โรงเรียนบ้านร่องบง ต.บ้านหวาย อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
มีอาคารเรียน 2 ชั้น 1 หลัง, อาคารเอนกประสงค์ 1 หลัง และโรงอาหารซึ่งอยู่แยกจากอาคารเรียน อีก 1 หลัง เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึง ป.6 มีจำนวนนักเรียน 35 คน ครู 5 คน
นับว่าเป็นโชคดีอันหนึ่ง ที่มีผู้ปกครองของนักเรียนบางคน ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ได้ระดมทุนร่วมกับผู้ปกครองท่านอื่น จัดหาอุปกรณ์สนามเด็กเล่นมาได้จำนวนหนึ่ง และมอบให้กับทางโรงเรียน ทำให้เด็กๆ ได้มีสนามเด็กเล่น
รูปที่ 1-1 สภาพทั่วไป รร.บ้านร่องบง
รร.บ้านร่องบง เป็นโรงเรียนที่มีศักยภาพทางวิชาการ ยืนยันได้จากเกียรติบัตรที่ได้รับมามากมาย และผลงานทางวิชาการทั้งของครูและนักเรียน
รร.บ้านร่องบง เคยเป็นโรงเรียนที่มีนักเรียนจำนวนมาก แต่เมื่อความเจริญเข้ามาในชุมชน ครอบครัวที่มีกำลัง จึงส่งลูกหลานไปเรียนในตัวเมืองมากขึ้น เพราะมีรถรับ-ส่งผ่านหน้าชุมชน ทำให้จำนวนนักเรียนลดน้อยลง
รูปที่ 1-2 ผลงานนักเรียนและเกียรติบัตรทางการศึกษา
อนุบาล 1 และ 2 จำนวน 12 คน ซึ่งเรียนในห้องเดียวกัน สิ่งของเครื่องใช้ วัสดุการสอน ก็ใช้แบบตามมีตามเกิด คุณครูต้องใช้เงินส่วนตัวในการจัดหาสิ่งของจำเป็นบางอย่าง โต๊ะเขียนหนังสือซึ่งเป็นโต๊ะพับ หลายตัวก็อยู่ในสภาพชำรุด ขาหัก ขาหลุด เด็กบางคนไม่มีที่นอน คุณครูก็ต้องจัดหามาให้
รูปที่ 1-3 นักเรียนชั้นอนุบาล1 และ 2 ซึ่งเรียนรวมกัน
ครู 1 คน จะสอนนักเรียน 2 ชั้นในห้องเดียวกัน ก็ใช้วิธีการแบ่งสอนทีละครึ่งห้อง เช่น ขณะที่สอนระดับชั้นหนึ่ง อีกระดับชั้นหนึ่งก็จะนั่งฟัง หรือให้ทำงานอื่นไปพลางๆ ก่อน รอจนกว่าครูจะสั่งงานชั้นแรกเสร็จ ถึงจะได้เริ่มเรียนวิชาในระดับชั้นของตน
รูปที่ 1-4 นักเรียนชั้น ป.3 ป.4 เรียนรวมในห้องเดียวกัน
ในชั่วโมงพลศึกษา ครูจะสอนกีฬาที่เด็กสามารถเล่นด้วยกันได้ เช่น ปิงปอง เปตอง แต่สำหรับเด็กเล็กๆ ที่ยังเล่นกีฬาดังกล่าวไม่ได้ ก็จะให้วิ่งแข่งกัน ที่บริเวณสนามหน้าโรงเรียน
ในวันที่ไปสำรวจ ทราบว่าเด็กกำลังซ้อมกีฬา เพื่อเตรียมไปแข่งขันที่ไหนสักแห่ง โต๊ะปิงปองที่ซ้อมก็เอียงๆ เพราะขาโต๊ะไม่รักดี สนามเปตองก็เป็นหลุมเป็นบ่อ และฝากความหวังเหรียญทองไว้กับนักวิ่งเท้าเปล่าตัวน้อยๆ อีกจำนวนหนึ่ง
รูปที่ 1-5 โต๊ะปิงปองขาหัก สนามเปตอง และอยู่ที่ไหนก็วิ่งได้
เคยเห็นห้องสมุดมาหลายที่ แต่สำหรับที่นี่ ขอเรียกว่า "(ห้องที่เขียนป้ายว่า)ห้องสมุด" เพราะสภาพภายใน ยิ่งกว่าห้องเก็บของ ทางโรงเรียนกำลังปรับปรุงใหม่ โดยคัดแยกหนังสือที่พอจะมีสภาพใช้ได้ ออกมาเป็นมุมหนังสือต่างหาก (2 รูปซ้ายล่าง ในรูปที่ 1-6) แต่หนังสือที่เหมาะกับช่วงวัยของเด็กนั้น มีน้อยมาก ส่วนหนังสืออื่นซึ่งส่วนใหญ่เป็นนิตยสารเก่าๆ ก็เพียงแค่รอวันชั่งกิโลขายเท่านั้น
รูปที่ 1-6 สถานที่ที่เรียกว่า "ห้องสมุด"
น้ำดื่มน้ำใช้ ได้มาจากน้ำฝนที่เก็บไว้ในถังซีเมนต์ เมื่อฤดูฝนมาเยือน ทางโรงเรียนจะทำการล้างและทำความสะอาดถังซีเมนต์ เพื่อเตรียมรับน้ำฝนไว้ใช้ตลอดทั้งปี ในแต่ละวัน ครูจะไปรองน้ำมาใส่กระติก ตั้งไว้หน้าอาคารเรียน เพื่อให้เด็กๆ ได้ดื่มกิน
โรงอาหาร มีลักษณะเป็นเพิงสังกะสี ด้านข้างเปิดโล่ง โรงเรียนจะเตรียมอาหารกลางวันให้ แต่นักเรียนจะต้องนำข้าวเปล่าและภาชนะมาเองจากบ้าน (แต่ถ้าเด็กบางคนที่ไม่มีข้าวมา ครูก็ต้องจัดหาให้)
รูปที่ 1-7 น้ำดื่ม, โรงอาหาร และภาชนะที่นักเรียนต้องนำมาเองจากที่บ้าน
มีห้องเรียนคอมพิวเตอร์ 1 ห้อง แต่ปัจจุบันมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานได้เพียง 2 เครื่อง นอกนั้นก็ชำรุด
ห้องเรียนแต่ละห้องจะมีเครื่องรับโทรทัศน์เพื่อรับสัญญาณการสอนทางไกลผ่าน ดาวเทียม จากโรงเรียนวังไกลกังวล แต่โทรทัศน์บางเครื่อง ก็เป็นของส่วนตัวที่คุณครูหอบหิ้วมาเอง เพราะของโรงเรียนชำรุด
มุมพยาบาล มีเตียงพยาบาลที่ไม่มีใครกล้าป่วย ตู้ยาสามัญประจำบ้าน ก็มีแต่ตู้เปล่าๆ ชุดปฐมพยาบาลก็ไม่มี ครูเล่าให้ฟังว่า ส่วนใหญ่แล้วถ้าเด็กป่วย ก็จะให้เด็กกลับบ้านมากกว่า เพราะโรงเรียนไม่พร้อมที่จะดูแล
รูปที่ 1-8 เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานไม่ได้ และเตียงพยาบาลที่ไม่มีใครกล้าป่วย
สำหรับบางห้องที่โรงเรียนไม่มีเครื่องรับโทรทัศน์ คุณครูก็พยายามหามา ด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัว เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเรียน โดยการรับสัญญาณการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม มีอยู่เครื่องหนึ่งมีขนาดเล็กมาก คงสักประมาณ 12" หรือ 14" จำไม่ได้ว่าตั้งอยู่ในห้องไหน แต่ลองดูในภาพ ซึ่งเทียบกับมือคน เวลาดูการสอนผ่านเครื่องนี้ คนสอนตัวเท่าหัวไม้ขีด แล้วจะมองรู้เรื่องอย่างไรครับ
รูปที่ 1-9 เครื่องรับโทรทัศน์ขนาดเล็ก และสนามเด็กเล่นใหม่
อย่างที่กล่าวถึงแล้วในตอนต้น ทางโรงเรียนเพิ่งได้รับการบริจาคเครื่องสนามเด็กเล่น จากผู้ปกครองนักเรียน ซึ่งเป็นชาวต่างขาติ ทำให้เด็กได้มีเครื่องเล่น ออกกำลังกาย