พระราชนิพนธ์ที่อันเชิญมากล่าวข้างต้น เป็นประจักษ์พยานในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงตระหนักถึงความจำเป็นของมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาย่อมจะต้องแสวงหาความรู้ หรือการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่ง “ปัญญา” ที่จักสามารถนำมาใช้ในการแก้ปัญหาอันเป็นต้นเหตุแห่ง “ทุกข์” ได้ เพราะพระองค์ท่าน เปรียบดั่งปัญญาดุจแสงสว่าง และทรงขยายความไว้ว่า “...ตามหลัก วิทยาศาสตร์ คน และสัตว์จะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ จะต้องมีแสงสว่าง เช่น ถ้าเรานำเอาขวดใบหนึ่ง ไปตั้งไว้ในห้องที่มิดชิด แสงสว่างลอดเข้าไม่ได้ แม้เราจะรู้ว่ามีขวดอยู่ในห้องนั่นก็จริง แต่เราก็ไม่สามารถมอง เห็นขวดนั้นได้ เนื่องด้วยแสงสว่างจากนอกห้อง ไม่สามารถลอดเข้ามาในห้องได้ แต่ปัญญานั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ใดเวลาใด ย่อมสามารถส่องนำทางให้แก่มนุษย์ได้ แสงธรรมดาจากดวงอาทิตย์ ดวงไฟ หรือแหล่งกำเนิดอื่น ๆ ก็ตาม ไม่อาจทำให้บุคคลที่สายตาพิการมองเห็นได้  แต่แสงแห่งปัญญานั่นอาจทำให้ทุกคนมองเห็นได้...” หมายความว่า ปัญญาทำให้คนเราเห็นสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิตได้

     ปัญญาจะเกิดขึ้นได้อย่างไร และโดยวิธีใด การแสวงหา “ความรู้” หรือ “การศึกษา” คงเป็นคำตอบที่ทุกคนคงกล่าวได้ตรงกัน แต่การศึกษาโดยทั่วไป มิได้มีความหมายเฉพาะการไปโรงเรียน ฟังคำสั่งสอนของครู อ่านหนังสือ หรือทำการบ้านเท่านั้น แต่ "การศึกษา" ในที่นี้หมายถึง การที่จะได้มาซึ่งความรู้ทุกรูปแบบ ทั้งการศึกษาในและนอกระบบโรงเรียน และการศึกษาตามอัธยาศัยด้วย ซึ่งรวมเรียกว่า การศึกษาตลอดชีวิต และควรต้องแสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่องจนมีบางคนกล่าวว่า “ชีวิต คือ การศึกษา และการศึกษาก็คือชีวิต” ทั้งนี้ เนื่องจากวิชาการต่าง ๆ ในสังคมปัจจุบันเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าตลอดเวลา หากผู้ใดไม่แสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่องจะกลายเป็นผู้ด้อยการศึกษา ดังพระราชดำรัสของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระราชทานเนื่องในโอกาสพิธีไหว้ครู ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2526 ว่า 

    “…วิชาการต่าง ๆ ในสังคมทุกวันนี้ มิได้อยู่นิ่งกับที่ แต่เปลี่ยนแปลงก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลาคนที่เรียนจบสูง ๆ ถ้าอยากจะอยู่อย่างก้าวหน้า ควรทำการค้นคว้าศึกษาเล่าเรียนต่อไป แม้จะมิใช่ การศึกษาเล่าเรียนในระบบ เช่น อาจเข้ารับการอบรมสัมมนา ฟังการอภิปราย หรือชมนิทรรศการว่ามีอะไรใหม่ ๆ การฟังข่าวสารจากวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสารต่าง ๆ ก็จำเป็น ทำให้เรารู้ว่าวิทยาการ ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว สิ่งแวดล้อมรอบตัว เรามันไม่อยู่กับที่ เช่น เทคโนโลยีสมัยใหม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา...”