อารยธรรม อินเดีย จีน และวัฒนธรรมต่างชาติ
อารยธรรม อินเดีย จีน และวัฒนธรรมต่างชาติ
สไลด์ 1: หน้าปก
(รูปภาพ: รูปโลกที่มีเครื่องบินและเรือเดินทางเชื่อมต่อกัน และมีไอคอนรูปอาหาร, ตึก, เสื้อผ้า ลอยอยู่รอบๆ)
หัวข้อ: วัฒนธรรมข้ามโลก ในชีวิตประจำวันของเรา ข้อความ: เคยสงสัยไหมว่า... สิ่งที่เรากิน เราใส่ เราพูดกันทุกวันนี้ มาจากที่ไหนบ้างนะ?
สไลด์ 2: ประเทศไทย: ศูนย์กลางการแลกเปลี่ยน
(รูปภาพ: แผนที่ประเทศไทย มีลูกศรจากทวีปยุโรป, ตะวันออกกลาง, ญี่ปุ่น ชี้เข้ามา)
ข้อความ: ประเทศไทยเรามีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติตั้งแต่สมัยโบราณ ทำให้เราได้รับวัฒนธรรมดีๆ จากหลายที่ทั่วโลกเลย วันนี้เราจะไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง (ที่ไม่ใช่จากอินเดียและจีนนะ!)
สไลด์ 3: ตึกสไตล์ยุโรป
(รูปภาพ: พระที่นั่งอนันตสมาคม หรือ สถานีรถไฟหัวลำโพง)
หัวข้อ: ตึกฝรั่งในเมืองไทย ข้อความ: ในสมัยรัชกาลที่ 5 เราเริ่มรับสถาปัตยกรรมจากชาติตะวันตก (ยุโรป) เข้ามา จะมีลักษณะเด่นคือ โดมทรงกลม ซุ้มประตูหน้าต่างโค้งๆ สวยงามอลังการ เหมือนปราสาทในการ์ตูนเลย!
สไลด์ 4: ตึกสไตล์อิสลาม
(รูปภาพ: มัสยิดกลางประจำจังหวัดปัตตานี หรือมัสยิดสวยๆ)
หัวข้อ: ความงามจากตะวันออกกลาง ข้อความ: เรายังได้รับอิทธิพลจากศาสนาอิสลามผ่านการค้าขาย สถาปัตยกรรมแบบนี้จะเห็นได้จาก "มัสยิด" ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา มี ยอดโดมที่เป็นเอกลักษณ์ และ หอคอยสูง สำหรับประกาศเรียกให้คนมาสวดมนต์
สไลด์ 5: ขนมหวานจากโปรตุเกส
(รูปภาพ: ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง สีสันน่ากิน)
หัวข้อ: ขนมทองๆ ใครให้มา? ข้อความ: ขนมตระกูลทอง เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง มีต้นกำเนิดมาจาก ประเทศโปรตุเกส โดย "ท้าวทองกีบม้า" สตรีลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่นในสมัยอยุธยา เป็นคนนำสูตรการทำขนมโดยใช้ "ไข่แดง" มาสอนคนไทย จนกลายเป็นขนมมงคลของเรา
สไลด์ 6: อาหารจากชาติตะวันตกและญี่ปุ่น
(รูปภาพ: พิซซ่า, สเต๊ก, เฟรนช์ฟรายส์ และซูชิ วางรวมกัน)
หัวข้อ: เมนูโปรดของเด็กๆ ข้อความ: อาหารที่เราชอบกินกันมากๆ อย่าง พิซซ่า, แฮมเบอร์เกอร์, สลัด มาจากชาติตะวันตก ส่วน ซูชิ, ราเมน ก็มาจาก ประเทศญี่ปุ่น ตอนนี้กลายเป็นอาหารที่เราหากินได้ง่ายๆ ทั่วไปเลย
สไลด์ 7: เสื้อยืด กางเกงยีนส์
(รูปภาพ: เด็กๆ ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ กำลังวิ่งเล่น)
หัวข้อ: เสื้อผ้าในชีวิตประจำวัน ข้อความ: เสื้อผ้าที่เราใส่กันทุกวันนี้ เช่น เสื้อยืด, เสื้อเชิ้ต, กางเกง, กระโปรง, ชุดเดรส ล้วนได้รับอิทธิพลมาจาก ชาติตะวันตก ทั้งหมดเลย เป็นเสื้อผ้าที่ใส่สบาย คล่องตัว เหมาะกับชีวิตสมัยใหม่
สไลด์ 8: "ชุดสูท" ความเป็นทางการจากสากล
(รูปภาพ: คนใส่ชุดสูทดูเรียบร้อย)
ข้อความ: เวลาไปงานสำคัญๆ ผู้ชายมักจะใส่ "ชุดสูท" ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายที่เป็นทางการตามแบบสากล ที่เราได้รับมาจากวัฒนธรรมตะวันตกเช่นกัน
สไลด์ 9: คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ
(รูปภาพ: รูปคอมพิวเตอร์, ไอศกรีม, ฟุตบอล, โทรทัศน์ (ทีวี))
หัวข้อ: พูดอังกฤษคำไทยคำ! ข้อความ: มีคำภาษาอังกฤษมากมายที่เรายืมมาใช้จนคุ้นเคย เหมือนเป็นภาษาไทยไปแล้ว เช่น คอมพิวเตอร์, อินเทอร์เน็ต, ไอศกรีม, ทีวี, ฟุตบอล, แท็กซี่
สไลด์ 10: คำจากภาษาอื่นก็มีนะ
(รูปภาพ: สบู่ และ ดอกกุหลาบ)
ข้อความ:
สบู่: มาจากคำว่า "Sabão" (ซาเบา) ในภาษาโปรตุเกส
กุหลาบ: มาจากคำว่า "Gulab" (กุหลาบ) ในภาษาเปอร์เซีย (อิหร่าน) สุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ!
สไลด์ 11: ศาสนาคริสต์ และเทศกาลสนุกๆ
(รูปภาพ: ต้นคริสต์มาสที่มีของขวัญ และรูปหัวใจวันวาเลนไทน์)
ข้อความ: เราได้รับ ศาสนาคริสต์ มาจากชาติตะวันตก ทำให้เรารู้จักเทศกาลสนุกๆ อย่าง วันคริสต์มาส ที่มีการแลกของขวัญ หรือ วันวาเลนไทน์ ที่เรามอบความรักให้กัน
สไลด์ 12: ศาสนาอิสลาม
(รูปภาพ: สัญลักษณ์ "ฮาลาล" บนซองอาหาร)
ข้อความ: ศาสนาอิสลาม จากตะวันออกกลางก็เป็นอีกศาสนาที่สำคัญในไทย เราจะเห็นเพื่อนๆ หรือร้านอาหารมุสลิม และสังเกตเห็นเครื่องหมาย "ฮาลาล" บนอาหาร ซึ่งแปลว่าชาวมุสลิมทานได้อย่างสบายใจ
สไลด์ 13: ดนตรีสากล
(รูปภาพ: วงดนตรีสตริงที่มีกีตาร์, เบส, กลอง, คีย์บอร์ด)
หัวข้อ: จากระนาดเอก...สู่กีตาร์ไฟฟ้า! ข้อความ: ดนตรีที่เราฟังกันทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ใช้เครื่องดนตรีสากลจากตะวันตก เช่น กีตาร์, เปียโน, กลองชุด ทำให้เกิดเพลงแนว ป๊อป, ร็อก ที่สนุกสนานและแตกต่างจากดนตรีไทยเดิม
สไลด์ 14: การแสดงสมัยใหม่
(รูปภาพ: การเต้นบัลเลต์ หรือละครเวทีแบบตะวันตก)
ข้อความ: นอกจากการรำไทยสวยๆ แล้ว เรายังมีการแสดงแบบตะวันตก เช่น "บัลเลต์" ที่ต้องใช้ความแข็งแรงและอ่อนช้อย หรือ "ละครเวที" ที่มีการร้องเพลงและแสดงเหมือนในหนังเลย
สไลด์ 15: "นวนิยาย" การอ่านแบบใหม่
(รูปภาพ: ปกหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือนวนิยายชื่อดัง)
ข้อความ: การเขียนหนังสือเป็นเรื่องยาวๆ ที่เรียกว่า "นวนิยาย" และการพิมพ์หนังสือด้วยแท่นพิมพ์ ก็เป็นเทคโนโลยีที่เราได้รับมาจากตะวันตก ทำให้เรามีหนังสือสนุกๆ อ่านมากมาย
สไลด์ 16: สรุป: วัฒนธรรมคือการผสมผสาน
(รูปภาพ: "ตึกฝรั่งสวมชฎา" - พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท)
ข้อความ: ภาพนี้คือตัวอย่างที่เจ๋งที่สุด! พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ที่มีตัวตึกเป็นแบบยุโรป แต่หลังคาเป็นยอดปราสาทแบบไทย แสดงให้เห็นว่าเราสามารถนำวัฒนธรรมต่างชาติมาปรับใช้ให้เข้ากับของเราได้อย่างลงตัว
สไลด์ 17: ทำไมวัฒนธรรมถึงเดินทางได้?
(รูปภาพ: ไอคอนรูปเครื่องบิน, เรือ, อินเทอร์เน็ต)
ข้อความ: เพราะโลกเราเชื่อมถึงกันหมดแล้ว! ผ่าน...
การเดินทาง: ไปมาหาสู่กันง่ายขึ้น
การค้าขาย: แลกเปลี่ยนสินค้ากัน
อินเทอร์เน็ต: ทำให้เราเห็นวัฒนธรรมทั่วโลกได้แค่ปลายนิ้ว
สไลด์ 18: วัฒนธรรมทำให้โลกมีสีสัน
(รูปภาพ: เด็กๆ จากหลายเชื้อชาติจับมือกันเป็นวงกลม)
ข้อความ: การที่ประเทศไทยรับวัฒนธรรมดีๆ จากหลายที่ทั่วโลกมาปรับใช้ ทำให้ประเทศเรามีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร และมีสีสันน่าอยู่มากๆ เลย
สไลด์ 19: สรุปสั้นๆ
(รูปภาพ: รวมไอคอนเล็กๆ ของสิ่งที่เรียนไปวันนี้)
ข้อความ: เราได้รับวัฒนธรรมต่างชาติ (ที่ไม่ใช่อินเดีย-จีน) ในทุกเรื่องรอบตัวเราเลย
อาหาร: พิซซ่า, ขนมทองหยอด
เสื้อผ้า: เสื้อยืด, กางเกงยีนส์
ภาษา: คอมพิวเตอร์, ทีวี
ตึก: สไตล์ยุโรป, มัสยิด
ความเชื่อ: คริสต์มาส, วาเลนไทน์
สไลด์ 20: จบการนำเสนอ
ข้อความ: ขอบคุณครับ/ค่ะ! มีใครนึกออกอีกไหมว่ามีอะไรอีกบ้างที่เราได้รับมาจากต่างชาติ?
ที่ตั้ง/อาณาเขต คาบสมุทรอินโดจีน
ชุดสไลด์: "อินเดีย...อารยธรรมต้นทาง สู่ความเป็นไทย"
สไลด์ 1: หน้าปก
(รูปภาพ: รูปวาดครึ่งหนึ่งเป็นยักษ์ทศกัณฐ์ อีกครึ่งเป็นราชาทศกัณฐ์ของอินเดีย หรือรูปพระพิฆเนศวาดลายไทย)
หัวข้อ: อินเดีย...อารยธรรมต้นทาง สู่ความเป็นไทย
ข้อความ: รู้ไหมว่า... วัฒนธรรมไทยเท่ๆ หลายอย่าง มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนชมพูทวีป หรือ "ประเทศอินเดีย" นี่เอง!
สไลด์ 2: อินเดียมาเมืองไทยได้อย่างไร?
(รูปภาพ: แผนที่โบราณ มีเรือสำเภาล่องจากอินเดียมายังแหลมสุวรรณภูมิ)
ข้อความ:
เมื่อหลายพันปีก่อน ยังไม่มีเครื่องบิน พ่อค้าและนักบวชชาวอินเดียได้ล่องเรือสำเภามาค้าขายและเผยแผ่ศาสนา พวกเขานำความรู้และวัฒนธรรมดีๆ ติดเรือมาด้วย และนี่คือจุดเริ่มต้นเรื่องราวของเรา!
หมวดที่ 1: ศาสนาและความเชื่อ (รากฐานสำคัญ)
สไลด์ 3: ศาสนาพุทธ: ของขวัญจากอินเดีย
(รูปภาพ: พระพุทธรูปปางสมาธิแบบสุโขทัยที่งดงาม)
ข้อความ:
ศาสนาพุทธ ที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือ มีต้นกำเนิดที่ประเทศอินเดีย โดยพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ที่นั่น คำสอนต่างๆ และหลักปฏิบัติจึงเดินทางมาสู่ประเทศไทยและกลายเป็นศาสนาประจำชาติของเรา
สไลด์ 4: เทพเจ้าฮินดูที่คนไทยนับถือ
(รูปภาพ: ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ และ รูปปั้นพระพิฆเนศ)
ข้อความ:
นอกจากศาสนาพุทธ เรายังได้รับอิทธิพลจาก ศาสนาฮินดู ด้วยนะ เราจึงนับถือเทพเจ้าฮินดูหลายองค์ เช่น
พระพรหม: ขอพรให้สมหวัง
พระพิฆเนศ: เทพแห่งความสำเร็จและศิลปะ
พระนารายณ์ (พระวิษณุ): เทพผู้คุ้มครองรักษา
หมวดที่ 2: ภาษา (คำพูดของเรา)
สไลด์ 5: ภาษาสันสกฤตและบาลี
(รูปภาพ: ตัวอักษรเทวนาครีของอินเดีย และตัวอักษรไทย)
ข้อความ:
ภาษาไทยของเรายืมคำมาจากภาษาโบราณของอินเดีย คือ บาลี-สันสกฤต เยอะมาก! โดยเฉพาะคำที่เป็นทางการ คำในศาสนา และชื่อของคน
เช่น:
ท้องฟ้า ธรรมดาๆ เรียกว่า ฟ้า
ท้องฟ้า แบบเพราะๆ เรียกว่า นภา, อัมพร (มาจากสันสกฤต)
สไลด์ 6: ชื่อของเราก็มาจากอินเดีย!
(รูปภาพ: เด็กๆ ชี้ไปที่ป้ายชื่อของตัวเอง)
ข้อความ:
ชื่อของคนไทยและสถานที่หลายแห่งมีความหมายดีๆ ที่มาจากภาษาสันสกฤต เช่น
ชัย (Chai) มาจาก ชย (Jaya) แปลว่า "ชัยชนะ"
พัฒนา (Pattana) มาจาก วรรธนะ (Vardhana) แปลว่า "ความเจริญ"
กรุงเทพมหานคร ชื่อเต็มๆ ก็มีแต่คำบาลี-สันสกฤตทั้งนั้นเลย!
หมวดที่ 3: วรรณกรรม (เรื่องเล่าสุดอลังการ)
สไลด์ 7: รามายณะ สู่ รามเกียรติ์
(รูปภาพ: เปรียบเทียบภาพวาด "พระราม-นางสีดา" ของอินเดีย กับ "พระราม-นางสีดา" ของไทย)
ข้อความ:
วรรณคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอินเดียคือ "รามายณะ" เมื่อมาถึงเมืองไทย เราได้นำมาปรับปรุงให้เป็นสไตล์ของเราเองในชื่อ "รามเกียรติ์" เรื่องราวการต่อสู้ของพระรามกับทศกัณฐ์ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
สไลด์ 8: หนุมาน ซูเปอร์ลิง!
(รูปภาพ: หนุมานเผากรุงลงกา จากจิตรกรรมฝาผนังวัดพระแก้ว)
ข้อความ:
"หนุมาน" ทหารเอกของพระราม ก็เป็นตัวละครที่มาจากเรื่องรามายณะเหมือนกัน ด้วยความเก่งกล้าและมีอิทธิฤทธิ์มากมาย ทำให้หนุมานกลายเป็นฮีโร่ในใจของเด็กๆ ทั้งชาวไทยและชาวอินเดียเลย
หมวดที่ 4: นาฏศิลป์ (การแสดงสุดอ่อนช้อย)
สไลด์ 9: "โขน" รามเกียรติ์มีชีวิต
(รูปภาพ: นักแสดงโขนในชุดเต็มยศ กำลังตั้งท่ารำ)
ข้อความ:
เมื่อมีเรื่องรามเกียรติ์แล้ว เราก็ต้องมีการแสดง! "โขน" คือสุดยอดนาฏศิลป์ไทยที่ใช้เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ทั้งท่ารำที่สง่างาม หัวโขนที่สวยงามอลังการ ล้วนได้รับแรงบันดาลใจมาจากอินเดีย
สไลด์ 10: ท่ารำงามๆ
(รูปภาพ: เปรียบเทียบ "มุทรา" (การจีบนิ้ว) ของอินเดีย กับ "นาฏยศัพท์" (การจีบ) ของไทย)
ข้อความ:
ท่ารำที่สวยงามและมีความหมายต่างๆ ของไทย มีรากฐานมาจาก "ภรตนาฏยัม" ซึ่งเป็นการรำของอินเดีย เราได้นำมาดัดแปลงให้มีความอ่อนช้อยงดงามในแบบของเราเอง
หมวดที่ 5: สถาปัตยกรรม (ศิลปะบนสิ่งก่อสร้าง)
สไลด์ 11: เจดีย์ และ ปรางค์
(รูปภาพ: พระปฐมเจดีย์ และ พระปรางค์วัดอรุณฯ)
ข้อความ:
เจดีย์ทรงระฆังคว่ำ แบบที่เราเห็นทั่วไป ได้รับอิทธิพลมาจาก "สถูป" ของอินเดีย
พระปรางค์ ที่มียอดสูงๆ แหลมๆ ก็พัฒนามาจากสถาปัตยกรรมของวัดฮินดูในอินเดียเช่นกัน
สไลด์ 12: หน้าบันวัด
(รูปภาพ: หน้าบันรูปพระนารายณ์ทรงครุฑที่วัด)
ข้อความ:
เคยสังเกตไหมว่าหน้าจั่วของโบสถ์หรือวิหารในวัด มักจะมีรูปเทพเจ้าฮินดูอยู่ด้วย? ที่เห็นบ่อยที่สุดคือ พระนารายณ์ทรงครุฑ ซึ่งเป็นความเชื่อว่าท่านจะคอยปกป้องคุ้มครองศาสนาพุทธ
หมวดที่ 6: การแต่งกาย
สไลด์ 13: "โจงกระเบน" จาก "โธตี"
(รูปภาพ: ชายอินเดียใส่ "โธตี" เทียบกับชายไทยนุ่ง "โจงกระเบน")
ข้อความ:
การนุ่งผ้าแบบ "โจงกระเบน" ของไทยในสมัยก่อน ได้รับอิทธิพลมาจากการนุ่ง "โธตี" (Dhoti) ของชาวอินเดีย ซึ่งเป็นการนุ่งผ้าชิ้นเดียวที่คล่องตัว เหมาะกับอากาศร้อน
สไลด์ 14: "สไบ" จาก "ส่าหรี"
(รูปภาพ: หญิงอินเดียใส่ "ส่าหรี" เทียบกับหญิงไทยห่ม "สไบ")
ข้อความ:
การห่ม "สไบ" ของหญิงไทย ก็มีความคล้ายคลึงกับผ้าส่วนที่พาดบ่าของชุด "ส่าหรี" (Sari) ของอินเดีย ซึ่งเป็นการแต่งกายที่ดูสุภาพและสวยงาม
หมวดที่ 7: อาหาร (รสชาติที่คุ้นเคย)
สไลด์ 15: "โรตี" อร่อยข้ามชาติ
(รูปภาพ: พ่อค้ากำลังทำโรตีอย่างคล่องแคล่ว)
ข้อความ:
ของอร่อยที่เห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บ! "โรตี" ทั้งชื่อและตัวอาหาร มาจากอินเดียโดยตรงเลย เป็นแป้งแผ่นบางๆ ที่คนอินเดียกินกับแกง แต่คนไทยเราชอบแบบใส่ไข่ ใส่นม ใส่น้ำตาล อร่อยไปอีกแบบ!
สไลด์ 16: "แกง" และเครื่องเทศ
(รูปภาพ: เครื่องเทศหลากสีสันของอินเดีย และแกงมัสมั่นของไทย)
ข้อความ:
วัฒนธรรมการใช้ "เครื่องเทศ" หลายๆ ชนิดมาผสมกันเพื่อทำ "แกง" (Curry) ให้มีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น ก็เป็นสิ่งที่เราได้รับมาจากอินเดีย ทำให้ครัวไทยมีสีสันและรสชาติที่จัดจ้าน
สไลด์ 17: สรุปรวมมิตร "อินเดียในไทย"
(รูปภาพ: Mind Map ตรงกลางเขียนว่า "อินเดีย" แล้วโยงออกมาเป็นไอคอนรูป โขน, เจดีย์, โรตี, โจงกระเบน, ตัวอักษร, พนมมือ)
ข้อความ:
เราจะเห็น "อินเดีย" อยู่ในทุกส่วนของวัฒนธรรมไทย ตั้งแต่ความเชื่อ, ภาษา, เรื่องเล่า, การแสดง, เสื้อผ้า, ไปจนถึงอาหารเลยทีเดียว!
สไลด์ 18: ผสมผสานจนเป็น "ไทย"
(รูปภาพ: ภาพวาดลายเส้นที่สวยงาม แสดงการผสมผสานของวัฒนธรรม)
ข้อความ:
ถึงแม้เราจะได้รับอิทธิพลจากอินเดียมาเยอะ แต่บรรพบุรุษของเราก็เก่งมากๆ ที่นำสิ่งเหล่านั้นมาปรับปรุง ดัดแปลง และพัฒนาจนกลายเป็น "เอกลักษณ์ความเป็นไทย" ที่ไม่เหมือนใครในโลก
สไลด์ 19: เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ของเรา
(รูปภาพ: เด็กไทยไหว้ขอบคุณเงาของแผนที่ประเทศอินเดีย)
ข้อความ:
วัฒนธรรมอินเดียจึงเปรียบเสมือน "ญาติผู้ใหญ่" ที่มอบสิ่งดีๆ ให้เรามากมาย การเรียนรู้เรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจรากเหง้าของความเป็นไทย และภูมิใจในวัฒนธรรมของเรามากยิ่งขึ้น
สไลด์ 20: จบการนำเสนอ
ข้อความ:
ขอบคุณครับ/ค่ะ!
มีคำถามอะไรไหมเอ่ย?
ชุดสไลด์: "ตามรอยมังกร...ในวัฒนธรรมไทย" (ไม่เกิน 20 สไลด์)
สไลด์ 1: หน้าปก
(รูปภาพ: รูปวาดมังกรจีนโอบล้อมเจดีย์แบบไทย หรือเด็กไทยเชื้อสายจีนกำลังไหว้เจ้า)
หัวข้อ: ตามรอยมังกร...ในวัฒนธรรมไทย
ข้อความ: "สวัสดี" หรือ "หนีห่าว"! เคยสังเกตไหมว่ารอบๆ ตัวเรามีวัฒนธรรมจากประเทศจีนซ่อนอยู่เต็มไปหมดเลยนะ!
สไลด์ 2: ชาวจีนมาเมืองไทยได้อย่างไร?
(รูปภาพ: เรือสำเภาจีนขนาดใหญ่กำลังล่องทะเลมายังประเทศไทย)
ข้อความ:
ชาวจีนเป็นนักเดินทางและพ่อค้าที่เก่งมากๆ ตั้งแต่สมัยโบราณ พวกเขาได้ล่องเรือสำเภาลำใหญ่ ขนสินค้าอย่างผ้าไหมและถ้วยชามมาค้าขายกับคนไทย และหลายคนก็ได้ตั้งรกราก แต่งงานกับคนไทย จนกลายเป็น "คนไทยเชื้อสายจีน"
หมวดที่ 1: อาหาร (อร่อยถูกปาก!)
สไลด์ 3: ก๋วยเตี๋ยว: เมนูเส้นมหัศจรรย์
(รูปภาพ: ชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ น่ากิน มีตะเกียบวางอยู่)
ข้อความ:
เมนูโปรดของใครหลายคน! "ก๋วยเตี๋ยว" ทั้งชื่อและอาหาร มาจากประเทศจีนเต็มๆ เลย คำว่า "ก๋วยเตี๋ยว" เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่า "แถบข้าวสุก" ปัจจุบันคนไทยนำมาปรับปรุงรสชาติจนมีหลากหลายแบบ ทั้งต้มยำ น้ำตก เย็นตาโฟ
สไลด์ 4: ติ่มซำ และอาหารเช้า
(รูปภาพ: เข่งติ่มซำที่มีขนมจีบ ซาลาเปา ฮะเก๋า และปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้)
ข้อความ:
ติ่มซำ: ขนมจีบ ซาลาเปา ฮะเก๋า ของว่างคำเล็กๆ ที่อร่อยมากๆ
ปาท่องโก๋ / น้ำเต้าหู้: อาหารเช้ายอดฮิต ก็มาจากวัฒนธรรมจีนเหมือนกันนะ
บะหมี่, เกี๊ยว: เมนูเส้นและแผ่นแป้งห่อไส้แสนอร่อย
หมวดที่ 2: ภาษา (คำที่เราใช้กัน)
สไลด์ 5: คำยืมจากภาษาจีน
(รูปภาพ: รูปเก้าอี้, โต๊ะ, กรรไกร, ตะหลิว)
ข้อความ:
เรายืมคำภาษาจีนมาใช้ในชีวิตประจำวันเยอะมาก โดยเฉพาะของใช้ในบ้านและอาหาร
เช่น:
เก้าอี้ (มาจากคำว่า เกาอี้)
โต๊ะ (มาจากคำว่า ต๊ะ)
กรรไกร, ตะหลิว, กุยช่าย, โอเลี้ยง
สไลด์ 6: "แซ่" คือนามสกุลแบบจีน
(รูปภาพ: ตัวอักษรจีนคำว่า "แซ่" (姓))
ข้อความ:
คนไทยเชื้อสายจีนจะมี "แซ่" ซึ่งก็คือนามสกุลของครอบครัวที่สืบทอดกันมา เช่น แซ่ตั้ง, แซ่ลิ้ม, แซ่เบ๊ การมีแซ่ทำให้รู้ว่าเรามาจากครอบครัวไหน เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของวงศ์ตระกูล
หมวดที่ 3: ศาสนาและความเชื่อ
สไลด์ 7: เทศกาลตรุษจีนและเชงเม้ง
(รูปภาพ: เด็กๆ ได้รับอั่งเปาในวันตรุษจีน และครอบครัวกำลังไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน)
ข้อความ:
ตรุษจีน: วันขึ้นปีใหม่ของจีน มีการไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ แจกอั่งเปา และใส่เสื้อผ้าสีแดงสดใส
เชงเม้ง: วันที่ลูกหลานจะไปรวมตัวกันเพื่อทำความสะอาดและไหว้หลุมศพของบรรพบุรุษ แสดงถึงความกตัญญู
สไลด์ 8: ศาลเจ้าและเจ้าแม่กวนอิม
(รูปภาพ: ศาลเจ้าจีนที่มีมังกรประดับ และรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่งดงาม)
ข้อความ:
เราจะเห็น "ศาลเจ้า" สไตล์จีนที่มีสีแดงและรูปปั้นมังกรอยู่ทั่วประเทศ เป็นสถานที่ที่คนไปไหว้เทพเจ้าเพื่อขอพร และคนไทยจำนวนมากก็นับถือ "เจ้าแม่กวนอิม" เทพแห่งความเมตตาด้วยนะ
หมวดที่ 4: สถาปัตยกรรม (สิ่งก่อสร้าง)
สไลด์ 9: วัดและศาลเจ้าสไตล์จีน
(รูปภาพ: วัดเล่งเน่ยยี่ หรือศาลเจ้าสวยๆ ที่มีหลังคามุงกระเบื้องโค้งงอน)
ข้อความ:
สถาปัตยกรรมแบบจีนจะสังเกตง่ายๆ จาก
หลังคาโค้งงอน: ปลายหลังคาจะงอนขึ้นเหมือนหางปลา
สีแดงและสีทอง: เป็นสีมงคลของชาวจีน
รูปปั้นมังกร, สิงโต: สัตว์มงคลที่คอยปกป้องสถานที่
สไลด์ 10: บ้านเรือนและตึกแถว
(รูปภาพ: ตึกแถวสไตล์ชิโน-โปรตุกีสที่ภูเก็ต หรือบ้านไม้แบบจีนโบราณ)
ข้อความ:
ตามย่านการค้าเก่าๆ เราจะเห็น "ตึกแถว" ที่เป็นทั้งร้านค้าและที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นรูปแบบการสร้างบ้านที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวจีนที่มาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำการค้า
หมวดที่ 5: นาฏศิลป์และการแสดง
สไลด์ 11: การเชิดสิงโตและมังกร
(รูปภาพ: คณะเชิดสิงโตและมังกรในขบวนแห่เทศกาลตรุษจีน)
ข้อความ:
ในช่วงเทศกาลสำคัญ เรามักจะเห็นการแสดงที่สนุกสนานและตื่นเต้นอย่าง "การเชิดสิงโต" และ "การเชิดมังกร" เชื่อกันว่าจะนำความเป็นสิริมงคลและโชคดีมาให้
สไลด์ 12: "งิ้ว" ละครร้องของจีน
(รูปภาพ: นักแสดงงิ้วที่แต่งหน้าเป็นเอกลักษณ์และใส่ชุดอลังการ)
ข้อความ:
"งิ้ว" คือละครเพลงของจีน มีการแต่งหน้าที่เป็นสัญลักษณ์บอกนิสัยตัวละคร และเสื้อผ้าที่สวยงามอลังการ ถึงแม้เราจะฟังไม่เข้าใจ แต่ก็ดูสนุกและเพลินตามากๆ เลย
หมวดที่ 6: วรรณกรรม
สไลด์ 13: "สามก๊ก" สุดยอดวรรณกรรม
(รูปภาพ: รูปวาดตัวละครสามก๊ก เช่น เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย)
ข้อความ:
วรรณกรรมจีนที่โด่งดังที่สุดในเมืองไทยคือ "สามก๊ก" เป็นเรื่องราวการต่อสู้แย่งชิงอำนาจที่เต็มไปด้วยกลยุทธ์และตัวละครที่น่าจดจำ ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เลยทีเดียว
หมวดที่ 7: การแต่งกาย
สไลด์ 14: เสื้อคอจีน และ กี่เพ้า
(รูปภาพ: ผู้ชายใส่เสื้อคอจีนสีแดง และผู้หญิงใส่ชุดกี่เพ้าสวยงาม)
ข้อความ:
เสื้อคอจีน: เสื้อที่มีลักษณะคอตั้งตรง เป็นที่นิยมและดูสุภาพ
ชุดกี่เพ้า: ชุดเดรสเข้ารูปของสตรีจีน สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ เรามักจะเห็นคนใส่กันในช่วงเทศกาลตรุษจีน
สไลด์ 15: สรุปรวมมิตร "จีนในไทย"
(รูปภาพ: Mind Map ตรงกลางเขียนว่า "จีน" แล้วโยงออกมาเป็นไอคอนรูป ก๋วยเตี๋ยว, อั่งเปา, สิงโต, วัดจีน, กี่เพ้า, แซ่)
ข้อความ:
วัฒนธรรมจีนผสมผสานอยู่ในวิถีชีวิตคนไทยอย่างลงตัว ตั้งแต่อาหารการกิน, คำพูด, เทศกาล, ไปจนถึงการแสดงเลย!
สไลด์ 16: ผสมผสานอย่างกลมกลืน
(รูปภาพ: ครอบครัวใหญ่ที่มีทั้งคนหน้าตาแบบไทยและแบบจีนกำลังกินข้าวพร้อมหน้ากันอย่างมีความสุข)
ข้อความ:
คนไทยและคนจีนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน จนแยกกันแทบไม่ออก กลายเป็น "วัฒนธรรมไทย" ที่หลากหลายและมีเสน่ห์
สไลด์ 17: เครื่องปั้นดินเผาและลายคราม
(รูปภาพ: ถ้วยชามเบญจรงค์และเครื่องลายครามสวยๆ)
ข้อความ:
รู้หรือไม่? เทคนิคการทำ เครื่องปั้นดินเผา เคลือบสีสวยๆ อย่าง เครื่องสังคโลก หรือ เครื่องเบญจรงค์ ของไทย ก็ได้รับแรงบันดาลใจและเทคโนโลยีมาจากประเทศจีนเช่นกัน
สไลด์ 18: เราคือพี่น้องกัน
(รูปภาพ: เด็กไทยกับเด็กจีนจับมือกัน โดยมีฉากหลังเป็นแผนที่ประเทศไทยและจีน)
ข้อความ:
คนไทยมักจะพูดว่า "ไทยจีนใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" ซึ่งหมายความว่าเรามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและผูกพันกันมาอย่างยาวนาน
สไลด์ 19: ลองสังเกตรอบตัวสิ!
(รูปภาพ: เด็กๆ กำลังมองไปรอบๆ ตัวอย่างสงสัย มีเครื่องหมายคำถามลอยอยู่)
ข้อความ:
หลังจากนี้ ลองสังเกตดูสิว่าในหนึ่งวัน เราเจอวัฒนธรรมจีนอะไรบ้าง? ตั้งแต่ตื่นเช้า กินข้าว ไปโรงเรียน อาจจะเจอเยอะกว่าที่คิดนะ!
สไลด์ 20: จบการนำเสนอ
ข้อความ:
ขอบคุณครับ/ค่ะ (เซี่ย เซี่ย!)
มีใครอยากถามอะไรไหมเอ่ย?