โปรแกรมกราฟิก (ว31281)
โปรแกรมกราฟิก (ว31281)
กราฟิก (Graphics) มักเขียนผิดเป็น กราฟิกส์ กราฟฟิกส์ กราฟฟิก คำว่า “กราฟิก” มาจากภาษากรีก ซึ่งหมายถึง การวาดเขียน (Graphikos) และการเขียน (Graphein) การสื่อความหมายโดยการใช้เส้น ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า
1.1 กราฟิก (Graphics) หมายถึง ศิลปะแขนงหนึ่งซึ่งใช้สื่อความหมายด้วยเส้น สัญลักษณ์ รูปวาด ภาพถ่าย กราฟ แผนภูมิ การ์ตูน ฯลฯ เพื่อให้สามารถสื่อความหมาย ข้อมูลได้ถูกต้องตรงตามที่ผู้สื่อสารต้องการ
1.2 คอมพิวเตอร์กราฟิก (Computer Graphics) หมายถึง การสร้างการตกแต่งแก้ไข หรือการจัดการเกี่ยวกับรูปภาพ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการจัดการ ประกอบไปด้วย เส้น สี แสง และเงาต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น การทำ Image Retouching ภาพคนแก่ ให้มีวัยที่เด็กขึ้น การสร้างภาพตามจินตนาการและการใช้ภาพกราฟิกในการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายได้ตรงตามที่ผู้สื่อสารต้องการและ น่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยกราฟ แผนภูมิ แผนภาพ เป็นต้น และสามารถแสดงออกทางจอภาพ หรือพิมพ์ออกมาทางเครื่องพิมพ์ได้
ภาพกราฟิก แบ่งเป็น 2 ประเภท
1. ภาพกราฟิกแบบ 2 มิติ > เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความกว้าง ความยาวหรือความสูงของชิ้นงาน เราสามารถพบเห็นได้ทั่วๆไป เช่น ภาพถ่าย รูปวาด ภาพลายเส้น สัญลักษณ์ กราฟ รวมถึงการ์ตูนต่างๆ ในโทรทัศน์
2. ภาพกราฟิกแบบ 3 มิติ > เป็นภาพกราฟิกติที่ประกอบด้วย ความกว้าง ความยาว ความหนา หรือ ความลึก มีความเหมือนจริงมากกว่าภาพ 2 มิติทำให้ทำให้สามารถมองเห็นชิ้นงานนั้นไม่เป็นราบแบบภาพ 2 มิติ ได้ภาพที่มีสีและแสงเงา
สำหรับรูปแบบการแสดงสีของเครื่องคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยแม่สี 3 สี คือ สีแดง (Red) สีเขียว (Green) และสีน้ำเงิน (Blue) การใช้สีกับงานกราฟิกในคอมพิวเตอร์ มีรายละเอียดหลายประการ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะ
ดังนั้นจึงควรทราบระบบสีของคอมพิวเตอร์ก่อน ระบบสีของคอมพิวเตอร์ จะเกี่ยวข้องกับการแสดงผลแสงที่แสดงบนจอ
คอมพิวเตอร์ โดยมีลักษณะการแสดงผล คือ ถ้าไม่มีแสดงผลสีใดเลย บนจอภาพ จะแสดงเป็น "สีดำ" หากสีทุกสีแสดงผลพร้อมกัน จะเห็นสีบนจอภาพเป็น "สีขาว"
ภาพที่เกิดบนจอคอมพิวเตอร์ เกิดจากการทำงานของโหมดสี RGB ซึ่งประกอบด้วย สีแดง (Red) สีเขียว (Green) และสีน้ำเงิน (Blue) โดยใช้หลักการยิงประจุไฟฟ้าให้เกิดการ เปล่งแสงของสีทั้ง 3 สีมาผสมกันทำให้เกิดเป็นจุดสีสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เรียกว่า พิกเซล (Pixel)
โดยพิกเซลจะมีหลากหลายสี เมื่อนำมาวางต่อกัน จะเกิดเป็นรูปภาพ ซึ่งภาพที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์มี 2 ประเภท คือ แบบ Raster และ แบบ Vector ความละเอียดของภาพ (Resolution) เป็นจำนวนของพิกเซลที่อยู่ภายในภาพโดยใช้หน่วยวัดเป็นพิกเซลต่อนิ้ว (Pixel Per Inch: PPI) เช่น 400 PPI หรือ 700 PPI เป็นต้น
ยิ่งมีค่ามากจะมีความละเอียดสูง ภาพที่มีความละเอียดมากจะมีความคมชัดกว่าภาพที่มีความละเอียดน้อย
หลักการทำงานของภาพกราฟิก แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
1. ภาพเวคเตอร์ (Vector) หรือจะเรียกว่าแบบ Raster
จะเป็นภาพที่ประกอบด้วยเส้นลักษณะต่างๆ เช่น เส้นตรง โค้ง และรูปทรงของเลขาคณิต จะถูกจัดเก็บในคำสั่งของโปรแกรมและค่าตัวเลข ซึ่งเวลาทำการแสดงผลจะมีการคำนวณทุกๆ ครั้ง ส่งผลให้ภาพลักษณะเช่นนี้มีความคมชัดและไม่แตกเมื่อมีการขยายให้ภาพมีขนาดใหญ่ขึ้น
2. ภาพบิตแมป (Bitmap)
จะเป็นภาพที่ประกอบจากจุดสีขนาดเล็กๆจำนวนมากเรียงเรียงตัวกันในลักษณะรูปแบบตาราง เรียกว่า พิกเซล(pixel) โดยในแต่ละภาพจะมีค่าและขนาดที่แน่นอน ถ้ามีการขยายเพิ่มมากขึ้นจากขนาดเดิมจะทำให้มองเห็นเป็นภาพหยาบหรือรูปภาพแตกอย่างชัดเจน
ตัวอย่างขยายภาพเวคเตอร์ ตัวอย่างการขยายภาพบิตแมป
ที่มารูปภาพ http://www.elearning.msu.ac.th/opencourse/1201372/page03_03_02.html
1. JPEG , JPG (.jpg)
พัฒนาโดยกลุ่ม Joint Photographic Experts Group ที่มีจุดเด่นในเรื่องของขนาดที่เล็ก และได้ไฟล์ภาพที่คมชัด ช่วยในเรื่องการประหยัดพื้นที่ เหมาะมากกับการใช้ในรูปภาพเพื่อโพสต์บนโซเชียล แต่ก็มีข้อสังเกตคือไม่รองรับภาพโปร่งใสนั่นเอง
ข้อดี : รองรับเกือบทุกโปรแกรม และใช้พื้นที่จัดเก็บน้อย
ข้อเสีย : เนื่องจากขนาดไฟล์จำกัด ทำให้ไม่สามารถแก้ไขรูปได้ตามต้องการ เพราะรูปจะไม่ชัดหรือเกิดอาการภาพแตกได้
2. BMP (.bmp)
เป็นมาตรฐานของ Microsoft windows แสดงผลได้ 16.7 ล้านสี บันทึกได้ทั้งโหมด RGB, Index Color, Grayscale และ Bitmap สามารถเปิดใช้งานได้หลายโปรแกรม แต่คุณภาพจะสู้รูปแบบ JPEG ไม่ได้
3. PNG (.png)
ไฟล์ PNG ย่อมาจาก Portable Network Graphics ใช้วิธีการบีบอัดไฟล์แบบ DEFLATE ที่ไม่มีการสูญเสียข้อมูลระหว่างบีบอัด (Lossless) ทำให้ไฟล์รูป PNG มีคุณภาพสูงกว่า JPEG และคมชัดกว่าอย่างชัดเจน แต่แน่นอนว่าขนาดไฟล์เองก็มีแนวโน้มที่จะใหญ่กว่าด้วยเช่นกัน ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของ PNG คือ รองรับภาพที่มีพื้นหลังโปร่งใสด้วย
ข้อดี : สามารถบันทึกภาพพื้นหลังแบบโปร่งใสได้ ทำให้ง่ายต่อการใช้งานและรองรับสีได้มากกว่าไฟล์ GIF
ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับการพิมพ์
4. GIF (.gif)
ไฟล์ GIF อ่านว่า ” จิ๊ฟ ” นะ ไม่ใช่ “กิ๊ฟ” เป็นไฟล์รูปภาพที่เคลื่อนไหวได้ แต่ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในประเภทไฟล์วีดีโอ ส่วนใหญ่มักทำเป็นภาพความเคลื่อนไหวมากกว่า ความละเอียดของภาพไม่สูงมาก
ข้อดี : ขนาดไฟล์เล็กมาก ทำให้โหลดได้รวดเร็ว และสามารถทำพื้นหลังแบบโปร่งใสได้
ข้อเสีย : มีความจำกัดเรื่องสีของภาพและไม่รองรับ CMYK
5. PSD (.psd)
PSD คือไฟล์ภาพจากโปรแกรม Photoshop โดยเฉพาะ สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมและซอฟต์แวร์อื่น ๆ ของ Adobe เช่น Illustrator, InDesign Premiere และ After Effects ซึ่งไฟล์ประเภทนี้เหมาะกับการใช้ทำงานเป็นอย่างยิ่ง เพราะเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ไว้ครบถ้วน ทั้งการบันทึกประวัติการทำงานและเก็บภาพแบบแยกเลเยอร์ ช่วยให้ง่ายต่อการตกแต่งเพิ่มเติม
ข้อดี : ปรับแต่งไฟล์ได้อย่างอิสระสามารถใช้ทำงานได้ทั้ง Vector และ Raster รองรับพื้นหลังโปร่งใสได้ด้วย
ข้อเสีย : เหมาะสำหรับงานที่มีขนาดใหญ่เนื่องจากมีความละเอียดสูง การใช้งานอาจจะซับซ้อนเกินไปสำหรับบางคน
.doc หรือ .docx
ย่อมาจาก Document เป็นไฟล์เอกสารที่เก็บข้อมูลเป็นหน้า โดยอ่านไฟล์ได้จากโปรแกรม WordPad หรือ Microsoft Word
.xls หรือ .xlw
ย่อมาจาก Excel Spreadsheet เป็นไฟล์ตารางข้อมูล โดยใช้ Microsoft Excel ในการอ่าน
ย่อมาจาก Portable Document Format เป็นไฟล์ที่มีคุณภาพสูง แต่ขนาดค่อนข้างเล็ก ใช้แสดงเอกสารแบบกราฟิก ใช้โปรแกรม Adobe Acrobat Reader หรือโปรแกมอื่น ๆ ในการอ่าน เรียกได้ว่าเป็นไฟล์เอกสารที่มีการเข้าถึงง่าย เป็นที่นิยมใช้งานมาก และแพร่หลายอยู่ทุกองค์กร
.pptx
ย่อมาจาก Microsoft Powerpoint Open XML เป็นไฟล์สไลด์ ใช้ในการนำเสนองาน หรืออกแบบ Presentation นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
3. นามสกุลไฟล์บีบอัด ได้แก่
.zip เป็นไฟล์บีบอัดหลาย ๆ ไฟล์รวมกัน ใช้โปรแกรม Winzip, Pkzip, และ Winrar ในการอ่าน
.rar ย่อมาจาก Roshal Archive เหมือนกับไฟล์ .zip ใช้โปรแกรม Winzip, Pkzip, และ Winrar ในการอ่าน
4. นามสกุลไฟล์เพลง และไฟล์วีดีโอ ได้แก่
.avi ย่อมาจาก Audio Video Interleave คือไฟล์ภาพยนต์ ภาพเคลื่อนไหว ใช้โปรแกรม Windows Media Player, QuickTime, ACDsee ในการเปิด
.divx เป็นไฟล์ .avi ที่ใส่ Subtitle เพิ่มได้หลายภาษา โดยจะต้องติดตั้งโปรแกรม Subtitle เพิ่ม
.fly เป็นไฟล์ที่นิยมใช้ในหลาย ๆ เว็บไซต์ที่ให้บริการวิดีโอผ่านเว็บไซต์
.mov ย่อมาจาก Movie เป็นไฟล์วิดีโอ ใช้โปรแกรม QuickTime ในการเปิด
.mp3 ย่อมาจาก MPEC Audio Layer 3 เป็นไฟล์ขนาดเล็กที่คุณภาพดี ใช้โปรแกรม Winamp, Sonique, Windows Media Player และโปรแกรมอื่น ๆ ในการเปิด
.mp4 ย่อมาจาก MPEC Audio Layer 4 เป็นไฟล์ที่มีพื้นฐานจากไฟล์ .avi แต่ถูกบีบให้ขนาดเล็ก แต่คุณภาพยังใกล้เคียงกับของเดิม
.wav ย่อมาจาก Wave เป็นไฟล์เพลง ใช้โปรแกรม ใช้โปรแกรม Winamp, Sonique, Windows Media Player และโปรแกรมอื่น ๆ ในการเปิด
.wma ย่อมาจาก Windows Media Audio เป็นไฟล์ที่คุณสมบัติเหมือนกับไฟล์ .mp3 แต่มีขนาดเล็กกว่า และใหม่กว่า
.avi
ย่อมาจาก Audio Video Interleave คือไฟล์ภาพยนต์ ภาพเคลื่อนไหว ใช้โปรแกรม Windows Media Player, QuickTime, ACDsee ในการเปิด
.mov
ย่อมาจาก Movie เป็นไฟล์วิดีโอ ใช้โปรแกรม QuickTime ในการเปิด
.mp3
ย่อมาจาก MPEC Audio Layer 3 เป็นไฟล์ขนาดเล็กที่คุณภาพดี ใช้โปรแกรม Winamp, Sonique, Windows Media Player และโปรแกรมอื่น ๆ ในการเปิด
.mp4
ย่อมาจาก MPEC Audio Layer 4 เป็นไฟล์ที่มีพื้นฐานจากไฟล์ .avi แต่ถูกบีบให้ขนาดเล็ก แต่คุณภาพยังใกล้เคียงกับของเดิม
.wav
ย่อมาจาก Wave เป็นไฟล์เพลง ใช้โปรแกรม ใช้โปรแกรม Winamp, Sonique, Windows Media Player และโปรแกรมอื่น ๆ ในการเปิด
.zip
เป็นไฟล์บีบอัดหลาย ๆ ไฟล์รวมกัน ใช้โปรแกรม Winzip, Pkzip, และ Winrar ในการอ่าน
.rar
ย่อมาจาก Roshal Archive เหมือนกับไฟล์ .zip ใช้โปรแกรม Winzip, Pkzip, และ Winrar ในการอ่าน
การออกแบบกราฟิก และสื่อเป็นขั้นตอนหนึ่ง ของการสร้างสรรค์งานที่เกี่ยวข้อง กับกระบวนการงานกราฟิก งานทางด้านสิ่งพิมพ์ โดยมีหลักการคิด และวิธีการดำเนินการ ที่ต้องอาศัยแนวคิดเกี่ยวกับกระบวนการ สื่อความหมาย หลักการทางศิลปะประยุกต์ และทฤษฎีการรับรู้ทางจิตวิทยา การออกแบบงานกราฟิก จึงต้องกระทำอยู่บนพื้นฐานขององค์ประกอบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดังนี้
การออกแบบงานกราฟิกและสื่อ ควรจะต้องคำนึงถึงหลักการ ดังนี้
1. ความมีเอกภาพ (unity)
หมายถึง การจัดทัศนธาตุของศิลปะให้มีความประสานกลมกลืน มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเป็นกลุ่มก้อนไม่กระจัดกระจาย และแสดงออกให้เห็นได้ถึงความพอดีของความงาม
2. ความกลมกลืน (harmony)
หมายถึง การประสาน เชื่อมต่อติดหรือทับกันของรูปลักษณ์ แสง เงา สี โดยวิธีจัดให้ประสานกลมกลืน เป็นเรื่องราว พวก หมู่ หรือ ลำดับกันให้เกิดความเหมาะเจาะสวยงามมองดูแล้วไม่ขัดตา ไม่มากเกินไป
3. ความมีสัดส่วนที่สวยงาม (propertion)
ขนาด (Dimensions) หมายถึง ลักษณะของวัตถุ ที่จะเขียน คือ มีลักษณะใหญ่เล็ก กว้างยาว ตามที่เรารับรู้ได้ ตามหลักการมองเห็นภาพด้วยสายตา ของเราคือ วัตถุชนิดเดียวกัน ขนาดเท่ากัน อยู่ใกล้กว่าจะมีขนาดใหญ่กว่าวัตถุที่อยู่ไกล ออกไป และยิ่งอยู่ไกลมากเท่าไร ก็ยิ่งเล็กลงไปจนมองไม่เห็น
สัดส่วน (Proportion) หมายถึง การจัดภาพ หรือ การเขียนภาพให้ได้ขนาดและที่สว่างจนเกิดความสมส่วน ซึ่งกันและกัน ซึ่งเกิดความสัมพันธ์กันด้วยดี ในการปฏิบัติงานศิลปะ สัดส่วนมีความสำคัญมาก จะต้องมีความสัมพันธ์กับขนาดเป็นอย่างดีด้วย ขนาดและสัดส่วนมีความสัมพันธ์กับรูปร่าง – รูปทรง เมื่อเรานำรูปร่าง รูปทรง มาจัดองค์ประกอบเข้าด้วยกัน จะทำให้เกิดความรู้สึกดังนี้
ขนาดใกล้เคียงกัน ให้ความรู้สึกกลมกลืน
ขนาดต่างกัน ให้ความรู้สึกขัดแย้ง
4. ความมีสมดุล (balance)
หมายถึง น้ำหนักที่เท่ากันขององค์ประกอบ ไม่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ในทางศิลปะยังรวมถึงความประสานกลมกลืน ความพอเหมาะพอดีของ ส่วนต่าง ๆ ในรูปทรงหนึ่ง หรืองานศิลปะชิ้นหนึ่ง การจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ลงใน งานศิลปกรรมนั้นจะต้องคำนึงถึงจุดศูนย์ถ่วง ในธรรมชาตินั้น
5. ความมีจุดเด่น (emphasis)
หมายถึง การกระทำให้เด่นเป็นพิเศษกว่าธรรมดา ในงานศิลปะจะต้องมี ส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือจุดใดจุดหนึ่ง ที่มีความสำคัญกว่าส่วนอื่น ๆ เป็นประธานอยู่ ถ้าส่วนนั้นๆ อยู่ปะปนกับส่วนอื่น ๆ และมีลักษณะเหมือน ๆ กัน ก็อาจถูกกลืน หรือ ถูกส่วนอื่นๆที่มีความสำคัญน้อยกว่าบดบัง หรือแย่งความสำคัญ ความน่าสนใจไป
ส่วนสำคัญที่จะสร้างสรรค์ความสุนทรีย์บนงานออกแบบ มีองค์ประกอบอยู่ 2 ส่วน คือ
1. อักษรและตัวพิมพ์
ตัวอักษรจะทำหน้าที่เป็นส่วนแจกแจงรายละเอียดของข้อมูล สาระที่ต้องการนำเสนอด้วยรูปแบบ และการจัดวางตำแหน่งอย่างสวยงาม มีความชัดเจน การออกแบบ การเลือกแบบตลอดจนการกำหนดรูปแบบ ของตัวอักษรที่จะนำมาใช้ ต้องมีลักษณะเด่น อ่านง่าย สวยงาม น่าสนใจ ลักษณะที่แตกต่างของตัวอักษร จึงต้องกำหนดตามสภาวะการนำไปใช้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่เป็นหัวเรื่อง หรือชื่อสินค้า จะต้องเน้นความโดดเด่นของรูปแบบมากที่สุด และส่วนที่เป็นข้อความหรือเนื้อหา ที่ต้องการแสดงรายละเอียดต่าง ๆ นิยมใช้ตัวอักษรที่มีรูปแบบเรียบง่าย สะดวกในการอ่านมากที่สุด
ในการเลือกใช้ตัวอักษรให้มีความเหมาะสมกับงานที่ออกแบบ ผู้ออกแบบควรได้พิจารณาถึงรูปแบบตัวอักษร ขนาดตัวอักษร รูปร่างลักษณะของตัวอักษร การกำหนดระยะห่างและพื้นที่ว่าง การกำหนดสี และการจัดวางตำแหน่ง ให้มีความสมดุลเหมาะสมพอดี
2. ภาพและส่วนประกอบตกแต่งภาพ
ภาพและส่วนประกอบตกแต่งภาพ ที่ต้องการเน้นให้เกิดคุณค่าทางความงาม ซึ่งจะทำหน้าที่ในการถ่ายทอดจินตนาการ ออกมาเป็นรูปแบบ และนำเสนอแนวคิดให้เป็นรูปธรรมดาตามความคิดของตน เพื่อต้องการให้เกิดประสิทธิผลในการสื่อสารมากที่สุด
งานออกแบบที่ดีควรนำภาพมาใช้ให้เหมาะสมกับโอกาสและหน้าที่อย่างกลมกลืน คือ
2.1 เมื่อต้องการดึงดูดความสนใจ
2.2 เมื่อต้องการใช้ประกอบการอธิบายความรู้
2.3 เมื่อต้องการคำอธิบายความคิดรวบยอด
2.4 เมื่อต้องการอ้างอิงสิ่งที่ปรากฏขึ้นจริง
2.5 เมื่อต้องการใช้ประกอบข้อมูลทางสถิติ
3. การกำหนดระยะห่างและพื้นที่ว่าง
การจัดพื้นที่ว่างในการออกแบบกราฟิก มีวัตถุประสงค์เพื่อการจัดระเบียบของข้อมูล ช่วยเน้นความเป็นระเบียบและความชัดเจน ระยะห่างหรือพื้นที่ว่างจะช่วยพักสายตาในการอ่าน ทำให้ดูสบายตา สร้างจังหวะลีลาขององค์ประกอบภาพให้เหมาะสมและสวยงาม
4. การกำหนดสี
สีมีบทบาทอย่างมากที่ช่วยเน้นความชัดเจน ทำให้สะดุดตา สร้างสรรค์ความสวยงาม การกำหนดสีใดๆ ขึ้นอยู่กับประเภทของงานนั้นๆ ข้อสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือ สีบนตัวภาพ พื้นภาพและตัวอักษร ต้องมีความโดดเด่น ชัดเจน เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายซึ่งมีความชอบที่แตกต่างกัน นักออกแบบจะพยายามใช้สีเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์มากที่สุด
5. การจัดวางตำแหน่ง
เป็นการจัดวางโครงร่างทั้งหมดที่จะกำหนดตำแหน่งขนาดของภาพประกอบ ตำแหน่งของข้อความทั้งหมด และส่วนประกอบอื่นๆที่ปรากฏ ซึ่งต้องคำนึงถึงจุดเด่นที่ควรเน้น ความสมดุลต่างๆ ความสบายตาในการมอง นักออกแบบต้องให้ความสำคัญต่อทุกๆส่วนที่ปรากฏบนชิ้นงานเท่ากันทั้งหมด ความพอเหมาะพอดีช่วยให้งานออกแบบมีความน่าเชื่อถือและน่าสนใจ
งานกราฟิกที่ดี จะต้องทำให้เห็นถึงความคิด ในการออกแบบเป็นเลิศ มีคุณค่าและความสำคัญในตัวเองที่แสดงออกได้ ดังนี้
1. เป็นสื่อกลางในการสื่อความหมาย ให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ถูกต้องและชัดเจน
2. สามารถทำหน้าที่เป็นสื่อ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
3. ช่วยทำให้งานเกิดความน่าสนใจ ประทับใจ และน่าเชื่อถือแก่ผู้พบเห็น
4. ช่วยให้เกิดการกระตุ้นทางความคิด และการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
5. ช่วยสร้างสรรค์งานสัญลักษณ์ทางสังคม และพัฒนาระบบการสื่อสาร ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ในการออกแบบงานกราฟิก ควรมีการวางแผน และกำหนดขั้นตอนการทำงาน ให้เป็นระบบ เพื่อจะทำให้งานที่ผลิตขึ้นมีคุณภาพดี โดยคำนึงถึงขั้นตอนที่ใช้ในการผลิต และการออกแบบ ดังนี้
1. ขั้นการคิด ต้องคิดว่า จะทำอะไร ทำเพื่อใคร ทำอย่างไร และการออกแบบอย่างไร
2. ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล เป็นการเสาะหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ด้วย
3. ขั้นการร่างหรือสร้างหุ่นจำลอง โดยการเขียนภาพคร่าว ๆ หลาย ๆ ภาพ แล้วเลือกเอาภาพที่ดีที่สุด
4. ขั้นการลงมือสร้างงาน เป็นการขยายผลงานด้วยวัสดุและวิธีการที่เตรียมไว้
5. หลักที่ควรพิจารณาเกี่ยวกับการใช้สี