โดยงานนี้อดีตหัวหน้าแพทย์ "หงส์แดง" ยอมรับไม่เคยคิดฝันว่าจะเป็นคนแรกที่ได้เย็บ "ไอ้จ้อน" ของตำนานกัปตันทีม "เดอะ เร้ดส์"สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เกือบต้องสูญพันธุ์เนื่องจากอวัยวะเพศฉีกในช่วงระหว่างที่ช่วยต้นสังกัดชนะ บอร์นมัธ 2-0 ในศึกเอฟเอ คัพ เมื่อปี 2014
จากการเปิดเผยของ แอนดรูว์ มาสซีย์ อดีตหัวหน้าที่แพทย์สโมสร เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในจังหวะที่ "สตีวี่จี" ถูกเข้าเสียบสกัดอย่างรุนแรง โดยในตอนนั้น เจอร์ราร์ด จำเป็นต้องเย็บ "น้องชาย" เป็นการด่วน นอกจากนี้เขายังต้องเข้ารับการรักษาสภาพจิตใจ เพราะต้องเย็บ "อาวุธลับส่วนตัว" เป็นประสบการณ์ที่สุดแสนเลวร้ายสำหรับเขา และต้องใช้เวลานานกว่าจะลืมเรื่องราวในครั้งนั้มาสซีย์ ซึ่งปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมแพทย์สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า "สตีวี่ เข้ามาหาผมตอนจบเกม แล้วก็พูดว่า -คุณหมอ คุณจำเป็นต้องมาดูตรงนี้- ผมมองลงไปข้างล่าง และเห็นเลือดไหลนองไปทั่ว จากนั้นก็เริ่มคิดว่า -โอ้วว แบบนี้คงเจ็บปวดทรมานมากๆ-""ผมพยายามคิดย้อนกลับไปตอนที่ผมเป็นแพทย์ฝึกหัด และไม่เคยมีเลยซักครั้งที่ผมได้รับการฝึกว่าคุณจะต้องเจ็บไอ้จ้อนยังไง ผมคิดว่า -ผมไม่อยากเป็นคนแรกที่ได้เย็บน้องชายของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่มันก็จำเป็นต้องทำ" อดีตหัวหน้าทีมแพทย์ "เดอะ เร้ดส์" ระบุ
เป็นนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษรับตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษ และเป็นอดีตผู้เล่นระดับตำนานของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ถูกแต่งตั้งเป็นกัปตันทีม จากอดีตผู้จัดการทีม เชราร์ อุลลิเยร์ ในฤดูกาล 2003-2004 ใส่หมายเลข 8 เจอร์ราร์ดได้รับตำแหน่งเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกแห่งจักรวรรดิบริเตน
โดยราชินีอังกฤษ ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2550สตีเว่น เจอร์ราร์ด ถือว่าเป็นนักเตะเยาวชนของโรงเรียนฟุตบอลลิเวอร์พูล (Liverpool Youth Academy) โดยเข้าร่วมเล่นเป็นนักฟุตบอลเยาวชนของสโมสรตั้งแต่อายุ 9 ขวบ โดยเริ่มแรกเลยเขาเล่นมิดฟิลด์ทางด้านขวา และมิดฟิลด์ตัวกลาง ฤดูกาล 1998-1999 เจอร์ราร์ดได้ลงเล่นชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลเป็นนัดแรก ในนัดที่พบกับทีม เซลต้า บีโก้ ในแอนฟิลด์ โดยสิ้นสุดฤดูกาลนี้เขาลงเล่นให้ทีม 12 นัด ซึ่งยังเป็นตัวสำรองซะส่วนใหญ่ ในฤดูกาล 1999-2000 ptolitigationcenter.com เจอร์ราร์ดได้มีโอกาสเล่นชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลอย่างเต็มตัว โดยเขาลงเล่นให้กับทีม 29 นัด ยิงได้ 1 ประตู ซึ่งเขาเปลี่ยนมาเล่นบทมิดฟิลด์ตัวปะทะ ทำให้ได้รับใบเหลือง และใบแดงอยู่บ่อยครั้งเจอร์ราร์ดถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก และมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดยูโร 2000 แต่ก็ได้มองเพื่อนเล่นอยู่ที่ม้านั่งสำรองเท่านั้น ฤดูกาล 2000-2001 เจอร์ราร์ดได้ลงเล่นในเกมลีก 33 นัด ยิงได้ 7 ประตู และลงเล่นในเกมยูฟ่าคัพอีก 9 นัด ทำได้ 2 ประตู พาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ ลีกคัพ, ยูฟ่าคัพ และเอฟเอคัพ ฤดูกาล 2001-2002 เจอร์ราร์ดลงเล่นในเกมลีก 28 นัดยิงได้ 3 ประตู และในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกอีก 12 นัด ยิงไป 1 ประตู เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีอีกด้วย
(Young Player of the Year award) เจอร์ราร์ด ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกฟุตบอลโลกที่ประเทศ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น แต่เขาเกิดมีอาการบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถเดินทางร่วมทีมไปแข่งขันฟุตบอลโลกได้