วิชา การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย
หน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งข้อมูลด้วยสัญญาณดิจิตอล
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
เรื่อง การแปลงข้อมูลอนาล็อกให้เป็นสัญญาณอนาล็อก
วิชา การสื่อสารข้อมูลและเครือข่าย
หน่วยที่ 7 เรื่อง การส่งข้อมูลด้วยสัญญาณดิจิตอล
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
เรื่อง การแปลงข้อมูลอนาล็อกให้เป็นสัญญาณอนาล็อก
การแปลงข้อมูลอนาล็อกให้เป็นสัญญาณอนาล็อก
สมมติว่า ได้มีการเปิดวิทยุคลื่น FM ที่ความถี่ 101.5 MHz เพื่อฟังเพลง ซึ่งคลื่นของสถานีจะส่งอออกไปที่ย่านความถี่นี้ ในขณะที่เสียงพูดของมนษย์จะอยู่ที่ย่านความถี่ต่ำในช่วง 300 – 3,400 Hzและเสียงดนตรีมีย่านความถี่ที่ 30- 20,000 Hz ดังนั้นเพื่อให้เสียงพูดและเสียงดนตรีสามารถส่งออกไปที่ย่านความถี่สูง 101.5 MHz ได้ จึงจำเป็นต้องมีเทคนิควิธีการส่ง
คลื่นความถี่สูงนี้เรียกว่า คลื่นพาหะ ( Carrier Signal ) ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถส่งออกได้ในระยะไกล ๆ และผ่านตัวกลางได้ และเมื่อมีการนำคลื่นพาหะมารวมกับสัญญาณเสียง ก็จะได้คลื่นใหม่ที่พร้อมส่งออกผ่านไปยังตัวกลาง เช่น อากาศ โดยการรวมกันของสัญญาณในที่นี้ก็คือ การมอดูเลต ( Modulate ) นั่นเอง และเมื่อสถานีส่งได้ทำการส่งสัญญาณที่ผ่านการมอดุเลตไปแล้ว ฝ่ายสถานีรับก็จะต้องมีกรรมวิธีในการแยกคื่นพาหะออกจากคลื่นเสียง ซึ่งเรียกเทคนิคนี้ว่า การดีมอดูเต
การมอดูเลตทางขนาดที่ใช้กับคลื่นวิทยุ AM
การมอดูเลตทางความถี่ที่ใช้กับคลื่นวิทยุ FM
การแปลงข้อมูลอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตอล (Analog Data Digital Signal)
กระบวนการแปลงอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตอล เรียกว่า โค้ดเดอร์ (Coder) และกระบวนการแปลงสัญญาณดิจิตอลให้เป็นข้อมูลเดิม เรียกว่า ดีโค้ดเดอร์ (Decoder) และอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่โค้ดเดอร์และดีโค้ดเดอร์ เรียกว่า โคเด็ก (CODEC)
การแปลงข้อมูลอนาล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตอล มีวิธีการดังนี้คือ
1. Pulse Amplitude Modulation (PAM)
- ทำการสุ่มตัวอย่าง (Sampling) สัญญาณอนาล็อกตามช่วงเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ได้สัญญาณที่ขาดจากกันเป็นช่วงๆ เรียกว่า Pulse โดยที่ความสูงของแต่ละ Pulse เท่ากับความสูง (Amplitude) ของสัญญาณเดิม
- การสุ่มตัวอย่างในที่นี้ หมายถึง การวัดความสูงข้อสัญญาณอนาล็อก
- นำตัวอย่างที่ได้ที่มีลักษณะเป็น Pulse ที่ไม่ต่อเนื่อง มาสร้างเป็นสัญญาณดิจิตอล แล้วทำการส่งสัญญาณนี้ไปตามสื่อกลางดิจิตอล
- ผู้รับปลายทางจะนำ Pulse ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ต่อเนื่อง มาแปลงเป็นสัญญาณอนาล็อกที่ต่อเนื่อง
- วิธี PAM นี้ ไม่นิยมนำไปประยุกต์งานโดยตรง แต่จะใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาวิธีการแปลงสัญญาณอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิตอลวิธีอื่น
2. Pulse Code Modulation (PCM)
เทคนิคการแปลงสัญญาณอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิตอลโดยวิธี PCM แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน คือ
ขั้นตอนที่ 1 ทำการสร้าง Pulse โดยวิธี PAM
ขั้นตอนที่ 2 Quantized
- เป็นการกำหนดค่าความสูงของ Pulse ซึ่งระดับความสูงของ Pulse ขึ้นอยู่กับจำนวนบิตของข้อมูล ที่นำมาเข้ารหัส
ตัวอย่าง : ถ้าใช้การเข้ารหัสเลขฐานสองจำนวน 8 บิต เพื่อแทน 1 อักขระ โดยบิตแรกเป็นSign Bit ดังนั้นความสูงของ Pulse จะมีค่าอยู่ในช่วง -127 ถึง +127
ขั้นตอนที่ 3 Binary Encoding
เป็นการแปลง Pulse ให้อยู่ในรูป Binary Digit
ขั้นตอนที่ 4 Digital /Digital Encoding
เป็นการแปลง Binary Digit ให้อยู่ในสัญญาณดิจิตอล
การแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อก
การแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอนาล็อก (D/A)
ทำหน้าที่แปลงข้อมูลผลลัพธ์จากการประมวลผลเป็นสัญญาณไฟฟ้า ให้เป็นสัญญาณที่มนุษย์รับรู้ได้ สัมผัสได้ เป็นการแสดงผลข้อมูล (Output Unit)digital-to-analog conversion เป็นกระบวนการซึ่งสัญญาณมีการกำหนดระดับ หรือสถานะจำนวนหนึ่ง ( ปกติ คือ 2 สถานะ) หรือสัญญาณดิจิตอล ให้เป็นสัญญาณที่ไม่จำกัดจำนวนของสถานะ หรือสัญญาณอนาลอก ตัวอย่าง กระบวนการของโมเด็มในการแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ เป็นความถี่เสียง ให้สามารถส่งผ่านสายโทรศัพท์ twisted pair ในวงจรที่ทำงานให้กับฟังก์ชันนี้ เรียกว่า digital-to-analog converter (DAC)
โดยพื้นฐาน digital-to-analog conversion ตรงข้ามกับ analog-to-analog conversion ถ้า analog-to-analog converter (ADC) วางอยู่ในวงจรการสื่อสารต่อจาก DACสัญญาณดิจิตอลส่งออก จะตรงกับสัญญาณดิจิตอลนำเข้า ในกรณีที่ DAC วางอยู่ในวงจรต่อจาก ADC สัญญาณอะนาล๊อกส่งออกจะเป็นตรงกับสัญญาณอะนาล๊อกนำเข้าสัญญาณดิจิตอล แบบbinary จะปรากฏเป็นข้อความขนาดยาว ของ 1 และ 0 ซึ่งจะไม่มีความหมายต่อการอ่าน แต่เมื่อ DAC ใช้ถอดรหัสสัญญาณดิจิตอลแบบ binary จึงปรากฏผลลัพธ์ที่มีความหมาย ซึ่งอาจจะเป็น เสียง ภาพ เสียงดนตรี และกลไกการเคลื่อน