สาขาภูมิปัญญา อาหารพื้นบ้าน
เจ้าของภูมิปัญญา นางบัวยอน อินตายวง
บ้านห้วยไซสุขสวัสดิ์ หมู่ที่ ๑๕ ตำบลห้วยยาบ
ความเป็นมาของบุคคลคลังปัญญา
นางบัวยอน อินตายวง เจ้าของภูมิปัญญาการทำนํ้าหนัง น้ำหนังเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุดของชุมชนห้วยไซ แต่ปัญหาในปัจจุบันก็คือ ไม่มีวัตถุดิบในการผลิต เพราะมีการเลี้ยงควายน้อยลงคนนิยมหันไปใช้ควายเหล็ก และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ใคร จะเป็นคนผลิต เพราะทุกวันนี้มีผู้ทำอยู่คือ ป้าบัวยอน อินตายวง บ้านห้วยไซ มีบุตร ๒ คน กับ นายประมวล อินตายวง เป็นหญิงหนึ่งคนชื่อ นางผ่องพูน ชายหนึ่งคนชื่อ นายจำเริญ นั้นหมายถึงว่าชุมชนบ้านห้วยไซ ขาดการส่งต่อภูมิปัญญาการทำนํ้าหนังควายแก่ลูกแก่หลานมาเนิ่นนานเช่นกัน ซึ่งป้าบัวยอนนั้นก่อนจะมาทำนํ้าหนัง มีอาชีพทำนา ค้าขาย ยาสูบ แต่พออายุมากขึ้นจึงคิดเริ่มทำนํ้าหนังตอนประมาณอายุ ๔๐ กว่าปี ตอนนี้ก็เกือบยี่สิบปีแล้วที่ป้าบัวยอนได้เรียนรู้วิธีการทำนํ้าหนังโดยดูจากการทำของป้าจันทร์ทา ปาลี ซึ่งอาศัยอยู่ข้างบ้านที่เริ่มทำมาก่อนและนำมาหัดทำเอง ตอนแรกป้าบัวยอนได้ลองทำกินเองก่อน สมัยนั้นใช้ทำกับใบตองแทนการใช้พลาสติก แต่ตอนนี้เลิกทำกันหมดแล้วเหลือแต่เพียงของป้าบัวยอนที่ยังคงทำและส่งต่อให้กับลูกหลานที่จะสืบทอด
จุดเด่นของภูมิปัญญาท้องถิ่น
นํ้าหนัง เป็นอาหารที่นิยมทำเพื่อบริโภคเป็นของกินควบคู่กับข้าวเหนียว แกงพื้นเมือง นํ้าพริก ผัก และยำต่าง ๆ เหตุที่ชาวบ้านเรียกว่า นํ้าหนัง เพราะเป็นอาหารเลิศรส และมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน การทำนํ้าหนังของคนเฒ่าคนแก่ในสมัยก่อน เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่ต้องใช้เวลาฝึกฝน เนื่องจากมีขั้นตอนและรายละเอียดมาก ไม่ว่าจะเป็นการหัดราดนํ้าหนังให้มีแผ่นบาง ๆ เพื่อให้มีความบางพอ นํ้าหนังจึงจะเก็บรักษาไว้ได้นาน อันถือว่าเป็นการถนอมอาหารจากหนังควายก็ว่าได้ การทำนํ้าหนังนั้นจึงต้องอาศัยความชำนาญ ความอดทน และความอุตสาหะอย่างมาก กว่าจะได้นํ้าหนังต้องใช้เวลานานหลายวัน