วันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี วันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระนามเดิมว่า หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ซึ่งพระนาม "สิริกิติ์" ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีความหมายว่า "ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร" พระราชสมภพเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2475
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2499 อันเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชประสงค์จะผนวชเป็นพระภิกษุ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในระหว่างที่ผนวชและทรงพระราชดำริว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีได้ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในระหว่างที่ผนวช และได้ปฏิบัติพระราชภารกิจแทนพระองค์ด้วยพระปรีชาสามารถ สนองพระราชประสงค์เป็นที่เรียบร้อย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีว่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเฉลิมพระนามาภิไธยว่า “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ดังปรากฏเนื้อความในประกาศเฉลิมพระนามาภิไธยว่า “...โดยที่ทรงพระราชดำริด้วยพระราชหฤทัยประกอบด้วยพระกตัญญูกตเวทิตา ระลึกถึงพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมราชชนนี อันได้มีมาเป็นล้นพ้นยิ่งกว่าผู้อื่น และทรงพระราชดำริว่า พระบรมราชชนนีเป็นผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันได้บังเกิดประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองและพสกนิกรเป็นอเนกปริยาย มีพระราชหฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณาธิคุณ เสด็จออกสอดส่องดูแลทุกข์สุขของราษฎรทั่วทุกแห่งหนแม้ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร ด้วยพระวิริยอุตสาหะอย่างยิ่งยวด โดยทรงดำเนินพระราชจริยวัตรด้วยพระราชปณิธานแห่งธรรมราชินี ในศุภสมัยอันเป็นมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนี้ สมควรจะเฉลิมพระเกียรติยศสนองพระคุณตามโบราณราชประเพณี อันจะอำนวยสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแด่พระองค์ และสยามรัฐสีมาอาณาจักร จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระบรมราชชนนี ตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง...”
พระราชกรณียกิจที่สำคัญ
ศิลปาชีพ
ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 ทรงริเริ่มก่อตั้งโครงการหลวงต่างๆ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงทรงริเริ่มโครงการให้ราษฎรโดยเฉพาะชาวนาในท้องถิ่นชนบททำอาชีพเสริมโดยใช้เวลาว่างจากการทำนาทำไร่มาทำงานศิลปาชีพ จนราษฎรเหล่านั้นมีความรู้ความสามารถในงานผลิต งานศิลปหัตถกรรม จนเป็นที่ยอมรับในประเทศไทยและระดับสากล
ความมั่นคงของชาติ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงห่วงใยความมั่นคงของชาติและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทุกวิถีทางที่จะช่วยทะนุบำรุงและปกป้องรักประเทศชาติ ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมทหาร ตำรวจ ราษฎรอาสาสมัคร จนถึงฐานปฏิบัติการ ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่อันตรายเพียงใดก็ตามได้พระราชทานถุงของขวัญประกอบด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อพระราชทานกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานด้านความมั่นคงของชาติตลอดมา
การสาธารณสุข
ในด้านการสาธารณสุข นอกจากทรงช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนโดยจัด “หน่วยแพทย์พระราชทาน” ตามเสด็จไปรักษาพยาบาลราษฎรในถิ่นทุรกันดารแล้ว ยังทรงช่วยเหลือกลุ่มผู้ประสบภัยธรรมชาติ ทรงช่วยเหลือทหาร ตำรวจ และราษฎรอาสาสมัครตามชายแดน ทรงริเริ่มจัดตั้งมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในกรณีที่ทรงพบราษฎรเจ็บป่วยก็จะทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ทรงอุปถัมภ์องค์กรการกุศล สมาคม มูลนิธิต่างๆ เป็นจำนวนมาก
การส่งเสริมอนุรักษ์ธรรมชาติ
ด้านการส่งเสริมอนุรักษ์ธรรมชาติ พระทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง “โครงการป่ารักน้ำ” ทั้งนี้เพื่อให้ราษฎรมีส่วนร่วมในการร่วมกันปลูกป่า หลังจากนั้นยังมีโครงการตามพระราชดำริที่ปรากฏขึ้นเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติ อาทิ โครงการสวนสัตว์ป่าเปิดภูเขียวตามพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์และขยายพันธุ์เต่าทะเล โครงการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์ป่า โครงการปลูกป่าเสริมธรรมชาติ โครงการพระราชดำริสวนหาดทรายใหญ่ เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก สถาบัญเทคโนโลยีจิตรลดา
ความฝัน ตั้งแต่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ที่มีพระราชปรารถนาเป็นนักเปียโนระดับโลก ความงดงาม พระสิริโฉมของพระองค์ได้รับการจารึกและสดุดีจากต่างประเทศว่า ‘ทรงเป็นราชินีผู้งดงามที่สุดในโลก’ และ ความเป็นแม่ พระจริยวัตรอันนุ่มนวลในฐานะที่ทรงเป็น ‘สมเด็จพระราชมารดา’
ความฝัน
เมื่อยังเยาว์วัย คุณหญิงสิริกิติ์โปรดปรานการเล่นบทบาทสมมติเป็น ‘ครู’ อย่างมาก กระทั่งเมื่อเติบโตขึ้น เธอก็ได้รับทราบถึง ‘พรสวรรค์’ อีกประการหนึ่งที่ซ่อนอยู่
ที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ คุญหญิงสิริกิติ์ได้เรียนรู้วิชาดนตรีซึ่งเธอชื่นชอบอย่างยิ่ง สามารถอ่านโน้ตและร้องเพลงได้ถูกต้องตามจังหวะอย่างน่าอัศจรรย์ตั้งแต่ระยะแรกที่เริ่มเรียนวิชาดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นเปียโนที่เธอโปรดปราน ซึ่งเธอสนใจเข้าเรียนและฝึกซ้อมด้วยความกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ทำให้ในเวลาต่อมา ขณะหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์อายุ 13 ปี เธอก็สามารถเล่นเปียโนได้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง จนอาจนับว่าเป็นเลิศกว่าเด็กทุกคนในวัยเดียวกัน ซึ่งยากนักที่เด็กหญิงอายุเพียง 13 ปีจะสามารถกระทำได้
ความซาบซึ้งในท่วงทำนองอ่อนโยนของดนตรี กับทั้งความสุขใจและอิ่มเอมใจเมื่อยามได้พรมนิ้วลงบนคีย์บอร์ดเปียโนนี้เอง จึงเป็นที่มาของความฝันในอนาคตของหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ นั่นคือ…การเป็นนักเปียโนผู้มีชื่อเสียงระดับโลก
ความงดงาม
“She is my smile.”…โฉมงามแห่งสยามประเทศ
เมื่อครั้งยังเป็น ‘พระคู่หมั้น’ ความงามในรูปโฉมและกิริยาอันแช่มช้อยงามสง่าของหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ทำให้ได้รับความชื่นชมจากนักข่าวและสื่อมวลชนรวมถึงผู้คนทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ ยิ่งในภายหลังเมื่อหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ได้เข้าสู่พระราชพิธีอภิเษกสมรสเป็น ‘พระราชินี’ แล้ว พระสิริโฉมของพระองค์ก็ยิ่งทวีความงดงามตราตรึงมากยิ่งขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่าทรงเป็นราชินีผู้ทรงโฉมสะคราญที่สุดในโลกในยุคนั้นก็ว่าได้
นอกเหนือจากความงามในรูปโฉมแล้ว ‘รอยยิ้ม’ ที่เปี่ยมด้วยความจริงใจโดยมิได้ปั้นแต่ง และเป็น ‘รอยยิ้ม’ ที่ทรงมอบให้ทุกผู้คนด้วยพระหฤทัยอันพิสุทธิ์ของพระองค์เอง ซึ่งรอยแย้มพระสรวลของพระองค์ ได้ก่อให้เกิดความประทับใจแก่ผู้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ กระทั่งมีหนังสือพิมพ์ในต่างประเทศฉบับหนึ่งนำมาเขียนสดุดีว่า
“ดาราฮอลลีวูดสมควรยิ่งที่จะเข้าโรงเรียนสิริกิติ์ เพื่อฝึกยิ้มอย่างธรรมชาติ พระองค์ท่านทรงยิ้มเรียบร้อยละมุนละไม ไม่ปรากฏความเหนื่อยหน่ายแม้แต่น้อย”
ความเป็นแม่
ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงเคยมีพระราชเสาวนีย์กับนักข่าวหนังสือพิมพ์ สตาร์-บุลเลติน แห่งฮอนโนลูลู ถึงพระราชกิจต่างๆ ในฐานะที่ทรงเป็น ‘พระราชินี’ ว่า ทรงพอพระทัยในราชกิจต่างๆ แต่ทว่า…
“ฉันรักที่จะเป็นแม่มากที่สุด”
พระองค์ทรงปลูกฝังพระอุปนิสัย ‘รักการอ่าน’ ให้แก่พระราชโอรสและพระราชธิดาทุกพระองค์ ดังที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นปราชญ์ด้านวรรณกรรม ได้ทรงซึมซับพระอุปนิสัยความใฝ่รู้ใฝ่ศึกษามาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระราชบิดา มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ แต่เรื่องที่ไม่ค่อยมีผู้ใดทราบมากนัก คือ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็ทรงเป็น ‘หนอนหนังสือ’ เช่นเดียวกัน ดังที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาได้ทรงเล่าไว้ในพระราชนิพนธ์ เรื่อง สมเด็จแม่กับการศึกษา ความว่า
“…สมเด็จแม่ทรงอ่านหนังสือมาก มีทุกประเภท ไปไหนก็ต้องไปซื้อมาไว้ และทรงใช้หนังสือนั้นเป็นประโยชน์มากที่สุด จนทุกวันนี้ท่านก็ยังอ่านมาก เวลางานยุ่งๆ บางทีเราก็ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ แต่ไม่ทราบว่า ท่านทำอย่างไรของท่านจึงมีเวลา ท่านซื้อหนังสือของท่านเอง ทรงซื้อพระราชทานให้ข้าพเจ้าอ่าน จนโตก็ยังทำ ทรงแนะนำทั้งการอ่านในใจและการอ่านดังๆ ซึ่งมีรับสั่งว่า จะช่วยให้ภาษาพูดของเราดีขึ้น ทรงสนับสนุนให้ตั้งห้องสมุด สะสมหนังสือ…”
ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ พระราชินีศรีแผ่นดิน สำนักพิมพ์ สถาพรบุ๊คส์