การทำหมอนอิง เกิดขึ้นมาพร้อมกับวิถีชีวิตของชาวนาชนบท ซึ่งเป็นวิถีชีวิตและภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งในปัจจุบันชาวบ้านยังคงรักษาวัฒนธรรม ดั้งเดิมเอาไว้ โดยเฉพาะการประดิษฐ์สิ่งของเพื่อใช้สอยในครัวเรือน ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องใช้ ที่นอน หมอน ผ้าห่ม ผู้หญิงส่วนใหญ่ ได้รับการถ่ายทอดจากพ่อแม่ ปู่ย่าตายายหรือญาติผู้ใหญ่ เป็นศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ หมอนอิง ใช้ถวายพระในงานประเพณีสำคัญทางศาสนา เช่น งานกฐิน งานผ้าป่า งานสงกรานต์ และงานบวชนาค ใช้ในงานมงคล งานแต่งงาน หรือใช้เป็นของขวัญของฝากสำหรับแขกผู้มาเยือน ซึ่งการการทำหมอนอิงในปัจจุบัน ใช้เพื่อช่วยผ่อนคลายอากัปกริยา
ผ้า (เลือกชนิดที่แข็งแรง เช่น ผ้าฝ้ายดิบ ผ้าแคนวาส)
ใยสังเคราะห์ / ฟองน้ำ / นุ่น
กรรไกร / เข็มหมุด
เข็มกับด้าย หรือจักรเย็บผ้า
ซิป (ถ้าต้องการถอดซักได้)
กำหนดขนาดฐานและความสูงของสามเหลี่ยม เช่น ฐาน 40 ซม. สูง 35 ซม.
ตัดผ้าเป็น สามเหลี่ยมด้านเท่า 2 ชิ้น สำหรับด้านหน้า–หลัง
ตัดผ้าเป็น สี่เหลี่ยมผืนผ้า 3 ชิ้น (สำหรับด้านข้างแต่ละมุมของสามเหลี่ยม) ขนาดความยาว = ด้านของสามเหลี่ยม, กว้าง = ความหนาหมอน (เช่น 10–15 ซม.)
วางผ้าสามเหลี่ยมด้านหนึ่ง หันด้านถูก (ลาย) ขึ้น
นำสี่เหลี่ยมแต่ละชิ้นมาเย็บประกบที่ขอบสามเหลี่ยมทีละด้าน
ทำเช่นนี้จนครบทั้ง 3 ด้าน จะได้ “กรอบขอบหมอน”
นำผ้าสามเหลี่ยมอีกชิ้นมาประกบด้านบน
เย็บต่อเข้ากับแถบสี่เหลี่ยมทั้ง 3 ด้าน
เว้นช่องไว้สำหรับใส่ซิป หรือสำหรับกลับผ้าออกด้านถูก
พลิกผ้าออกด้านถูก ใช้ไม้เขี่ยมุมสามเหลี่ยมให้แหลมและเรียบ
ยัดให้เต็มพอดี ไม่แข็งหรืออ่อนจนเกินไป
ถ้าไม่มีซิป ใช้ เย็บซ่อนด้ายมือ ปิดให้เรียบร้อย
ถ้าอยากให้หมอนดู เป็นหมอนพิงเอนหลัง (แบบหมอนสามเหลี่ยมไทย) ต้องทำ หลายเหลี่ยมซ้อนเป็นชั้น และเสริมฐานให้แข็งแรงขึ้น
ข้อมูลเนื้อหา : นางสาวธวัลพร ศรีมันตะ ครูศูนย์การเรียนรู้
เรียบเรียงข้อมูล/เนื้อหา : นางสาวธวัลพร ศรีมันตะ ครูศูนย์การเรียนรู้
ภาพถ่าย : นางสาวธวัลพร ศรีมันตะ ครูศูนย์การเรียนรู้