ฮวงซุ้ยใหญ่ ต้นตระกูล ณ สงขลา กับวิถีชีวิตชุมชนมุสลิม
ในช่วงที่สงขลาตั้งอยู่ที่เมืองแหลมสนนั้น บทบาททางการเมือง การปกครองและการเศรษฐกิจทั้งหมดขึ้นอยู่กับคนเชื้อสายจีนซึ่งเป็นเจ้าผู้ปกครองเมืองสงขลาในขณะนั้น ดังนั้นในพื้นที่ตำบลหัวเขาจะมีฮวงซุ้ย หรือสุสานแบบประเพณีนิยมจีนกระจายอยู่ในพื้นที่หลายแห่ง การมีฮวงซุ้ยในพื้นที่เป็นเรื่องของความกตัญญูต่อบรรพบุรุษอย่างหนึ่งที่ชาวจีนยึดถือมั่นคงไม่แพ้ชาวพุทธในพื้นที่แห่งนี้ แม้เมื่อเมืองสงขลาจะย้ายไปอยู่ฝั่งบ่อยางและการปกครองสงขลาได้หลุดพ้นจากวิธีกินเมืองของตระกูล ณ สงขลาไปกว่าร้อยปี แต่ความผูกพันและเชื่อมโยงระหว่างบรรพบุรุษที่มีฮวงซุ้ยอยู่ที่ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ก็เป็นสิ่งที่นำคนในตระกูล ณ สงขลาและสายสัมพันธุ์ที่เกี่ยวเนื่องมาสู่พื้นที่แห่งนี้เสมอ
อีกมิติหนึ่งของความสัมพันธ์ คือการใช้พื้นที่ของผู้คนในปัจจุบัน ฮวงซุ้ยไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ที่ผู้ล่วงลับทอดร่าอยู่เท่านั้น แต่พื้นที่นี้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่อาศัยรายล้อมในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามที่ไม่ได้มีธรรมเนียมในการบูชาบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ซึ่งเข้ามาใช้พื้นที่ในการประกอบกิจกรรมประจำวันต่าง ๆ เช่นการตากปลาและอุปกรณ์การประมง การออกกำลังกาย เป็นลานอเนกประสงค์สำหรับประชุมและทำกิจกรรมทางสังคม เป็นพื้นที่สนามเด็กเล่นของเด็ก และเป็นพื้นที่ที่แพะและม้าได้กินหญ้า เป็นต้น การเป็นฮวงซุ้ยในสถานที่ที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรมจึงไม่ได้เป็นสิ่งขัดขวางวิถีชีวิตและการปฏิบัติตนของคนต่างอัตลักษณ์ ในทางกลับกัน คนต่างศาสนาต่างวัฒนธรรมยังสามารถใช้ชีวิตตามวิถีปฏิบัติของกลุ่มตนได้อย่างราบรื่น ซึ่งถือเป็นตัวอย่างพหุวัฒนธรรมที่น่าสนใจ