จตุอาราม
วัดสุวรรณคีรี วัดบ่อทรัพย์ วัดศิริวรรณาวาส และ วัดภูผาเบิก
วัดสุวรรณคีรี วัดบ่อทรัพย์ วัดศิริวรรณาวาส และ วัดภูผาเบิก
เป็นวัด 4 วัดตั้งชิดติดกันในพื้นที่เล็ก ๆ แต่กลับมีสิ่งล้ำค่ามากความหมายเป็นอย่างยิ่ง ทั้ง 4 วัดประกอบด้วย วัดสุวรรณคีรี วัดบ่อทรัพย์ วัดศิริวรรณาวาส และวัดภูผาเบิก ทั้ง 4 วัดตั้งเรียงรายอยู่ติดกัน และเป็นการสร้างวัดด้วยการถางควนริมเขา อุโบสภของทั้ง 4 วัดจึงตั้งโดดเด่นบนพื้นที่สูง จนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาปสงขลาและฝั่งเมืองบ่อยางที่สวยงามได้
วัดสุวรรณคีรี หรือวัดออก เป็นวัดดั้งเดิม มีอายุประมาณ 300 ปี ครั้นเมื่อ พ.ศ.2320 ในสมัยกรุงธนบุรีได้มีพระบรมราชโองการตั้งเป็นวัดหลวงและใช้เป็นสถานที่ดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาและใช้สืบต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ วัดดังกล่าวจึงถือเป็นวัดหลวงของเมือง และวัดหลักของชุมชนเมื่อครั้งเมืองสงขลายุคที่ 2 หรือสงขลาแหลมสน
สถาปัตยกรรมและการตกแต่งในวัดนอกจากจะเป็นศิลปะไทยแล้วยังมีศิลปะจีนและศิลปะตะวันตกผนวกเข้ามาด้วย เช่น ซุ้มประตูจีน เจดีย์จีน หอระฆังฝรั่ง เป็นต้น
เจดีย์หินและหอระฆัง เป็นสถาปัตยกรรมจีนและฝรั่งที่ถูกนำมาใช้ในวัด แสดงถึงอิทธิพลและการคบค้าสมาคมและใฝ่เรียนรู้ศิลปวิทยาการจากนานาประเทศในยุคก่อน ทั้งนี้ หอระฆังดังกล่าว มีลักษณะคล้ายกับพระที่นั่งภูวดลทัศไนย ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งถือเป็นหอนาฬิกาเวลามาตรฐานเรือนแรกของโลก นอกจากนี้ยังมีอับเฉา หรือตุ๊กตาหินของจีนที่เอาไว้ถ่วงน้ำหนักเรือสำเภาเมื่อออกจากประเทศจีนไปยังจุดหมายปลายทาง ก่อนจะมาถูกแทนที่ด้วยสินค้าที่จะถูกรวบรวมกลับประเทศจีนต่อไป
วัดบ่อทรัพย์ สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2360 ตั้งอยู่ระหว่างวัดสุวรรณคีรีและวัดศิริวรรณาวาส ตัวโบสถ์ของวัดตั้งอยู่บนเชิงเขา โดยมีบันไดตัดตรงเพื่อเดินขึ้นจากพื้นราบผ่านเขตสังฆาวาสในชั้นที่ 2 และเขตพุทธาวาสในชั้นที่ 3 จึงเกิดเป็นทิศทัศน์ที่สวยงามแปลกตา เหมือนบันไดแก้วเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์เพื่อเทศนาโปรดพระมารดา นอกจากนั้นแล้ว วัดนี้ยังมีบ่อน้ำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 เมตร ตั้งอยู่ด้านหน้าของวัด โดยบ่อน้ำนี้มีชื่อว่าบ่อทรัพย์ ตำนานเล่าว่า ใต้บ่อนี้มีเป็นขุมทรัพย์มหาศาล หากใครมีบุญญาธิการได้ครอบครองจะมีกินมีใช้ไม่หมดสิ้น
ตำนานดังกล่าวคงมีเค้ามาจากเรื่องจริง กล่าวคือ แต่เดิมนั้นในบริเวณจตุอารามเหล่านี้ มีที่ลุ่มน้ำท่วมขังเป็นอาณาบริเวณประมาณหนึ่ง ในขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบดินงอกริมทะเล บริเวณบ่อทรัพย์นั้น คงจะเป็นหลุมตาน้ำธรรมชาติที่มีน้ำผุดไหลออกมาตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับเมืองชายทะเลอย่างสงขลาแหลมสนเป็นอย่างมาก คนโบราณจึงได้ก่ออิฐสร้างบ่อครอบตาน้ำนี้เอาไว้เพื่อเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ และยังคงสืบทอดเป็นแหล่งน้ำจืดธรรมชาติที่ยังคงใช้ได้มาจนถึงทุกวันนี้
เป็นวัดโบราณอีกแห่ง ตั้งอยู่ระหว่างวัดภูผาเบิกและวัดบ่อทรัพย์ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาโดยต้นตระกูล ณ สงขลา ศิลปะที่โดดเด่นคือโบสถ์ทรงปั้นหยาที่สะท้อนสถาปัตยกรรมท้องถิ่นภาคใต้ แต่มีประตูกำแพงแก้วเข้าโบสภ์เป็นประตูจีน ซึ่งสะท้อนความเป็น “จีนปักษ์ใต้” ของตระกูล ณ สงขลา ได้เป็นอย่างดี
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดศิริวรรณาวาส สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นหลังวัดศิริวรรณาวาส ตัวโบสถ์เป็นอาคารถือปูนทรงสูงซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยกว่าวัดศิริวรรณาวาส ตั้งอยู่บนที่ราบที่ขุดเซาะเชิงเขาเข้าไป ซึ่งเป็นที่มาของชื่อภูผาเบิก
ความโดดเด่นของวัดนี้คือโบสภ์ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปะพื้นที่ถ่ิ่นภาคใต้กับศิลปะโคโลเนี่ยล (ชิโนโปรตุกีส) ที่เป็นที่นิยมในช่วงรัชกาลที่ 6 ลงมา จนกลายเป็นสถาปัตยกรรมเรือนคหบดีท้องถิ่นใต้ในช่วงเวลาดังกล่าว
สิงหนครยังมีสิ่งทรงคุณค่าอีกมากมาย สำหรับ “จตุอาราม” ในบทความนี้คงขอกล่าวแต่เพียงสังเขปไว้แต่เท่านี้ หวังว่าจะได้เจอกับท่านในโอกาสต่อไป เราจะได้พบกับท่านในสถานที่จริง