หน่วยที่ 3 เรื่อง เทคนิคการส่งข้อมูลดิจิตอล
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
เรื่อง การแก้ไขความผิดพลาดในการส่ง
หน่วยที่ 3 เรื่อง เทคนิคการส่งข้อมูลดิจิตอล
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
เรื่อง การแก้ไขความผิดพลาดในการส่ง
การตรวจสอบความผิดพลาดในการส่งข้อมูล
การส่งข้อมูลในเครือข่ายจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณ์หนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึ่งคือผู้รับจะต้องได้รับข้อมูลครบถ้วนสมบรูณ์ และสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
ระหว่างที่ข้อมูลเดินทางจากผู้ส่งไปยังผู้รับนั้นอาจมีสัญญาณรบกวนทำให้ข้อมูลเกิดการผิดพลาดได้ดังนั้นระบบการสื่อสารที่ดีจึงจำเป็นต้องมีวิธีการตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูล
ประเภทความผิดพลาด
ความผิดพลาดในการส่งข้อมลแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
1. ความผิดพลาดประเภทบิตเดียว (Single Bit Error)
ความผิดพลาดประเภทเดียว หมายถึง ในหนึ่งหน่วยของการส่งข้อมูลมีความผิดพลาดเกิดขึ้นเพียงบิตเดียวเท่านั้น
2. ความผิดพลาดประเภทหลายบิต (Multiple Bit Error)
ความผิดพลาดประเภทหลายบิต หมายถึง ในหนึ่งหน่วยของการส่งข้อมูลมีบิตตั้งแต่ 2 บิตขึ้นไปและอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ติดกันเกิดการเปลี่ยนแปลงไป
3. ความผิดพลาดประเภทต่อเนื่อง (Burst Error)
ความผิดพลาดประเภทต่อเนื่อง หมายถึง ในหนึ่งหน่วยของการส่งข้อมูลมีตั้งแต่ 2 บิตขึ้นไปและอยู่ในตำแหน่งที่ติดกันเกิดการเปลี่ยนแปลงไป
วิธีการตรวจสอบความผิดพลาด
วิธีการตรวจสอบความผิดพลาดในการส่งข้อมูล สามารถทำได้ดังนี้
1. ผู้ส่งทำการส่งข้อมูลออกมา 2 ชุด ของการส่งแต่ละครั้งเมื่อผู้รับได้รับข้อมูลจำนำข้อมูล 2 ชุด นั้นมาทำการเปรียบเทียบกันถ้าบิตใดมีค่าไม่ตรงกันแสดงว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น
การตรวจสอบความผิดพลาดวิธีนี้มีข้อเสียคือเป็นการเสียเวลามากเพราะต้องใช้เวลาในการส่งข้อมูลเป็นสองเท่าและต้องใช้เวลาในการตรวจสอบด้วย
2. ผู้ส่งทำการเพิ่มข้อมูลบางส่วนเพื่อใช้ในการเปรียบเทียบหาความผิดพลาดโดยข้อมูลที่เพิ่มขึ้นมานี้เป็นข้อมูลสั้นๆ ไม่ใช่ข้อมูลเดิมทั้งชุดเพื่อประหยัดเวลาในการส่งข้อมูล
การแก้ไขความผิดพลาดในการส่งข้อมูล (Error Correction)
ในการสื่อสารข้อมูลเมื่อผู้รับได้รับข้อมูลจะต้องทำการตรวจสอบหาความผิดพลาดของข้อมูลนั้นหากข้อมูลที่ได้รับความผิดพลาดเกิดขึ้นจะต้องทำการแก้ไขความผิดพลาดนั้นซึ่งวิธีการแก้ไขความผิดพลาดของข้อมูลทำได้ดังนี้
1. การแก้ไขความผิดพลาดแบบบิตเดียว
การแก้ไขความผิดพลาดแบบบิตเดียว เป็นวิธีพื้นฐานที่สุดมีหลักการดังนี้ คือเพิ่มพาร์ตี้บิตอีก 1 บิตเข้าไปใน
หน่วยข้อมูลเพื่อใช้ในการตรวจสอบความผิดพลาดของบิตต่างๆ ถ้ามีความผิดพลาดที่บิตใดก็สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้
2. การแก้ไขความผิดพลาดแบบหลายบิต
การแก้ไขความผิดพลาดแบบหลายบิต มีวิธีการทำงานที่ซับซ้อนยุ่งยาก จึงขอไม่กล่าวในที่นี้