ความหมายและความสำคัญของประเพณีไทย
ประเพณี หมาย ถึง กิจกรรมที่มีการปฏิบัติสืบเนื่องกันมาจนกลายเป็นเอกลักษณ์ เป็นกฎระเบียบในการประพฤติปฏิบัติตน และมีความสำคัญต่อสังคมจนส่งอิทธิพลต่อสังคมในด้านต่างๆเช่น การแต่งกาย ภาษา วัฒนธรรม ศาสนา ศิลปกรรม กฎหมาย คุณธรรม ความเชื่อ ฯลฯ
พระยาอนุมานราชธน ได้ให้ความหมายของคำว่าประเพณีไว้ว่า “ประเพณี” คือ ความประพฤติที่ชนหมู่หนึ่งอยู่ในที่แห่งหนึ่งถือเป็นแบบแผนกันมาอย่างเดียวกัน และสืบต่อกันมานาน ถ้าใครในหมู่ประพฤติออกนอกแบบก็ถือว่าผิดประเพณี หรือผิดจารีตประเพณี(พระยาอนุมานราชธน. วัฒนธรรมและประเพณีต่างๆของไทย. พระนคร :คลังวิทยา, 2514,หน้า 37 )
โดยสรุปแล้ว “ประเพณี” หมายถึง ระเบียบแบบแผนที่กำหนดพฤติกรรมในสถานการณ์ต่างๆที่คนในสังคมยึดถือปฏิบัติสืบกันมา ถ้าคนใดในสังคมนั้นๆฝ่าฝืนมักถูกตำหนิจากสังคม ลักษณะประเพณีในสังคมระดับประเทศชาติ มีทั้งประสมกลมกลืนเป็นอย่างเดียวกัน และมีผิดแปลกกันไปบ้างตามความนิยมเฉพาะท้องถิ่น แต่โดยมากย่อมมีจุดประสงค์ และวิธีการปฏิบัติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีเฉพาะส่วนปลีกย่อย ที่เสริมเติมแต่งหรือตัดทอนไปในแต่ละท้องถิ่น สำหรับประเพณีไทยมักมีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อในพระพุทธศาสนาและพราหมณ์มาแต่โบราณ
ความสำคัญของประเพณีไทย
วัฒนธรรมประเพณีของไทย ล้วนแสดงให้เห็นถึงแนวความคิด ความเชื่อ ที่สะท้อนถึงวิถีการดำเนินชีวิต ความเป็นมา ความสำคัญ ซึ่งล้วนเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมของไทย ดังนั้นขนบธรรมเนียมประเพณีไทยจึงมีความสำคัญ พอสรุปได้ดังนี้
1. เป็นเครื่องบอกความเจริญของชาตินั้น ๆ ชาติที่เจริญในปัจจุบัน มีประเพณีต่าง ๆ ที่แสดงถึงความเจริญก้าวหน้า
2. ประเพณีส่วนมากสืบค้นความเป็นมาของประเพณีนั้น ๆ ตั้งแต่อดีตเชื่อมโยงถึงปัจจุบันประเพณีจึงสามารถใช้เป็นแนวทางในการศึกษาประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดี
3. ประเพณี ทําให้คนในสังคมเกิดความภาคภูมิใจในความดีงามของเผ่า และชาติบบ้านเมืองตนเอง
4. ประเพณีทําให้คนในสังคมได้ทํากิจกรรมร่วมกัน อันเป็นการดํารงความรักสามัคคี ทําให้คน ในเผ่า ในชุมชน ในภาค และประเทศชาติมีความมั่นคงสืบต่อกันมา
5. ประเพณีเป็นสัญลักษณ์ที่สําคัญ ซึ่งแสดงออกความเป็นเผ่า เป็นชุมชน เป็นภาค เป็นชาติ
ลักษณะของประเพณีไทย ประเพณีไทยแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ
1. ประเพณีส่วนบุคล ได้แก่ ประเพณีเกี่ยวกับการแต่งงาน ประเพณีการเกิด ประเพณีการตาย ประเพณีการบวช ประเพณีการขึ้นบ้านใหม่ ประเพณีทำบุญอายุ เป็นต้น
2. ประเพณีส่วนรวม ได้แก่ ประเพณีทางศาสนาต่างๆ เช่นประเพณีการทำบุญเข้าพรรษา ออกพรรษา ประเพณีตรุษ สารท ลอยกระทง ประเพณีเทศกาลสงกรานต์ และประเพณีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นต้น(คัดลอกจาก บรรเทิง พาพิจิตร.ประเพณี วัฒนธรรมไทย และคติความเชื่อ.กรุงเทพมหานคร:โอเดียนสโตร์,2532.
ประเภทของประเพณีไทย
ประเพณีไทยไม่ได้มีอยู่โดยธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่คนหรือสังคมโดยส่วนรวมสร้างให้มีขึ้นแล้วถ่ายทอดให้แก่กัน พระยาอนุมานราชธนได้กล่าวถึงกำเนิดของประเพณีไทยว่า “เกิดจากความประพฤติหรือ การกระทำของใครคนหนึ่งหรือหลายคน ซึ่งเป็นประโยชน์และความจำเป็นตามที่ต้องการจากการกระทำเช่นนั้น คนอื่นเห็นดีก็ทำตามเป็นแบบอย่างเดียวกัน และสืบต่อเป็นส่วนรวมมาช้านานจนกลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมแห่งชาติขึ้น”
ประเพณีไทยที่ปฏิบัติหรืองดเว้นปฏิบัติกันในสังคมนั้น สามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. จารีตประเพณี หรือกฎศีลธรรม หมายถึง สิ่งซึ่งสังคมใดสังคมหนึ่งยึดถือและปฏิบัติสืบกันมาอย่างต่อเนื่องและมั่นคง เป็นเรื่องของความผิดถูก มีเรื่องของศีลธรรมเข้ามาร่วมด้วย ดังนั้นสมาชิกในสังคมต้องปฏิบัติตาม ผู้ใดฝ่าฝืนถือว่าประพฤติผิด ประพฤติชั่ว จะต้องถูกตำหนิหรือได้รับการลงโทษจากคนในสังคม
2. ขนบประเพณี หรือสถาบัน หมายถึง ระเบียบแบบแผนที่สังคมได้กำหนดไว้แล้วปฏิบัติสืบต่อกันมา ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม
ทางตรง ได้แก่ ประเพณีที่มีการกำหนดเป็นระเบียบแบบแผนในการปฏิบัติอย่างชัดแจ้งว่าบุคคลต้องปฏิบัติอย่างไร เช่น สถาบันโรงเรียนสถาบันการศึกษา มีครู ผู้เรียน เจ้าหน้าที่ มีระเบียบการรับสมัครเข้าเรียน การสอบไล่ ประเพณีเกี่ยวกับการเกิด การแต่งงาน การตาย
ทางอ้อม ได้แก่ ประเพณีที่รู้กันโดยทั่วๆไป โดยไม่ได้วางระเบียบไว้แน่นอน แต่ปฏิบัติไปตามคำบอกเล่า หรือตัวอย่างจากที่ผู้ใหญ่หรือบุคคลในสังคมปฏิบัติ เช่น ประเพณีเกี่ยวกับการเกิด การตายการบวชการขึ้นบ้านใหม่ การแต่งงาน ซึ่งเป็นประเพณีเกี่ยวกับชีวิต หรือประเพณีเกี่ยวกับเทศกาลตรุษ สารท ซึ่งกฎเกณฑ์ของประเพณีวางไว้ แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อจำเป็น
3. ธรรมเนียมประเพณี หรือประเพณีนิยมหมายถึง ประเพณีเกี่ยวกับเรื่องธรรมดาสามัญที่ทุกคนควรปฏิบัติความผิดหรือถูกเหมือนจารีตประเพณี เป็นแนวทางการปฏิบัติในการดำเนินชีวิตประจำวันที่ปฏิบัติกันมาจนเคยชิน และไม่รู้สึกเป็นภาระหน้าที่เพราะเป็นสิ่งที่มีมานานและใช้กันอย่างแพร่หลายแม้มีผู้ฝ่าฝืนหรือทำผิดก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่อาจถูกตำหนิไว้ว่าไม่มีมารยาท ไม่รู้จักกาลเทศะ ส่วนมากเป็นการปฏิบัติเกี่ยวกับมารยาทในด้านต่างๆ เช่น การแต่งกาย การพูด การรับประทานอาหาร การเป็นแขกไปเยี่ยมผู้อื่น ฯลฯ
ประเพณีไทยสามารถจำแนกย่อย ออกได้อีก 4 ประเภท ได้แก่
1. ประเพณีที่เกี่ยวกับชีวิตหรือประเพณีครอบครัว ได้แก่ประเพณีการเกิด ประเพณีการบวช ประเพณีการแต่งงาน ประเพณีงานศพ
2. ประเพณีท้องถิ่นของชุมชนหรือประเพณีส่วนรวมตามเทศกาล ประเพณีการชักพระ ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีงานบุญบั้งไฟ ประเพณีการรับประทานอาหาร
3. ประเพณีท้องถิ่น ได้แก่ ประเพณีที่เกี่ยวกับอาชีพ เช่น ภาคใต้ ได้แก่ การลงขันลงหิน การทำขันและเครื่องลงยา การทำผ้าบาติก การทำโสร่งปาเต๊ะ ประเพณีการแต่งกาย ประเพณีการละเล่นในงานนักขัตฤกษ์ เช่น การละเล่นหนังตะลุง มโนราห์ เป็นต้น
4.ประเพณีราชการ คือประเพณีที่ทางราชการเป็นผู้กำหนดขึ้น จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ รัฐพิธีและพระราชพิธี
4.1 รัฐพิธี เป็นพิธีประจำปีที่ทางราชการกำหนดขั้น โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ พระราชดำเนินไปทรงเป็นองค์ประธาน หรือโปรดเกล้าฯ ให้พระราชวงศ์เสด็จไปแทนพระองค์ ได้แก่ รัฐพิธี ที่ระลึกวันจักรี ตรงกับวันที่ 6 เมษายน ของทุกปี รัฐพิธีวันพระราชทานรัฐธรรมนูญ ตรงกับวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี
4.2 พระราชพิธี หมายถึง พิธีที่จัดขึ้นอันเกี่ยวเนื่องกับพระมหากษัตริย์ เป็นพิธีหลวง ได้แก่ พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระราชพิธีฉัตรมงคล พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระราชพิธีกาญจนาภิเษก (วโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 50 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน 2539
การอนุรักษ์ประเพณีไทย
ประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาของประเทศไทยมีอยู่หลายอย่างด้วยกัน โดยแต่ละอย่างมีคุณค่า และอยู่คู่กับสังคมของเรามาอย่างช้านาน แต่ในปัจจุบันนี้สิ่งต่างๆที่มีความงดงาม บ่งบอกถึงรากเหง้าของชาวไทยมาช้านานกำลังจะถูกลบเลือนหายไปโดยมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาแทนที่ จึงทำให้คนรุ่นหลังไม่เห็นคุณค่าและความสำคัญของประเพณีไทย วัฒนธรรมไทย ภูมิปัญญาไทย เท่าที่ควร จึงได้คิดวิธีอนุรักษ์ประเพณี ให้คงอยู่สืบไป
การค้นคว้าวิจัย ลูกหลานชาวไทยควรศึกษาพร้อมเก็บรวบรวมข้อมูลภูมิปัญญาของไทยในด้านต่างๆไว้อย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็น ภูมิปัญญาท้องถิ่น , จังหวัด , ภูมิภาค , ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งมุ่งศึกษาให้ความรู้ความเป็นมาในอดีต อันส่งผลมาสู่สภาพการณ์ ปัจจุบัน
การอนุรักษ์ ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนในท้องถิ่นตระหนักถึงคุณค่ากับความสำคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นการส่งเสริมเพื่อจัดกิจกรรมตามประเพณีวัฒนธรรมโบราณต่างๆ กระตุ้นจิตสำนึกแก่คนในท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งจะต้องร่วมกันในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นหรือพิพิธภัณฑ์ชุมชนขึ้น เพื่อแสดงถึงสภาพชีวิตรวมทั้งความเป็นมาของชุมชน เป็นการเพิ่มความรู้และสร้างความภูมิใจในชุมชนท้องถิ่นด้วย
การฟื้นฟู เลือกสรรภูมิปัญญาที่กำลังสูญหาย หรือได้สูญหายไปแล้วมาทำให้มีชีวิตอีกครั้ง เชิดชูให้เห็นคุณค่าและแสดงความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตในท้องถิ่น โดยเฉพาะจริยธรรม , คุณธรรม , ค่านิยม
การพัฒนา สร้างสรรค์ปรับปรุงภูมิปัญญา ให้มีความเหมาะสมกับยุคสมัย พร้อมเกิดประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน จากการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นพื้นฐานเพื่อรวมกลุ่มพัฒนาอาชีพ ตลอดจนนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีมาช่วยเพื่อต่อยอดผลิต , การตลาด , การบริหาร รวมถึงขั้นตอนป้องกันและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
การถ่ายทอด นำภูมิปัญญาในอดีต มาเลือกสรรกลั่นกรองอย่างรอบคอบ เมื่อได้มาแล้วจึงนำไปถ่ายทอดให้สังคมได้รับรู้ จนเกิดความเข้าใจ รวมทั้งตระหนักในคุณค่า พร้อมปฏิบัติตามอย่างเหมาะสม โดยเริ่มจากสถาบันครอบครัว สถานศึกษา รวมทั้งการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ ให้รับรู้โดยทั่วกัน
ส่งเสริมกิจกรรม ส่งเสริม-สนับสนุน ให้เกิดเครือข่ายสืบสานพร้อมพัฒนาภูมิปัญญาของชุมชนต่างๆ ในการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อ เผยแพร่แลกเปลี่ยน ส่งเสริมสนับสนุน แลกเปลี่ยนภูมิปัญญา วัฒนธรรมซึ่งกันและกัน อย่างกว้างขวางมีการเผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่นต่างๆ ด้วยสื่อและวิธีอันทันสมัยเท่าทันเทคโนโลยี
การเสริมสร้างปราชญ์ท้องถิ่น ส่งเสริม-สนับสนุนพัฒนาศักยภาพของชาวบ้าน ให้มีแสดงศักยภาพของตนอันเป็นจุดแข็ง ตลอดจนแสดงความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ มีการยกย่องประกาศเกียรติคุณอันน่าภาคภูมิใจ