หน่วยที่ 8 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
เรื่อง โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หน่วยที่ 8 เรื่อง เครือข่ายคอมพิวเตอร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
เรื่อง โครงสร้างของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์
คือการนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อเป็นระบบเครือข่าย เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการสื่อสารข้อมูลนั้น ๆ มีหลายรูปแบบสำหรับการเชื่อมต่อ การเลือกโครงสร้างการเชื่อมต่อเครือข่ายหรือเรียกว่า "โทโปโลยี (Topology)"
ลักษณะการใช้งานของเครือข่าย สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ
1.โครงสร้างเครือข่ายแบบบัส (Bus Topology)
- มีการเชื่อมต่อแบบเส้นตรง เชื่อมต่อง่ายและไม่ซับซ้อน โดยจะใช้สายสัญญาณเส้นเดียวในการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่าย
ข้อดีคือ เชื่อมต่อง่าย ไม่ซับซ้อน , ประหยัดสายสัญญาณ , เพิ่มเติมปริมาณเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายได้ง่าย.
ข้อเสียคือ เนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อโดยใช้สัญญาณเดียว เมื่อสายสัญญาณเสียหายจุดใดจุดหนึ่งจะส่งผลให้เครือข่ายจะไม่ทำงานได้ทันที , หาข้อผิดพลาดในการชำรุดได้ยาก
2.โครงสร้างเครือข่ายแบบดาว (Star Topology)
- มีอุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อเครือข่ายคือ "ฮับ (Hub)" เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อเครือข่าย คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะเชื่อมต่อสายสัญญาณเข้าไปยังฮับ เป็นแบบการกระจาย ถ้าหากจะส่งข้อมูล ข้อมูลจะต้องผ่านฮับก่อน ฮับจะทำหน้าที่กระจายข้อมูลไปยังเครื่องปลายทาง
ข้อดีคือ จัดการระบบง่าย , จับหาข้อผิดพลาดง่าย , เครือข่ายคงทนสูง
ข้อเสียคือ สิ้นเปลืองสัญญาณ , ต้องมีการจำกัดจำนวนคอมพิวเตอร์ที่จะนำมาเชื่อมต่อ.
3.โครงสร้างเครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Topology)
- มีลักษณะของการเชื่อมต่อเป็นรูปวงแหวนหรือวงกลม สัญญาณจะเดินทางเป็นวงกลมในทิศทางเดียว โดยจะใช้ลักษณะการส่งต่อข้อมูล เมื่อการส่งข้อมูลเรียบร้อย จะแจ้งไปยังเครื่องอื่นๆ ว่าสายสัญญาณว่าง เพื่อให้เครื่องอื่นทำการส่งข้อมูลต่อไป
ข้อดีคือ ประหยัดสายสัญญาณ , ทำการติดตั้งในเครือข่ายสามารถทำได้ง่าย , การส่งข้อมูลมีผลเท่าเทียมกัน
ข้อเสียคือ ถ้าสายสัญญาณช่วงใดช่วงหนึ่งเสียหายจะทำให้ระบบเครือข่ายทั้งหมดไม่สามารถทำงานได้ทันที ,การตรวจสอบเมื่อเกิดความผิดพลาดทำได้ยาก
4.โครงสร้างเครือข่ายแบบเมซ (Mesh Topology)
- เป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายที่สมบูรณ์ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งหมดด้วยสัญญาณเป็นอิสระในการส่งข้อมูล ถ้าเส้นทางหลักเกิดความเสียหาย จะลดความผิดพลาดในการส่งข้อมูล ทำให้ระบบนี้มีประสิทธิภาพและมีความเชื่อถือสูง
ข้อดีคือ ถ้าสายสัญญาณเกิดความเสียหายก็ไม่ส่งผลต่อการส่งข้อมูลเพราะมีเส้นสำรองเพื่อส่งข้อมูล, เกิดความรวดเร็วในการส่งข้อมูล เนื่องจากเดินทางได้หลายทาง
ข้อเสียคือ ทำให้สิ้นเปลืองสายสัญญาณมาก , มีความซับซ้อนในการเชื่อมต่อเครือข่าย.
นอกจากโครงสร้างทั้ง 4 ประเภทที่ได้กล่าวมาแล้ว ได้นำรูปแบบของโครงสร้างหลายๆ รูปแบบผสมผสานให้เกิดเป็นโครงสร้างเครือข่ายขึ้นอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า "ไฮบริดจ์" เป็นการนำโครงสร้างเครือข่ายหลายรูปแบบมารวมกัน
ภาพประกอบ : https://www.pi-tech.biz/