วิชาการออกแบบและเทคโนโลยี 2 (ว22103)
วิชาการออกแบบและเทคโนโลยี 2 (ว22103)
วัสดุที่นำมาใช้เป็นส่วนประกอบของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันมีหลายประเภท เช่น
ไม้เป็นวัสดุที่ได้จากธรรมชาติ ไม่แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ไม้ธรรมชาติ(Natural Wood) และ ไม้ประกอบ (Composite Wood)
ไม้ธรรมชาติ (Natural Wood)
สมบัติที่สำคัญของไม้ธรรมชาติ เช่น
การหดและขยายตัวเนื่้องจากความชื้นในเนื้อไม้
ความแข็งแรงทางกล ได้แก่ สามารถรับน้ำหนัก รับแรงจากภายนอก ขึ้นอยู่กับประเภทของไม้
ไม่มีความทนทานต่อสภาวะแวดล้อมและศัตรูตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับประเภทของไม้
1. ไม้เนื้อแข็ง
เป็นไม้ที่ได้จากต้นไม้ที่มีใบกว้าง ซึ่งเป็นไม้ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในป่าของประเทศไทย ต้นไมต้องมีอายุหลายสิบปีจึงจะนํามาใช้งานได้
ลักษณะทั่วไปของไม้เนื้อแข็งจะมีเนื้อมัน ลายเนื้อไม้ละเอียด มีน้ำหนักมาก เนื้อแน่น สีเข้ม (แดงถึงดํา) แข็งแรงทนทาน เช่น ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้มะค่า ไม้ตะเคียน
การใช้งาน : คาน โครงหลังคาบ้าน พื้นฝาบ้าน ประตูหน้าต่าง โต๊ะ ตู้ ของใช้ในครัวเรือน เครื่องดนตรีไทย
ไม้เต็ง
ต้นประดู่ป่า
ไม้รัง
ไม้มะค่าโมง
ไม้แดง
1. ไม้เนื้ออ่อน
เป็นไม้ที่ได้จากต้นไม้พวกสนที่มีใบเรียวเล็ก ส่วนมากเจรญเติบโตบริเวณที่สูงอากาศเย็น เป็นไม้ที่มีวงปีกว้าง เนื่องจากเจริญเติบโตเร็ว ลําต้นใหญ่ เนื้อไม้ค่อนข้างเหนียว น้ําหนักเบา ใช้งานง่าย แต่เนื้อไม้ไม่แข็งแรงมากจึงรับน้ําหนักได้ไม่ดีเนื้อไม้มีตั้งแต่สีจางอ่อนไปถึงสีเข้ม เช่น ไม้สัก ไม้ยาง ไม้ฉําฉา ไม้จำปา ไม้มะม่วง ไม้ขนุน
การใช้งาน : ประตูหน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์ของใช้ต่าง ๆ กล่องใส่วัสดุงานตกแต่ง เครื่องดนตรีไทย
ไม้สัก
ไม้ยาง
ไม้ฉำฉา
ไม้ประกอบ (Composite Wood)
คือ ไม้ที่ได้จากการนําชิ้นส่วนไม้มาต่อรวมกันด้วยกระบวนการต่าง ๆ ไม้ประกอบมีหลายประเภท เช่น ไม้อัด ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด
1. ไม้อัด (plywood)
เกิดจากการนําแผ่นไม้บาง ๆ ที่ได้จากท่อนซุงชนิดเดียวกันหรือหลายชนิดมาอัดติดกันโดยใช้กาว เป็นตัวประสาน โดยให้แต่ละแผ่นมีแนวเสี้ยนตั้งฉากกันและนําไปอบแห้ง ไม้อัดจึงมีความแข็งแรง ไม่ยืดหรือ หดตัวเมื่อความชื้นเปลี่ยนไป
การใช้งาน : ผนังบ้าน เฟอร์นิเจอร์ประเภทโต๊ะ เก้าอี้ตู้เก็บของ
2. ไม้อัด OSB (Oriented Strand Board Wood)
เกิดจากการนําเอาเศษชิ้นไม้เล็ก ๆ หลายขนาดมาผสมกาวและนําไปเรียงให้เสี้ยนไม้อยู่ในทิศทางเดียวกัน และแต่ละชั้นมีแนวเสี้ยนตั้งฉากกัน จากนั้นจึงนําไปอัดด้วยความร้อนให้เป็นแผ่นที่มีขนาดตามที่ต้องการ ไม้อัดOSB มีความเหนียว แข็งแรง มีความยืดหยุ่นสูง ทนความชื้นและเชื้อรา ใช้งานง่าย การขยายและหดตัวต่ํา
การใช้งาน : ตกแต่งภายใน ฝ้า พื้น ผนัง เฟอร์นิเจอร์
3. ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด (particleboard)
เกิดจากการนําเศษไม้หรือขี้เลื่อยมาประสานกันโดยใช้สารเคมีนำมาบดอัดด้วยความดันสูง มีราคาถูกกว่าไม้จริงและไม้อัด มีความเหนียว น้ําหนักเบา แต่ความแข็งแรงและ ความต้านทานแมลง ปลวก และความชื้นต่ํา อายุการใช้งานสั้นกว่าไม้อัด
การใช้งาน : ตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์
คือ วัสดุสังเคราะห์ที่มนุษย์สร้างขึ้น ส่วนใหญ่เป็นผลผลิตที่ได้จากการกลั่นน้ํามันดิบ พลาสติกนํามาใช้สร้างสิ่งของเครื่องใช้มากมายและมีบทบาทอย่างยิ่งต่อการดําเนินชีวิตประจําวันของทุกคน
พลาสติกแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ เทอร์โมพลาสติก (thermoplastics) และเทอร์โมเซตติ้งพลาสติก (thermosetting plastics)
1. เทอร์โม พลาสติก (Thermo plastics)
พลาสติกประเภทนี้เมื่อได้รับความร้อนจะอ่อนตัวและเปลี่ยนรูปร่างได้เมื่อเย็นลงจะแข็งตัว ถ้าให้ความร้อนอีกจะอ่อนตัว ดังนั้นจึงสามารถทําให้กลับเป็นรูปเดิมหรือเปลี่ยนรูปได้ซ้ําไปมาหลายครั้งโดยไม่ทําลายโครงสร้างเดิม ทนต่อแรงดึงได้สูงตัวอย่างของพลาสติก เช่น อะคริลิก ไนลอน พอลิไวนีลคลอไรด์ พอลิสไตรีน พอลิเอทิลีน
การใช้งาน : สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น ถุงใส่ของ ขวดน้ํา จาน ช้อนส้อม
ขนแปรงสีฟนั สายยาง เชือก กระเป๋า รองเท้า ไม้บรรทัด กล่องใส่ซีดีถังขยะ ของเล่นเด็ก กล่อง บรรจุภัณฑ์วัสดุตกแต่งบ้าน
2. เทอร์โมเซตติ้ง พลาสติก (thermosetting plastics)
พลาสติกประเภทนี้มีความแข็งแรง ทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและปฏิกิริยาเคมีได้ดีโดนความร้อนแล้วไม่อ่อนตัว ไม่สามารถหลอมและนํากลับมาขนรึ้ ูปใหม่ได้ถ้าอยู่ในอุณหภูมิสูงจะทําให้แตกและ ไหม้เป็นขี้เถ้าสีดำ
ตัวอย่าง ของพลาสติก เช่น เมลามีน พอลิเอสเทอร์เรซิน
การใช้งาน : จาน ชาม แก้วน้ำ ของใช้ในครัวเรือน กระดุม กระดานขาวลบได้เครื่องเด็กเล่น อุปกรณ์ ตกแต่งสวน ถังขนาดใหญ่ ลำเรือ
คือ วัสดุที่ได้จากการถลุงสินแร่ต่าง ๆ โลหะที่นํามาใช้งานส่วนใหญ่ จะผ่านการปรับปรุงสมบัติให้ดีขึ้นก่อนนํามาใช้งาน
โลหะเป็นวัสดุที่นํามาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีสมบัติที่ดีมากมาย เช่น เป็นตัวนําความร้อนและนําไฟฟ้าได้ดีมีความแข็งแรงสูง มีความคงทนถาวร ไม่เสื่อมสลายหรือเปลี่ยนแปลงสภาพง่าย เป็นวัสดุทึบแสง สามารถป้องกันไม่ให้แสงผ่าน ทนทานต่อการกัดกร่อน มีความสวยงาม ผิวของโลหะ สามารถขัดให้เป็นเงาวาว สามารถตีเป็นแผ่นบางหรือดึงให้เป็นเส้นลวดได้
โลหะแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่คือ โลหะกลุ่มเหล็ก (ferrous metals) และโลหะนอกกลุ่มเหล็ก (non-ferrous metals)
กิจกรรม/ใบงาน
ใบงานที่ 2.1