วิชาการเขียนเว็บไซต์เบื้องต้น (ว23201)
วิชาการเขียนเว็บไซต์เบื้องต้น (ว23201)
อินเทอร์เน็ต (internet) หมายถึง เครือข่ายในระดับสากล เป็นช่องทางสําหรับการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทั่วโลก การเชื่อมต่อเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายเกิดเป็นโครงข่ายขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเครือข่ายใยแมงมุม (world wide web : www) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “เว็บ”
ประโยชน์ในการเชื่อมต่อใช้งานอินเทอร์เน็ตมีมากมายหลากหลาย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้เชื่อมต่อใช้งาน (user) เช่น แสวงหาความรู้ดูรายละเอียดสินค้า เช็คอีเมล ทําธุรกรรมบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ชําระค่าบริการ หรือ เพื่อความบันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ดาวน์โหลดไฟล์เอกสารมัลติมีเดีย เป็นต้น
หมายถึงเครือข่ายของวัตถุ อุปกรณ์ พาหนะ สิ่งปลูกสร้าง และสิ่งของอื่นๆ ที่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ เซ็นเซอร์ และการเชื่อมต่อกับเครือข่าย ฝังตัวอยู่ และทำให้วัตถุเหล่านั้นสามารถเก็บบันทึกและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่งทำให้วัตถุสามารถรับรู้สภาพแวดล้อมและถูกควบคุมได้จากระยะไกลผ่านโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่มีอยู่แล้ว
ทำให้เราสามารถผสานโลกกายภาพกับระบบคอมพิวเตอร์ได้แนบแน่นมากขึ้น ผลที่ตามมาคือประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น
เมื่อ IoT ถูกเสริมด้วยเซ็นเซอร์และแอคชูเอเตอร์ซึ่งสามารถเปลี่ยนลักษณะทางกลได้ตามการกระตุ้น ก็จะกลายเป็นระบบที่ถูกจัดประเภทโดยทั่วไปว่าระบบไซเบอร์-กายภาพ (cyber-physical system) ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีอย่าง กริดไฟฟ้าอัจริยะ (สมาร์ตกริด) บ้านอัจฉริยะ (สมาร์ตโฮม) ระบบขนส่งอัจฉริยะ (อินเทลลิเจนต์ทรานสปอร์ต) และเมืองอัจฉริยะ (สมาร์ตซิตี้) วัตถุแต่ละชิ้นสามารถถูกระบุได้โดยไม่ซ้ำกันผ่านระบบคอมพิวเตอร์ฝังตัว และสามารถทำงานร่วมกันได้บนโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน
รูปแบบการทํางานของอินเทอร์เน็ตประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้
2.1 ผู้ร้องขอบริการ (Client) คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน
2.2 ผู้ให้บริการ (Server)
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่เปิดให้บริการต่าง ๆ เช่น web server, mail server, file server, database server, multimedia server ห รือ application server เป็นต้น
2.3 เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (computer network)
เป็นรูปแบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ร้องขอบริการและผู้ให้บริการ เช่น สัญญาณไวไฟ เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่
ด้านการติดต่อสื่อสาร
อินเทอร์เน็ตทําให้ผู้ใช้งานทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างอิสระปราศจากข้อจํากัดเดิม ๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีรูปแบบการให้บริการด้านการติดต่อสื่อสารมากมายเช่น อีเมล การรับส่งข้อความ การสนทนาออนไลน์เครือข่ายสังคมออนไลน์หรือ โซเชียลมีเดีย เป็นต้น
ด้านการศึกษา
อินเทอร์เน็ตสามารถประยุกต์ใช้ทางด้านการศึกษา เพื่ออํานวยความสะดวกในหลาย ๆ ด้าน เช่น การบริหารการศึกษา การลงทะเบียนออนไลน์ตารางเรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระบบรายงานผลการเรียน เป็นต้น อินเทอร์เน็ตรองรับสื่อมัลติมีเดียที่หลากหลายรูปแบบทําให้สามารถประยุกต์ใช้งานทางด้านการศึกษาได้มาก
ด้านเศรษฐกิจ
อินเทอร์เน็ตก่อให้เกิดรูปแบบการประกอบธุรกิจที่แตกต่างไปจากเดิม เจ้าของธุรกิจในปัจจุบันไม่จําเป็นต้องมีหน้าร้าน หรือ สต็อกสินค้าขนาดใหญ่แค่มีสินค้า หรือ บริการ เจ้าของธุรกิจสามารถประชาสัมพันธ์สินค้า และ บริการของตัวเองได้ผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) หรือ ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่กําลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
ด้านสังคม
อินเทอร์เน็ตก่อให้เกิดรูปแบบการใช้ชีวิตในสังคมแบบใหม่ ทําให้ลดความเหลื่อมล้ําลดช่องว่างระหว่างคนในสังคม และ ทุกคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติศาสนา ฐานะ สามารถช่วยผู้ด้อยโอกาสทางสังคมให้สามารถเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศได้อย่างทัดเทียม เช่น ผู้บกพร่องทางด้านสายตา ทางหูผู้สูงอายุ
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข
ปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตทางด้าน การแพทย์อย่างแพร่หลาย เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วย ฐานข้อมูลที่อยู่ของผู้ป่วย ระบบการวินิจฉัยโรคจาก อาการป่วยเบื้องต้น การให้รายละเอียดเกี่ยวกับยาและวิธีการรักษา ประวัติการรักษา เป็นต้น
ด้านการเงินและการธนาคาร
ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ขั้นตอนสําคัญ คือ การชําระค่าบริการ ในปัจจุบันธนาคารได้พัฒนาระบบเพื่อให้รองรับการชําระสินค้า และ การเข้าถึงข้อมูลทางด้านการเงินของลูกค้าผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทั้งผ่านเว็บไซต์ธนาคารออนไลน์ (e-banking) หรือ ผ่านแอพพลิเคชั่น ทําให้ง่ายและสะดวกในการทําธุรกรรม เช่น การตรวจสอบยอดเงินในบัญชีออนไลน์การโอนเงิน การบริการสินเชื่อ ข้อมูลอัตราแลกเปลี่ยน รวมไปถึงการชําระค่าบริการต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
ด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม
ปัจจุบันมีการประยุกต์ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อประโยชน์ด้านการเกษตรมากมาย เช่น การจัดทําฐานข้อมูลเพื่อการเกษตรและการพยากรณ์ผลผลิตด้านการเกษตร การพัฒนาระบบราคากลางสินค้าออนไลน์ระบบตรวจสอบความชื้นของอากาศ รายงานสภาพอากาศ การแจ้งเตือนการให้น้ําแก่พืชสวนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การแจ้งภัยพิบัติพื้นที่เสียงภัยแล้ง พื้นที่เสียงภัยโรค และศัตรูพืช และ สามารถรายงานผลในทันทีการควบคุมการจ่ายไฟฟ้า การเปิดปิดไฟฟ้าหรือ อุปกรณ์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต รวมไปถึงการควบคุมขั้นตอนในการผลิต และ การติดต่อสื่อสาร เพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการทางด้านการอุตสาหกรรมเป็นต้น
ด้านการทหารและความมั่นคง
มีการใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อการทหารอย่างแพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ข้อมูลทางการทหารที่เผยแพร่ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสามารถปกปิด หรือเลือกชั้นระดับความลับของเอกสาร
ด้านการคมนาคม
อินเทอร์เน็ตสามารถประยุกต์ใช้ทางด้านการคมนาคมได้หลากหลาย เช่น การแจ้งตารางเวลาการเดินทางของรถไฟ จองตั๋วเครื่องบินผู้ใช้งานสามารถเลือกแถวที่นั่งได้ ตามต้องการ และ สามารถชําระค่าบริการผ่านระบบธนาคารออนไลน์การเช็คข้อมูลข่าวสารก่อนการ เดินทางทําให้ไม่เสียเวลาและสะดวกต่อการเดินทาง
ด้านความบันเทิง
เครือข่ายอินเทอร์เน็ตรองรับการนําเสนอสื่อมัลติมีเดียหลากหลายรูปแบบ เช่น การดูหนังออนไลน์ฟังเพลงออนไลน์ดูรายการทีวีย้อนหลัง ดาวน์โหลดสื่อมัลติมีเดีย เล่นเกมส์ออนไลน์หรือ การสนทนากับเพื่อนบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค เป็นต้น
ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพพื้นที่ภูมิศาสตร์บนพื้นโลก เรียกว่า ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System : GIS) เป็นระบบที่นําเข้ามาช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ ประมวลผล และ แสดงผลข้อมูลแผนที่ทางภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม ข้อมูลเชิงพื้นที่
เว็บเบราว์เซอร์ (web browser) คือ กลุ่มของโปรแกรมที่ใช้เรียกดูเว็บผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนประตูที่ให้ผู้ใช้งานสามารถออกไปสู่เว็บไซต์ภายนอกได้
1.บริการค้นข้อมูล (World Wide Web)
เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW) หรือ เรียกสั้น ๆ ว่า “เว็บ” ถูกพัฒนาขึ้นมาในช่วงปี ค.ศ.1980 – 1991 จากห้องปฏิบัติการจุลภาคฟิสิกส์แห่งยุโรป
World แปลว่า โลก
Wide แปลว่า กว้าง, กว้างขวาง
Web เป็นคำของเวิลด์ไวด์เว็บ ซึ่งแปลว่าสถานที่รวมของกลุ่มคอมพิวเตอร์ที่มีข้อมูลเตรียมพร้อมไว้ให้ผู้คนอ่านผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยใช้ภาษา HTTP เป็นตัวกำหนดลักษณะการสื่อสารระหว่างเว็บเบราว์เซอร์ และเซิร์ฟเวอร์
คือ เครือข่ายที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก เป็นรูปแบบหนึ่งของระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข่าวสาร ใช้ในการค้นหาข้อมูลข่าวสารบน Internet จากแหล่งข้อมูลหนึ่ง ไปยังแหล่ง ข้อมูลที่อยู่ห่างไกล ให้มีความง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด WWW จะแสดงผลอยู่ในรูปแบบของเอกสารที่เรียกว่า ไฮเปอร์เท็กซ์ (Hyper Text) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่รวบรวมข่าวสารข้อมูลที่อยู่กระจัดกระจายในที่ต่าง ๆ ทั่วโลกให้สามารถนำมาใช้งานได้เสมือนอยู่ในที่เดียวกัน โดยใช้เว็บเบราเซอร์ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ช่วยในการดู หรืออ่านข้อมูลเหล่านั้น
2. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail or E-mail)
3. Social Network
Social Network คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกัน ผ่าน Internet ซึ่ง เป็นเว็บไซต์ช่วยให้คุณหาเพื่อนบนโลกอินเตอร์เน็ตได้ง่ายๆ เราสามารถที่จะสร้างพื้นที่ส่วนตัวขึ้นมา เพื่อแนะน าตัวเองได้โดยเลือกได้ว่าต้องการรู้จักกับใคร หรือเป็นเพื่อนกับใคร ก็ได้ ตัวอย่าง Social Network เช่น Hi5, Facebook, MySpace.com,twitter เป็นต้น
4. Could Sevices
โดเมนเนม (Domain Name) คือ ชื่อหรือที่อยู่ของเว็บไซต์ในการเรียกข้อมูลเว็บไซต์มาแสดงผล เช่น www.yourcompany.com เป็นต้น
องค์ประกอบของชื่อโดเมน ในการพิมพ์ชื่อโดเมนโดยทั่วไป จะเริ่มต้นด้วย www ซึ่งเป็นการเข้าสู่ระบบโดยการอ้างถึงเอกสารแบบ Hypertext จากนั้นจึงคั่นด้วยจุดและตามด้วยชื่อโดเมนเนม เช่น www.webmaster.or.th
URL ย่อมาจากคำว่า Uniform Resource Locator คือ ที่อยู่ (Address) ของข้อมูลต่างๆในInternet เช่น ที่อยู่ของไฟล์หรือเว็บไซต์บนอินเตอร์เน็ต
รูปแบบของ URL จะประกอบด้วย
http://www.mindphp.com/support/urlfaq.htm
1. ชื่อโปรโตคอลที่ใช้ (http ซึ่งย่อมาจาก HyperText Transfer Protocol)
2. ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ และชื่อเครือข่ายย่อย (www.mindphp)
3. ประเภทของเวบไซต์ (.com) ซึ่งมีอยู่ หลาย ประเภท คือเช่น .com (Commercial),.edu (Educational),.org (Organizations),.net (Network), .co.th (บริษัทในประเทศไทย ดูเพิ่มเติมที่นี่) ฯลฯ
4. ไดเร็กทอรี่ (/support/)
5. ชื่อไฟล์และนามสกุล (urlfaq.htm)
ตัวอย่าง ต่อไปนี้ แสดงถึงความแตกต่างระหว่าง ยูอาร์แอล (URL) โดเมนเนม และ ซับโดเมน
ยูอาร์แอล: https://www.example.com/
ชื่อโดเมน: example.com
ซับโดเมน : subdomain.example.com
ความหมายของส่วนขยายโดเมน ที่พบบ่อย ๆ มีดังนี้
.com หมายถึง บริษัท หรือ องค์กรเชิงพาณิชย์ (commercial)
.org หมายถึง องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกําไร (organization)
.net หมายถึง องค์กรที่ให้บริการทางด้านเครือข่าย (network provider)
.edu หมายถึง สถาบันองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา (education)
.gov หมายถึง หน่วยงานรัฐบาล (government)
.mil หมายถึง องค์กรทางทหาร (military)
.co.th หมายถึง บริษัทหรือองค์กรเชิงพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทย
.or.th หมายถึง องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกําไรที่จดทะเบียนในประเทศไทย
โรคติดอินเทอร์เน็ต
โรคติดอินเทอร์เน็ต (Webaholic) เป็นอาการทางจิตประเภทหนึ่ง ซึ่งนักจิตวิทยาชื่อ Kimberly S Young ได้ศึกษาและวิเคราะห์ไว้ว่า บุคคลใดที่มีอาการดังต่อไปนี้ อย่างน้อย 4 ประการ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปีแสดงว่าเป็นอาการติดอินเทอร์เน็ต
o รู้สึกหมกมุ่นกับอินเทอร์เน็ต แม้ในเวลาที่ไม่ได้ต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต
o มีความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเวลานานขึ้นอยู่เรื่อยๆ
o ไม่สามารถควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตได้
o รู้สึกหงุดหงิดเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตน้อยลง หรือหยุดใช้
o คิดว่าเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว ทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น
o ใช้อินเทอร์เน็ตในการหลีกเลี่ยงปัญหา
o หลอกคนในครอบครัว หรือเพื่อน เรื่องการใช้อินเทอร์เน็ตของตนเอง
o มีอาการผิดปกติเมื่อเลิกใช้อินเทอร์เน็ต เช่น หดหู่ กระวนกระวาย
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิด หรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท