ซึ่งความร่ำรวยจากการค้าแข้งก็ทำให้หลายคนสามารถซื้อของที่หรูๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นรถ, นาฬิกา, บ้านหลังใหญ่โต เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การเป็นนักเตะอาชีพมันก็มีเวลาอยู่ที่ราว 15-20 ปี นั่นหมายความว่าอาชีพนักฟุตบอลไม่ใช่อาชีพที่จะหาเงินได้ตลอดชีวิต สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการที่จะใช้เงินหลังจากนั้นยังไง หรือจะทำธุรกิจไหนต่อเพื่อที่จะยังสามารถเลี้ยงปากท้องของตัวเองและคนที่รักได้
ซึ่งถ้านับเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก มันก็มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจอื่นๆ หลังจากแขวนสตั๊ดไปแล้ว และวันนี้เราจะมายกตัวอย่างสัก 5 คนกันหลุยส์ ซาฮา ซาฮา เคยผ่านการเล่นให้กับทีมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเคยมีดีกรีเป็นทั้งแชมป์ลีก 2 สมัย, แชมป์ ลีก คัพ 1 ครั้ง รวมถึงแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 หน แต่นอกจากกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาก็ไม่ค่อยได้รับค่าเหนื่อยกับทีมอื่นๆ ใน พรีเมียร์ลีก มากนัก ไม่ว่าจะทั้งกับ ฟูแล่ม, เอฟเวอร์ตัน, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หรือ ซันเดอร์แลนด์ blogsoldiers.com อย่างไรก็ตาม หลังจากที่แขวนสตั๊ดในปี 2013 ซาฮา ก็มีไอเดียที่จะตั้งบริษัทที่จะช่วยทำให้คนดังทั้งในวงการกีฬากับบันเทิงสามารถจับมือกับแบรนด์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เพื่อทำให้ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์ที่ดี ซึ่งมันก็ได้รับคำชมมากพอตัวอย่างเช่น ฟุตบอล เดลี่ ที่บอกว่ามันเป็นเหมือนการผสมผสานกันของแอพพลิเคชั่นหาคู่อย่าง ทินเดอตร์ กับ อูเบอร์ เลย และถึงแม้ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักฟุตบอล แต่ตอนนี้ก็มีนักกีฬาจากกีฬาชนิดอื่นๆ มาใช้บริการเขาบ้างเหมือนกัน ซุน จีไห่ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเตะชาวจีนคนแรกที่ได้เล่นใน พรีเมียร์ลีก กับการที่เล่นให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึงยังเป็นคนเลือดมังกรคนแรกที่ทำประตูในเกม พรีเมียร์ลีก ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม “เรือใบสีฟ้า” ในยุคที่เขาเล่นให้ก็ไม่ใช่ทีมที่ร่ำรวยจนถึงขนาดพร้อมประเคนค่าเหนื่อยก้อนโตให้นักเตะเหมือนอย่างในทุกวันนี้ ซุน ตัดสินใจร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อตั้งบริษัท HaiQiu Sports ในปี 2016 โดยมันเป็นบริษัทที่รวบรวมสื่อ, เทคโนโลยี กับเรื่องข้อมูลเข้าด้วยกัน และพอถึงปี 2019 บริษัทของเขาก็มีผู้ใช้งานในประเทศจีนสูงถึง 400 ล้านยูสเซอร์ด้วยกัน ขนาด ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป กลุ่มเจ้าของทีม แมนฯ ซิตี้ ยังร่วมหุ้นกับบริษัทนี้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์เลย
เพียงแต่มันก็อาจจะยังน้อยกว่าหลังจากที่เขาแขวนสตั๊ดซะด้วยซ้ำ ฟาวเลอร์ เป็นคนที่ฉลาด เขาลงทุนไปกับธุรกิจหลายต่อหลายอย่าง อาทิเช่น ม้าแข้ง และบริษัทโปรโมตการแข่งขันกีฬา แต่สิ่งที่ทำเงินให้เขามากที่สุดคือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยว่ากันว่าบริษัทของเขาเป็นเจ้าของที่ดินมากมายก่ายกองในทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ และมูลค่าทรัพย์สินโดยรวมของเขาก็พุ่งเกิน 30 ล้านปอนด์เข้าไปแล้ว
มาติเยอ ฟลามินี่ ช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของ ฟลามินี่ ในสีเสื้อ อาร์เซน่อล มันไม่นานเท่าไหร่นัก และถึงแม้เขาจะได้อยู่กับทีมถึง 2 ช่วง แต่เขาก็ไม่ได้ถึงขั้นเป็นตัวหลักของทีม และมันก็ไม่แปลกเลยที่ค่าเหนื่อยที่ อาร์เซน่อล มอบให้เขาจะไม่ได้สูงเหมือนสตาร์ดังหลายคน อย่างไรก็ตาม ฟลามินี่ ได้ร่วมมือกับ ปาสเกล กรานาต้า พันธมิตรด้านธุรกิจของเขาในการก่อตั้ง GF Biochemicals บริษัทด้านชีวเคมีขึ้นมา โดยบริษัทของเขามีหน้าที่อย่างเช่นการทำกรดเลวูลินิก หรือก็คือเชื้อเพลิงจากขยะที่เอาไปทำพวกพลาสติก ซึ่งบริษัทแห่งนี้ก็ทำได้ดีมากๆ จนถือเป็นผู้นำในวงการด้านการทำกรดเลวูลินิก และถูกประเมินว่ามีมูลค่า 28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยกัน นอกจากนี้ ฟลามินี่ ยังทำนิตยสารเกี่ยวกับความยั่งยืนทางด้านสภาพแวดล้อมเล่มแรกขึ้นมา รวมถึงสร้างปริญญาเกี่ยวกับเศรษฐกิจชีวภาพขึ้นมาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งด้วย ซึ่งมันไม่เคยมีการจัดคอร์สเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน ไมเคิ่ล โอเว่น ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกับ ลิเวอร์พูล เป็นเวลานาน จนได้เงินในระดับหนึ่ง แถมเขายังเคยได้ค่าเหนื่อยพอประมาณในตอนที่เล่นให้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขายิ้มได้เหมือนกับการที่เจ้าตัวประสบความสำเร็จกับการเป็นเจ้าของร่วมคอกม้า
ที่ชื่อว่า Manor House Stables คอกม้าของ โอเว่น ถือเป็นคอกม้าชั้นนำคอกหนึ่ง เพราะมีม้าจากคอกของเขาที่ได้แชมป์รายการใหญ่ๆ และมันก็ทำให้เขาสามารถทำเงินได้มากมายกก่ายกองในตอนที่พวกเขาขายม้าเหล่านั้นให้กับเจ้าของรายอื่นๆ นอกจกานี้ โอเว่น ยังสามารถขายม้าให้กับคอกของต่างประเทศได้ด้วยซ้า