ความเครียดคืออะไร
ความเครียดคือกลไกตามธรรมชาติของมนุษย์ จะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลรู้สึกไม่สบายใจ กังวลใจ หรือตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดหวังไว้และไม่สามารถควบคุมได้ หากบุคคลได้รับความเครียดอย่างเหมาะสม จะทำได้เกิดการเรียนรู้และเติบโต แต่หากได้รับมากเกินไปก็จะส่งผลเสียได้ บางคนอาจมีวิธีผ่อนคลายความเครียดให้กับตัวเอง แต่บางคนอาจจมอยู่กับความเครียดจนส่งผลกระทบต่าง ๆ มากมาย ดังนั้นบุคคลจึงควรทำความรู้จักกับความเครียด จะได้เรียนรู้และปรับตัวเพื่อที่จะได้รับมือกับความเครียดได้อย่างถูกวิธี
สัญญาณของความเครียด สามารถออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 Cognitive Symptoms ความเครียดจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง เช่น สมาธิสั้นลง ขี้ลืม คิดช้าลง เกิดความกังวลในความสามารถของตนเอง การคิดแก้ไขปัญหาช้าลง
กลุ่มที่ 2 Emotional Symptoms ความเครียดที่ส่งผลต่ออารมณ์ ทำให้อารมณ์แปรปรวน เศร้าง่าย หงุดหงิดง่าย รู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว อาจเกิดการแยกตัวออกจากสังคม ทำให้เป็นซึมเศร้าได้ง่ายอีกด้วย
กลุ่มที่ 3 Physical Symptoms สัญญาณเตือนที่ชัดเจนที่สุด ผู้ที่มีความเครียดส่วนใหญ่จะมีอาการ ผมร่วง ปวดหัว หนังตากระตุก หิวบ่อย คลื่นไส้อาเจียน ระบบขับถ่ายมีปัญหา ความต้องการทางเพศลดลง หรืออื่น ๆ ที่เป็นอาการผิดปกติของร่างกาย
กลุ่มที่ 4 Behavioral Symptoms พฤติกรรมที่แสดงออกมาจากความเครียด เช่น สูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด ดื่มแอลกอฮอล์ แยกตัวออกจากสังคม นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย
ความเครียด แบ่งออกได้อีก 3 ประเภทหลัก ๆ คือ
1. Acute stress คือ ความเครียดที่เกิดขึ้นทันที จากความกดดันในสถานการณ์ที่เฉพาะ เช่น เดดไลน์ส่งงาน เจอกับเหตุการณ์สะเทือนใจ เมื่อผ่านสถานการณ์นั้น ๆ ไปและความเครียดลดลง ร่างกายจะกลับมาเป็นปกติ
2. Episodic acute stress คือ ความเครียดที่มีสถานการณ์ที่สร้างความเครียดต่าง ๆ เข้ามาพร้อมกัน เช่น เริ่มจากากรมีปัญหาสุขภาพ จากนั้นก็ตกงาน และตามมาด้วยการหย่าร้าง หรือบางคนชอบคิดหนักและวิตกกังวลกับทุกเรื่อง ทำให้เกิดความเครียดบ่อย ๆ
3. Chronic stress คือ ความกดดันที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องจนเหมือนกับจะไม่มีวันสิ้นสุด สะสมเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความเครียดเรื้อรัง
สาเหตุของความเครียด ความเครียดนั้นเกิดได้จากทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน แบ่งออกได้ดังนี้
ปัจจัยภายนอก
สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวน เช่น อยู่อย่างเบียดเสียด มีกลิ่นเหม็น เสียงดังเกินไป
เศรษฐกิจหรือภาวะทางการเงิน รายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย
สภาพแวดล้อมทางสังคม เช่น อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูง ต้องแย่งชิงตำแหน่งหน้าที่ สัมพันธภาพกับคนอื่นไม่ราบรื่น มีข้อขัดแย้ง
การทำงานที่มากจนเกินความสามารถ
ปัจจัยภายใน
คนที่มีนิสัยชอบกิน-ดื่ม ที่ส่งผลกับความเครียด เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มกาแฟบ่อย ๆ กินของที่มีน้ำตาลมาก ๆ
คนที่ชอบอำนาจ ต้องการชิงดีชิงเด่น
คนที่จริงจังเข้มงวดกับทุกอย่าง ไม่มีการยืดหยุ่น
คนที่พยายามจะทำหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ไม่มีการวางแผนการทำงาน
คนที่อารมณ์แปรปวรรุนแรง
คนใจร้อนที่ทำอะไรก็ต้องการผลทันที ไม่ชอบรอ
วิธีการป้องกันความเครียด มีวิธีมากมายที่จะช่วยจัดการกับความเครียดได้ คือการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายและนอนหลับให้เพียงพอ และยังมีวิธีการอื่น ๆ อีก เช่น
การสังเกตความผิดปกติในร่างกายของตนเอง
หากิจกรรมที่ชอบ รู้สึกเพลิดเพลินเพื่อคลายเครียด เช่น อ่านหนังสือ เล่นกีฬา ออกไปเที่ยว เป็นต่น
ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัวเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น เช่น จัดห้องนอนใหม่ จัดโต๊ะ จัดห้องทำงานใหม่
เปลี่นแปลงทัศนคติให้มองโลกในแง่บวกมากขึ้น สร้างสัมพันธภาพกับเพื่อนร่วมงาน มองว่าความท้าทายคือโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต
พูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว หรือคนที่สนิทใจจะเล่าให้ฟัง เพื่อระบายความเครียดที่มีได้ออกไปบ้าง
อาหารที่ช่วยให้อารมณ์ดี
อาหารที่มีทริปโตเฟน เช่น ชีส นมวัว ไข่แดง อัลมอนด์ ถั่วแระญี่ปุ่น เป็นต้น
อาหารที่มีวิตามินบี เช่น กล้วย ปลา มันฝรั่ง แตงโฒ นม เมล็ดงา
อาหารที่มีวิตามินซี เช่น มะเขือเทศ ฝรั่ง มะละกอ สัปปะรด ผลไม้รสเปรี้ยว เพราะเมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะสูญเสียวิตามินซีมากกว่าปกติถึง 8 เท่า
อาหารที่มีกรดไขมันอิ่มตัวโอเมกา-3 (DHA , EPA) เช่น ปลา แซลมอน ทูน่า ซาร์ดีน แมกเคอเรล ถั่วเปลือกแข็ง เป็นต้น
ข้าวกล้อง ช่วยลดความกังวลและทำให้อารมณ์คงที่
ดาร์กช็อกโกแลต เมื่อกินช็อกโกแลต สมองจะหลั่งสารเอนโดรฟินหรือสารแห่งความสุขออกมา ทำให้ปรับเปลี่ยนอารมณ์ให้ดีขึ้นได้
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
อาหารที่มีแป้ง ไขมัน เกลือ และน้ำตาลสูง เช่น ชานมไข่มุก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไก่ทอด เพราะน้ำตาลจะทำให้น้ำตาลให้เลือดเพิ่มและลดอย่างรวดเร็ว เกลือทำให้ความดันเลือดสูงและตื่นเต้นง่าย ไขมันสูงทำให้เส้นเลือดอุดตัน
ความเครียดเป็นสิ่งที่สร้างความกังวล แถมยังรบกวนชีวิตประจำวันของพวกเราอีก ในบางคนเมื่อเกิดอาการเครียดสะสมมาก ๆ อาจส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพการทำงานและคนรอบข้างได้
เมื่อไรก็ตามที่คุณรู้สึกเครียด วิตกกังวล รู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมอาการเครียดได้ มีความเครียดสะสมเป็นเวลานาน มีการผิดปกติทางร่างกาย ควรไปพบจิตแพทย์โดยเร็ว เพราะการไปพบจิตแพทย์เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องการออกจากภาวะเครียดสะสมนี้ จิตแพทย์จะช่วยบรรเทาอาการเครียด เพราะคุณจะได้รับคำปรึกษาและบำบัดอย่างถูกวิธี ช่วยให้คุณปรับความคิดและมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
สนใจเข้ารับบริการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : bumrungrad , petcharavejhospital , ramamahidol , กรมสุขภาพจิต , sikarin