เนื่องจากระบบและขั้นตอนการเข้ารับทำงาน นายจ้างกำหนดให้ลูกจ้างต้องทดลองงานเป็นระยะเวลาประมาณ 3 - 4 เดือน ก่อนดำเนินการบรรจุเข้าเป็นพนักงาน แต่ด้วยข้อบังคับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 30 ทำให้ลูกจ้างเมื่อได้รับการบรรจุเข้าทำงาน ก็อาจได้รับสิทธิวันหยุดพักผ่อนเพียงไม่กี่วัน โดยต้องทำงานให้ครบ1 ปีถึงจะได้สิทธิการลาหยุดพักผ่อน 6 วันทำงาน/ปี ถือเป็นระยะเวลาการหยุดพักผ่อนที่น้อยมากหากเทียบกับอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 132 “Holidays with Pay Convention (Revised), 1970 (No. 132)” หรือ อนุสัญญาว่าด้วยวันหยุดประจำปีที่ได้รับเงินค่าจ้าง (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ค.ศ. 1970 ที่กำหนดให้แรงงานได้รับวันหยุดพักผ่อนรวมแล้วไม่น้อยกว่าสามสัปดาห์ในแต่ละปี โดยมีประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมอนุสัญญาทั้งสิ้น 38 ประเทศ ดังนี้ อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน เบลารุส เบลเยียม บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา บราซิล บูร์กินาฟาโซ แคเมอรูน ชาด โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก ฟินแลนด์ เยอรมนี กินี ฮังการี อิรัก ไอร์แลนด์ อิตาลี เคนยา ลัตเวีย ลักเซมเบิร์ก มาดากัสการ์ มอลตา มอนเตเนโกร มาซิโดเนียเหนือ นอร์เวย์ โปรตุเกส มอลโดวา รัสเซีย รวันดา เซอร์เบีย สโลวีเนีย สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ยูเครน อุรุกวัย และเยเมน
แม้ว่าประเทศไทยจะมีวันหยุดราชการ (รวมวันหยุดประจำภูมิภาค) ในปี 2564 รวมกัน 24 วัน แต่สำหรับการดำเนินธุรกิจในภาคเอกชนอาจไม่อนุญาตให้ลูกจ้างได้รับวันหยุดตามที่รัฐบาลกำหนด พบว่าข้าราชการหรือลูกจ้างในหน่วยงานราชการได้รับวันหยุดตามที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการ แต่ลูกจ้างหรือพนักงานในภาคเอกชน
กลับต้องทำงานในวันหยุดที่รัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดราชการนั้น หรือหากได้รับวันหยุดเช่นเดียวกันทั้งประเทศ เช่น วันปีใหม่ วันสงกรานต์ วันพ่อ และวันแม่ แต่ก็พบปัญหาในเรื่องของความหนาแน่นทางการคมนาคมและการท่องเที่ยว ทั้งในระบบขนส่งสาธารณะ ความพร้อมของถนน และสถานท่องเที่ยว จากการที่ประชาชนทั้งประเทศหยุดพร้อมกันทำให้วันหยุดราชการในสภาพความเป็นจริงนั้น ประชาชนไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างแท้จริง เพราะการที่ต้องช่วงชิงการใช้ประโยชน์จากการบริการต่าง ๆ ในช่วงวันหยุด ส่งผลให้หลังจากพ้นช่วงวันหยุด ประชาชนกลับรู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าที่จะรู้สึกผ่อนคลาย
ทั้งนี้ การลาหยุดพักผ่อนนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกับวันหยุดราชการ เพราะการลาหยุดพักผ่อนคือการตัดสินใจเลือกระยะเวลาในการหยุดพักผ่อนโดยตัวลูกจ้างเอง ในขณะที่วันหยุดราชการคือการบังคับหยุด ทำให้จุดประสงค์ของการใช้วันหยุดของแต่ละประเภทแตกต่างกันไป โดยการลาหยุดลาพักผ่อนประจำปี มักเป็นการหยุดที่ลูกจ้างใช้เพื่อพักผ่อน
จากการทำงาน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดปัญหาภาวะเสี่ยงทางด้านสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายจากความเครียดในการทำงานได้ ในขณะที่วันหยุดราชการคือการหยุดตามช่วงเทศกาลในแต่ละปี ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความต้องการที่จะหยุดพักเพื่อพักผ่อนจากการทำงานแต่อย่างใด
แก้ไขเพิ่มเติมให้ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันมาแล้วครบ 120 วัน มีสิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 10 วันทำงาน และกำหนดให้ในปีต่อมา นายจ้างอาจกำหนดวันลาหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้างมากกว่า 10 วันก็ได้ และนายจ้างอาจกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้างโดยคำนวณให้ตามส่วนก็ได้สำหรับลูกจ้างซึ่งยังทำงานไม่ครบ 120 วัน
เพื่อให้แรงงานไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการได้รับสิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปีเพิ่มขึ้นและเร็วขึ้น คือได้รับทันทีหลังจากช่วงทดลองงานเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 วัน ซึ่งการลาหยุดประเภทนี้เป็นการลาหยุดโดยสมัครใจของลูกจ้าง อันจะเป็นผลดีต่อสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงานของลูกจ้าง จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
• คนงานทุกกลุ่ม
มาตรา 30 ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันมาแล้วครบหนึ่งร้อยยี่สิบวัน มีสิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีหนึ่งไม่น้อยกว่าสิบวันทำงาน และนายจ้างเป็นผู้กำหนดวันหยุดดังกล่าวให้แก่ลูกจ้างล่วงหน้าหรือกำหนดให้ตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน
ในปีต่อมานายจ้างอาจกำหนดวันลาหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้างมากกว่าสิบวันก็ได้
นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้าให้สะสมและเลื่อนวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ยังมิได้หยุดในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อ ๆ ไปได้
สำหรับลูกจ้างซึ่งยังทำงานไม่ครบหนึ่งร้อยยี่สิบวัน นายจ้างอาจกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้างโดยคำนวณให้ตามส่วนก็ได้