ภาวะหมดไฟในการทำงาน
(Burnout Syndrome Symptoms)
(Burnout Syndrome Symptoms)
ภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือ Burnout Syndrome Symptoms ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโรคใหม่จากองค์กรอนามัยโลก (WHO) ซึ่งโรคนี้เกิดจากที่บุคคลนั้นได้รับแรงกดดันจากที่ทำงานมาเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นความเครียดอย่างต่อเนื่อง และเริ่มแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมและความผิดปกติของร่างกาย เช่น อาการนอนไม่หลับ เบื่อหน่าย เหนื่อยล้า หมดเรี่ยวแรง หงุดหงิดง่าย มองตัวเองในแง่ลบ และอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของการทำงานลดลง ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน อาจไปจนถึงขั้นอยากที่จะลาออกจากงาน
สัญญาณเตือนภัยเมื่อก้าวเข้าสู่ภาวะหมดไฟในการทำงาน
สามารถสังเกตได้ 3 ด้านคือ
1. ด้านอารมณ์ : ซึมเศร้า หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน ไม่พอใจกับงาน เบื่อหน่าย
2. ด้านความคิด : มองโลกในแง่ลบ โทษคนอื่น หนีปัญหา ไม่มั่นใจในตนเอง
3. ด้านพฤติกรรม : ไม่มีสมาธิในการทำงาน ขี้เกียจทำงาน จัดการงานที่มีไม่ได้ ร้อนรนใจ
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหมดไฟมีได้หลากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่สามารถสรุปออกมาได้มีดังนี้
1. ปริมาณงานที่มากเกินไป ซับซ้อนและเร่งรีบ จนไม่สามารถทำให้เสร็จได้ทันเวลา
2. งานที่ได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่า
3. การทำงานโดยที่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของผู้อื่น ไม่สามารถตัดสินใจทำสิ่งใดเองได้
4. ระบบการทำงานไม่มีความยุติธรรม โดนเอาเปรียบ ขาดความเชื่อใจกับเพื่อนร่วมงาน
5. รู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งกับทีม แปลกแยก แตกต่าง ไร้ตัวตน
6. งานที่ทำโดยไม่มีความภาคภูมิใจ ทำงานที่ไม่ได้รับคุณค่าใด ๆ
อาการของภาวะหมดไฟ จะเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามระยะของโรค โดย Miller & Smith,1993 ได้แบ่งระยะไว้ดังนี้
1. ระยะฮันนีมูน (the honeymoon) เป็นช่วงเริ่มงาน ที่บุคคลจะมีความตั้งใจทำงานและทุ่มเท เสียสละทุกอย่างเพื่องานและองค์กร
2. ระยะรู้สึกตัว (the awakening) เวลาเริ่มผ่านไป บุคคลจะรู้สึกได้ว่างานไม่ตอบสนองกับความต้องการของตัวเอง รู้สึกว่าเริ่มเดินทางผิดพลาดและจัดการกับความคับข้องใจไม่ได้
3. ระยะไฟตก (brownout) เหนื่อยล้าเรื้อรัง อารมณ์แปรปรวน มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปในด้านที่แย่ลง ส่งผลไปจนถึงประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลงเรื่อย ๆ
4. ระยะหมดไฟเต็มที่ (full scale of burnout) หากในระยะไฟตกไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี จะทำให้บุคคลสิ้นหวังอย่างสุดขีด สูญเสียตัวตนของตัวเอง ไม่มั่นใจในการใช้ชีวิตต่อ
5. ระยะฟื้นตัว (the phoenix phenomenon) หากบุคคลได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีและมีโอกาสได้ผ่อนคลาย จะสามารถกลับมาเป็นคนเดิมได้ ปรับเปลี่ยนความคิด ความคาดหวังของตัวเองให้ตรงกับความเป็นจริง และเริ่มสร้างเป้าหมายใจการทำงานให้ตัวเอง
วิธีจัดการกับตัวเองเมื่อมีภาวะหมดไฟในการทำงาน
การค้นหาเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต
หาเป้าหมายที่ทำรู้สึกกระตือรือร้นในการใช้ชีวิต หรือที่รู้จักกันว่า Passion ซึ่งเป้าหมายนี้จะต้องเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการ จริง ๆ เมื่อรู้ว่าต้องการอะไร ก็จะทำให้สามารถไปถึงจุดหมายได้ เป้าหมายในชีวิตนั้นเกิดจากการที่ตัวเองต้องเชื่อว่าชีวิตของเรานั้นสำคัญ เมื่อต้นพบเป้าหมายและทำได้สำเร็จ เราจะรู้สึกถึงคุณค่าของการมีชีวิตต่อไป
สิ่งสำคัญในการเลือกเป้าหมายในชีวิตคือ ความเชื่อ เชื่อว่าตัวเองทำได้ ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงจากภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้เข้ามา แต่ภายในจิตใจของเรานั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเราเชื่อ และมีความหวังว่าเราจะทำสำเร็จ
การค้นหาเป้าหมายสำหรับผู้ที่มีภาวะหมดไฟนั้นมี 2 ทางเลือก คือ จะสู้หรือจะหนี จะสู้ทนกับการทำงานต่อไป หรือเลือกที่จะหนีออกมาจากตรงนั้น ไม่สำคัญเท่าเราต้องเคารพในการตัดสินใจของตัวเอง อย่าระแคะระคายกับทางเลือกที่ตัวเองเลือก ในท้ายที่สุดแล้วเราก็จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองเสมอ
วางแผนชีวิตตามเป้าหมายที่เลือก
เมื่อเลือกเป้าหมายได้แล้ว เราก็ต้องวางเส้นทางเดินต่อไปให้กับตัวเองอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อที่เราจะได้เดินตามทางเดินที่เราได้วางแผนไว้ล่วงหน้า แต่หากเราไม่สามารถวางแผนชีวิตต่อไปได้ ให้ลองกลับมาคิดดูว่าควรล้มเลิกเป้าหมายนั้นหรือไม่ เพราะชีวิตที่ไม่มีทิศทางกำหนดนั้นอาจทำให้เราเดินไปผิดทางจนสูญเสียเป้าหมายที่แท้จริงไปได้
อยู่กับปัจจุบันอย่างมีความสุข
มนุษย์นั้นมีเสรีภาพเป็นของตัวเอง มีกฎเกณฑ์และความหมายของชีวิตที่สามารถตั้งขึ้นได้เอง ดังนั้นไม่ว่าเราจะเลือกเดินทางไหน เราก็ควรภูมิใจกับสิ่งที่เราเลือก ซึ่งวิธีการอยู่กับปัจจุบันอย่างมีความสุขตามคำแนะนำขององค์กรอนามัยโลกคือ
จัดการกับตัวเอง นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ มีการผ่อนคลายอารมณ์ด้วยกิจกรรมที่ชื่นชอบ เมื่อรู้สึกเศร้า เหนื่อย หรืออาการรุนแรงขึ้น ให้พูดคุยหรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
จัดการกับสิ่งแวดล้อมในการทำงาน ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมในการทำงานให้ดีขึ้น ซึ่งทั้งนี้อาจต้องอาศัยวิศัยทัศน์และนโยบาลของผู้บริหารองค์กร ให้สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับพนักงาน
ดูแลสุขภาพ หันกลับมาดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองบ้าง ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่างสม่ำเสมอ เพราะหากสุขภาพร่างกายย่ำแย่ ก็จะส่งผลไปถึงความเครียด
ทำงานแค่พอดี ทำงานในปริมาณที่เหมาะสม ในระดับที่เราสามารถรับได้ ร่างกายของมนุษย์มีเนื้อหนัง มีความรู้สึกเหนื่อยล้า หัวหน้างานหรือผู้สั่งงานควรเข้าใจในจุดนี้ให้มากที่สุด ตัวบุคคลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวคนเดียว อาจมีวิธีในการปรึกษากับผู้สั่งงานเพื่อแก้ปัญหา ไม่เช่นนั้น ปัญหาจะยังคงอยู่เรื้อรัง และส่งผลเสียมากขึ้นเรื่อย ๆ
สุดท้าย สิ่งทำคัญที่เป็นต้นเหตุให้เกิดภาวะหมดไฟก็คือ ความเครียด สามารถอ่านเนื้อหาความเครียดและวิธีจัดการกับความเครียดได้ที่นี้
หากคุณกำลังสงสัยว่าตัวเองกำลังเป็นภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือมีอาการเข้าข่ายบางอย่าง อย่าได้นิ่งนอนใจ ควรปรึกษากับจิตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้รับการรักษาได้อย่างถูกวิธีและทันท่วงที
สนใจเข้ารับบริการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : Burnout Syndrome ภาวะหมดไฟในการทํางาน - ThaiJo , BURNOUT SYNDROME อย่ารอให้หมดไฟในการทำงาน