตำราเก่า ๆ ให้รุ่นน้อง ให้สิ่งของเครื่องใช้ที่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นความลำบากในการฝึกงาน(ชุดฝึกงาน/ตำรา/อื่น ๆ) สะท้อนให้เห็นระบบการกล่อมเกลาทางสังคม (socialization) อย่างมีคุณภาพของสถาบันการศึกษาที่ได้สั่งสมมา จึงถือได้ว่าเป็น"ทุนทางสังคม" ในรูปแบบ "Bounding Social Capital" (putnam, 2000)
"ปีหนึ่งนั้น...ดีใจได้ศึกษา
ปีสองมา...หน้าตาดูสะสวย
ปีสามฝึก...งานหนักจนงงงวย
ปีสี่ช่วย...ให้รู้ซึ้งถึงค่าคน" (4 ปีแห่งความพรากเพียร, ศ.สังคม, 2009)