ความไม่รู้ อวิชชา เป็นมลทินที่สุดร้าย - อวิชฺชา ปรมํ มลํ มลสูตร ๒๓/๑๐๕ ธรรมะประจำวันที่ 30/07/2010
ตะปูตรึงใจคือใจที่ถูกตรึงไว้ด้วยอกุศล จิตที่หยาบกระด้าง จิตที่ลังเลสงสัย จิตที่เป็น โทสะชื่อว่าเป็นตะปูตรึงใจตรึงใจเอาไว้ไม่ให้เกิดกุศลธรรมตรึงใจเอาไว้ไม่ให้เกิด ปัญญา ตรึงใจไว้ให้อยู่กับความไม่รู้คืออวิชชา ไม่ให้ละกิเลสและทำให้เสื่อมจากกุศล ธรรมประการต่าง ๆ เพราะถูกตะปูคือกิเลสที่หยาบกระด้างตรึงไว้ให้ใจหยาบกระด้าง ด้วยอกุศลธรรม .ตะปูตรึงใจ มี 5 ประการดังนี้................
1.บุคคลย่อมสงสัยเคลือบแคลงไม่ปลงใจเชื่อไม่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าเมื่อจิต สงสัยและไม่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าบุคคลนั้นก็ย่อมไม่ศึกษาพระธรรมไม่น้อม ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมและไม่ขัดเกลากิเลสการที่บุคคลไม่ศึกษาพระธรรมไม่ ขัดเกลากิเลสเป็นตะปูตรึงใจข้อที่ 1 ตรึงใจไว้ให้ไม่เจริญในกุศลธรรมและและตรึงใจ ไว้ให้เจริญในอกุศลธรรมเพราะความสงสัยและไม่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เช่น เมื่อมี บุคคลที่ไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริงไม่เชื่อในพระคุณของพระพุทธเจ้าเมื่อไม่เชื่อหรือ สงสัย เขาก็จะไม่เห็นประโยชน์ของการศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ และเมื่อ ไม่ศึกษาพระธรรมก็ไม่มีทางขัดเกลากิเลส ละกิเลสได้เลยนั่นจึงเป็นตะปูตรึงใจของ เขาไว้ให้อยู่กับอกุศลธรรม อยู่กับความไม่รู้ ไม่มีทางดับกิเลสได้เลย
2.บุคคลย่อมสงสัยเคลือบแคลงไม่ปลงใจเชื่อไม่เลื่อมใสในพระธรรมเมื่อจิตสงสัย และไม่เลื่อมใสในพระธรรม บุคคลนั้นก็ย่อมไม่ศึกษาพระธรรมไม่น้อมประพฤติปฏิบัติ ตามพระธรรมและไม่ขัดเกลากิเลสการที่บุคคลไม่ศึกษาพระธรรมไม่ขัดเกลากิเลส เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ 2 ตรึงใจไว้ให้ไม่เจริญในกุศลธรรมและและตรึงใจไว้ให้เจริญใน อกุศลธรรมเพราะความสงสัยและไม่เลื่อมใสในพระธรรมเช่น เมื่อบุคคลไม่เชื่อหรือ สงสัยว่าพระไตรปิฎกเป็นคำสอนที่ถูก อาจจะเปลี่ยนไปเพราะมีการสังคายนาหลายครั้ง เมื่อเขาคิดอย่างนี้แล้ว บุคคลนั้นก็ย่อมไม่ศึกษพระธรรม จึงไม่มีทางขัดเกลากิเลสละ กิเลสได้เลยนั่นจึงเป็นตะปูตรึงใจของเขาไว้ให้อยู่กับอกุศลธรรมอยู่กับความไม่รู้ ไม่มีทางดับกิเลสได้เลย
3.บุคคลย่อมสงสัยเคลือบแคลงไม่ปลงใจเชื่อไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ เมื่อจิตสงสัย และไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ บุคคลนั้นก็ย่อมไม่ศึกษาพระธรรมไม่น้อมประพฤติปฏิบัติ ตามพระธรรมและไม่ขัดเกลากิเลส การที่บุคคลไม่ศึกษาพระธรรมไม่ขัดเกลากิเลส เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ 3 ตรึงใจไว้ให้ไม่เจริญในกุศลธรรมและและตรึงใจไว้ให้เจริญใน อกุศลธรรมเพราะความสงสัยและไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ เช่น บุคคลมีความสงสัยหรือ ไม่เชื่อว่ามีบุคคลที่บรรลุเป็นพระอริยสงฆ์จริงหรือไม่ เมื่อสงสัยหรือไม่เชื่อว่ามีการบรรลุ ธรรมจริง ก็ไม่สนใจศึกษาพระธรรมและก็ไม่สามารถขัดเกลากิเลส ย่อมเป็นตะปูตรึงใจ ให้ไม่พ้นไปจากความไม่รู้และอกุศลอื่น ๆ
4.บุคคลย่อมสงสัย เคลือบแคลง ไม่ปลงใจเชื่อไม่เลื่อมใสในสิกขาเมื่อจิตสงสัยและ ไม่เลื่อมใสในสิกขาบุคคลนั้นก็ย่อมไม่ศึกษาพระธรรมไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระ ธรรมและไม่ขัดเกลากิเลส การที่บุคคลไม่ศึกษาพระธรรมไม่ขัดเกลากิเลส เป็นตะปู ตรึงใจข้อที่ 4 ตรึงใจไว้ให้ไม่เจริญในกุศลธรรมและและตรึงใจไว้ให้เจริญในอกุศลธรรม เพราะความสงสัยและไม่เลื่อมใสในสิกขา สิกขาในที่นี้คือ อธิศีลสิกขา{อธิจิตสิกขาและอธิปัญญาสิกขา}สรุปคือข้อประพฤติ ปฏิบัติในการดับกิเลสนั่นก็คืออริยมรรคมีองค์ 8 หรือสติปัฏฐาน หากว่าบุคคลมี ความสงสัยหรือไม่เชื่อว่าสติปัฏฐานเป็นหนทางเดียวในการดับกิเลสก็จะไม่ประพฤติ ปฏิบัติตามทางสายกลาง ก็จะไม่สามารถดับกิเลสได้เป็นตะปูตรึงใจเขาไว้ให้อยู่ใน ความไม่รู้และกิเลสประการต่าง ๆ และหากว่าบุคคลไม่เชื่อหรือสงสัยว่า การระลึกรู้ ลักษณะของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้เป็นหนทางดับกิเลส เมื่อไม่เชื่อหรือสงสัยก็จะไม่ ประพฤติปฏิบัติตามมหนทางนี้ก็ไม่สามารถดับกิเลสได้เป็นตะปูตรึงใจของบุคคลนั้นมาถึงข้อสุดท้าย
5.บุคคลเป็นผู้มีความโกรธ มีจิตกระทบกระทั่งคือมีความโกรธในบุคคลต่าง ๆ ในบุคคล ที่ศึกษาธรรมร่วมกัน ก็เป็นตะปูตรึงใจข้อที่ 5 บุคคลนั้นก็ย่อมไม่ได้รับประโยชน์จากพระ ธรรมไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมและไม่ขัดเกลากิเลส การที่บุคคลไม่ศึกษา พระธรรมไม่ขัดเกลากิเลสเป็นตะปูตรึงใจข้อที่ 5 ตรึงใจไว้ให้ไม่เจริญในกุศลธรรม และตรึงใจไว้ให้เจริญในอกุศลธรรมตรึงใจในความไม่รู้และกิเลสเพราะความเป็นผู้ที่ มากด้วยโกรธและความผูกโกรธ ประโยชน์ของการศึกษาธรรมคือเพื่อขัดเกลากิเลสด้วยความจริงใจ ขออนุโมทนา