โครงการเพื่อสนับสนุนการศึกษา

โครงการอบรมฟรีสำหรับบุคลากรทางการศึกษา

เพื่อเพิ่มทักษะการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์

หลักการและเหตุผล

จากประสบการณ์ในการทดสอบเพื่อคัดเลือกพนักงานใหม่ ทั้งในส่วนบริษัทของตนเองและบริษัทที่ไปนั่งเป็นที่ปรึกษา ตลอดจนสังเกตจากการนำเสนองานของนักศึกษาในสถาบันที่ไปสอน พบว่า ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์และโปรแกรมสำเร็จรูปของผู้ใช้แต่ละคน ยังไม่อยู่ในระดับที่จะนำไปใช้งานจริงอย่างมีประสิทธิภาพได้ บางคนมีใบรับรองการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์จากสถาบันต่างๆ มากมาย แต่พอตั้งโจทย์ให้ทดสอบปรากฏว่า “ทำไม่ได้”

การใช้งานเพียงขั้นพื้นฐานได้นั้น ยังไม่เพียงพอสำหรับการทำงานจริงในองค์กร การทำงานกับคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ซึ่งถ้าผู้ใช้งาน ขาดทักษะการใช้ที่ถูกต้อง จะทำให้ ...

• • งานบางอย่างที่ควรจะเสร็จในสามนาที กลับใช้เวลาถึงสามชั่วโมงหรือมากกว่านั้น

  • งานบางอย่างเกิดความผิดพลาด ทั้งๆ ที่โปรแกรมมีวิธีป้องกันการผิดพลาดอยู่แล้ว แต่ผู้ใช้ ไม่ทราบเทคนิคเหล่านั้น

  • ต้องทำงานลักษณะเดิมๆ ซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง ทำให้เสียเวลาเนื่องจากการทำงานซ้ำซ้อน

  • ไฟล์งานกระจัดกระจาย ข้อมูลเหมือนกันถูกจัดเก็บไว้หลายที่ และได้รับการปรับปรุงไม่เหมือนกัน

  • ทั้งนี้เป็นเพราะไม่รู้จักวิธีการออกแบบฐานข้อมูล และการใช้ฐานข้อมูลร่วมกัน

  • สำนักงานที่ควรจะลดปริมาณกระดาษ (Paperless) แต่กลับเต็มไปด้วยแบบฟอร์มต่างๆ มากมาย

  • ฯลฯ

เมื่อครั้งไปบรรยาย “การใช้โปรแกรม Excel แบบมืออาชีพ” ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง มีพนักงานบางคนถามว่า “ทำไม? ในมหาวิทยาลัยถึงไม่สอนให้ละเอียดอย่างที่ผมสอน จะได้เอามาใช้งานได้จริง เพราะตัวเขาเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าโปรแกรม Excel มันทำอะไรได้มากมายขนาดนี้” ซึ่งผมเองก็บอกว่า “ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมมหาวิทยาลัยถึงไม่สอน ทั้งๆ ที่คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะต้องนำไปใช้งานจริงๆ”

และเหตุผลประการสุดท้ายคือ ผมได้อ่านบทความในหนังสือพิมพ์ (ฉบับไหนจำไม่ได้แล้วครับ) เนื้อหาโดยสรุปก็คือ เวียดนามเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ (กำลัง) แซงหน้าประเทศไทย หลังจากที่หลายประเทศในภูมิภาคนี้ (ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยก้าวตามหลังเรา) ก็ได้ก้าวแซงเราไปแล้ว เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น ปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จของเวียดนามมีอยู่ 2 ประเด็นคือ

• 1. ศักยภาพของประชากรในประเทศ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีความใฝ่รู้ใฝ่เรียน เวลาที่ว่างจากการทำงาน หรือจากการเรียนในช่วงเวลาปกติ พวกเขาจะหาแหล่งเรียนรู้เพิ่มทักษะ ทั้งด้านภาษาและคอมพิวเตอร์

  2. การวางกรอบนโยบายและการสนับสนุนจากภาครัฐ ในขณะที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรามัวแต่ทะเลาะกันเอง ซ้ำด้วยกลุ่มคนอีกบางกลุ่มที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนไหนไม่ทราบ พยายามสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในสังคมอีก ทำให้การพัฒนาประเทศเป็นไปแบบกระท่อนกระแท่น (คงต้องรอวันที่ ลาว เขมร และพม่า แซงหน้าเรานั่นแหละ จึงจะสำนึกได้)

ดังนั้น ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง จึงรู้สึกว่ายอมไม่ได้ที่จะเห็นบุคลากรรุ่นใหม่ของเราจะไร้ศักยภาพ กอปรกับเป็นผู้ที่ทำงานให้ความรู้กับผู้คนอยู่แล้ว จึงมีแนวคิดอยากจะกระจายความรู้อันน้อยนิดของตนเอง ไปยังภาคส่วนต่างๆ ที่อาจจะพอสร้างประโยชน์ให้กับบุคลากรของภาคส่วนนั้นๆ ได้ไม่มากก็น้อย โดยอยากจะเริ่มต้นที่บุคลากรในภาคการศึกษาก่อน เพราะเป็นแหล่งที่จะผลิตประชากรที่มีคุณภาพออกสู่สังคม ผู้บริหาร ครู-อาจารย์ และนักศึกษา จะต้องร่วมกันกำหนดทิศทางและเป้าหมายในการเรียนรู้ ฝึกฝนเพิ่มพูนทักษะตนเอง ให้เข้าใกล้ความสามารถที่แท้จริงของคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่ยิ่งวันก็ยิ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ตัวเราไม่อาจจะหยุดนิ่งได้อีกต่อไป

วัตถุประสงค์

• • เพื่อให้บรรดาครู อาจารย์ และบุคลากรในสถาบันการศึกษาได้เห็นความสามารถต่างๆ ของการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ในฐานะที่เป็นเครื่องมือสำคัญของการปฏิบัติงานในองค์กรยุคปัจจุบัน

  • เพื่อให้บรรดาครู อาจารย์ และบุคลากรในสถาบันการศึกษาได้นำความรู้ที่ได้รับไปปรับปรุงเนื้อหาการสอนในวิชาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สอดรับกับลักษณะงานจริงและความต้องการขององค์กรธุรกิจ

  • เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ที่กำลังจะจบออกไปทำงาน ได้เรียนรู้แนวทางในการประเมินตนเองและเพิ่มเติมทักษะ โดยเฉพาะในด้านการใช้คอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับที่ใช้งานได้จริง

  • เป็นความตั้งใจจริงของวิทยากร ในการสนับสนุนการพัฒนาทางการศึกษาและแบ่งปันสู่สังคม โดยมุ่งมั่นที่จะสร้างบุคลากรที่มีความใฝ่รู้ ให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศชาติ

กลุ่มเป้าหมาย

โครงการนี้สำหรับสถาบันหรือหน่วยงาน ที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชนเท่านั้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญได้แก่

• • • ครู – อาจารย์ ที่ทำหน้าที่สอนในรายวิชาที่เกี่ยวกับการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์

    • นักเรียน, นิสิต และนักศึกษา ในระดับชั้น ปวช. ปวส. และปริญญาตรี (โดยเฉพาะชั้นปีสุดท้าย) ที่กำลังจะจบการศึกษา

    • และต้องการไปทำงานในองค์กรภาคธุรกิจ

รูปแบบการดำเนินโครงการ

1. หลักสูตรที่จะจัดให้มีในโครงการ มีดังนี้

2. สถาบันหรือหน่วยงานการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน ยื่นความจำนงเพื่อขอรับการอบรมในหลักสูตรที่ต้องการ หรือทั้งหมดข้างต้น พร้อมทั้งแจ้งกำหนดการคร่าวๆ จำนวนรุ่นที่จะจัด จำนวนคนต่อรุ่น และรูปแบบการอบรมที่ต้องการ มายังฝ่ายฝึกอบรม e-HRIT หรือติดต่อโดยตรงที่ อ.สำเริง ยิ่งถาวรสุข

3. สถาบันหรือหน่วยงานฯ เป็นผู้จัดเตรียมสถานที่ อุปกรณ์ อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องเสียง โปรเจคเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบการฝึกอบรม (กรณีมีเอกสารประกอบการอบรม วิทยากรจะจัดเตรียมต้นฉบับให้ 1 ชุด)

4. ไม่จำกัดจำนวนผู้เข้าอบรม ทั้งนี้ขอให้พิจารณาตามความเหมาะสมของสถานที่ ว่าสามารถรองรับได้เพียงใด สำหรับหลักสูตรภาคปฏิบัติ (Workshop) ควรจะเป็น 1 คน / เครื่อง หรือถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ไม่ควรเกิน 2 คน / เครื่อง

ค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าร่วมโครงการ

ฟรี....! ไม่คิดค่าวิทยากรในทุกหลักสูตร

กรณีสถานที่จัดอบรมอยู่นอกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ขอให้หน่วยงานที่จัด

รับภาระในเรื่อง ค่าเดินทางหรือการเดินทางของวิทยากร และ/หรือทีมงาน, ที่พัก (กรณีค้างคืน) และอาหาร ตามสมควร

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

ติดต่อโดยตรงที่ อ.สำเริง ยิ่งถาวรสุข

โทร. : 081-423-9828, 0-2347-1066

อีเมล์ : ysamroeng@gmail.com

รายชื่อสถาบันหรือหน่วยงานที่เคยเข้าร่วมโครงการ

• • มูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการ

  • สาขาวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยเกริก

  • สาขาวิชาการจัดการสำนักงานอัตโนมัติ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

  • สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่