แก้วจอมแก่น

แว่นแก้ว แก้วจอมแก่น.pdf

แก้วจอมแก่น” 

“แก้วจอมแก่น” บทพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระนามแฝง‘แว่นแก้ว’) จุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมสังคมและให้ความรู้เยาวชนเชิงสร้างสรรค์ และให้ผู้ชมได้รับสาระ ข้อคิด คติเตือนใจ เช่น ความรักความอบอุ่นในครอบครัว การอบรมดูแลลูก ความรักสามัคคีระหว่างเพื่อน พี่น้อง ประเพณี วัฒนธรรม ฯลฯ ที่แม้จะมิได้มุ่งสอนโดยตรง แต่ก็ได้สอดแทรกเอาไว้อย่างแนบเนียน

เรื่องย่อ    

"แก้วจอมแก่น" เป็นเรื่องราวที่ทรงพระราชนิพนธ์ถ่ายทอดจากประสบการณ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในขณะที่ยังทรงพระเยาว์บ้าง จากการจินตนาการของพระองค์เองบ้างประกอบกัน เป็นเรื่องราวของ “แก้ว” เด็กหญิงน่ารักวัยประมาณ ๙ ขวบ อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น มีคุณพ่อ คุณแม่ที่รักใคร่เอาใจใส่ลูก ๆ เป็นอย่างดี พี่สาวที่เรียนเก่ง คือ พี่ไก่ ในวัยประมาณ ๑๓-๑๔ ปี ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นครู และน้องสาวหนึ่งคนคือ น้องเล็ก ในวัยประมาณ ๖-๗ ปี ที่ชอบร้องเพลงเป็นงานอดิเรก         

 แก้ว เป็นเด็กที่มีความร่าเริงแจ่มใส มีความมั่นใจในตัวเองมีความเป็นผู้นำและความคิดสร้างสรรค์ จึงกลายเป็นแก่นและซนในสายตาของผู้ใหญ่ และมักจะเป็นหัวโจกในหมู่พี่น้องและผองเพื่อนอยู่เสมอ อันได้แก่ นิด กับ หน่อย ที่เป็นลูกชายของ ป้าจ้อย พี่สาวของคุณพ่อ อึ่งกับอ๊อด ลูกสาวและลูกชายของคุณลุงคุณป้า อ้อย หลานคุณป้าเอิบ ป๊อก, เปี๊ยก, ป้อม, อ้วน ฯลฯ เพื่อนนักเรียนในชั้น ป.๔ นอกจากนี้แก้วยังเป็นเด็กที่รักสัตว์และชอบเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหมา แมว ปลา ฯลฯ อันแสดงถึงความเมตตาที่มีอยู่ในใจ แต่แก้วก็มักจะสร้างวีรกรรม ทั้งที่เป็นการทำดีบ้างและบางทีก็ทำให้ผู้ใหญ่ถึงกับส่ายหน้า แต่ก็ไม่มีใครโกรธแก้วได้ลงซักที ซึ่งเนื้อเรื่องจะมีลักษณะแบบจบในตอนแบบต่อเนื่อง และมักจะแฝงสาระหรือข้อคิดที่ไม่หนักจนเกินไปสำหรับเด็กเป็นตอน ๆ เรื่อยไป          นอกจากนี้ยังมีคนรุ่นหนุ่มสาว เช่น พี่หนู พี่ชายคนโตของนิดกับหน่อย พี่สุทธิ เพื่อนบ้านที่ใจดีและชอบเล่นกับแก้วเป็นพิเศษ ครูสุมน ครูสาวประจำวิชาภาษาไทย ครูจินตนา สอนวิชาพลศึกษา ครูเสือ ที่ค่อนข้างดุสมกับสมญาที่เด็ก ๆ ช่วยกันตั้งให้ ฯลฯ ซึ่งตัวละครเหล่านี้จะช่วยเพิ่มรสชาติและความสนุกสนานในแต่ละตอน 23 เรื่อง คือ

ล่อกั้ง

เป็นเรื่องราวของแก้วและ เพื่อน ๆ รวม 5 คน เป็นเด็กผู้หญิง 3 คน ได้แก่ พี่น้องครอบครัวเดียวกับแก้ว คือ แก้ว พี่ไก่ พี่สาวคนโต และน้องเล็กน้องคนสุดท้องกับ เด็กผู้ชายอีก 2 คนคือ นิดและน้องหน่อย ลูกชายคุณป้าจ้อยได้ตามคุณพ่อคุณแม่ ไปพักผ่อนตากอากาศชายทะเล ทั้ง 5 คน เล่นสนุกชายหาดด้วยการหาเศษเนื้อสัตว์มา  ล่อกั้งที่อยู่ ในรูเอามาใส่กระป๋อง จนได้กั้งเต็ม กระป๋อง สุดท้ายก็ปล่อยกั้งทั้งหมดกลับสู่ ทะเล แต่ด้วยการถูกจับขังเป็นเวลานาน กั้ง ทั้งหมดจึงเสียชีวิต ทำให้แก้วรู้สึกไม่สบายใจ จนนอนไม่ค่อยหลับ

ต้นไม้มหาภัย 

ยังเป็นประสบการณ์ ชีวิตของแก้วในการไปเที่ยวทะเลครั้งนั้น นิด และแก้วปีนต้นพลับป่าเพื่อเก็บลูกมากินแต่ แก้ว ตกลงมาขาหัก พร้อมทั้งได้รู้ความจริงว่า ลูกพลับป่าเป็นผลไม้ที่รับประทานไม่ได้มี ประโยชน์เฉพาะนําไปย้อมแหอวนเพราะทําให้เชือกอวนรัดตัวไม่เปื่อยเร็ว แก้วจึงเรียก ต้นพลับป่านี้ว่าต้นไม้มหาภัย

ความรับผิดชอบ 

จากการที่แก้ว ขาหักเลยทำให้ไม่ได้ไปเล่นน้ำทะเลกกับเพื่อน ๆ แก้วเลยซ้อนท้ายจักรยานน้าไลไปที่สถานี กาชาด ทําให้ได้เห็นการทํางานของเจ้าหน้าที่ กาชาด และเห็นอาการของคนไข้ที่มารับ การรักษา แก้วประทับใจกับการได้เห็น เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง อุ้มน้องชายในวัย ไล่เลี่ยกันมาทำแผลจากการถูกน้ำร้อนลวก เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่มีโอกาสได้เล่นซุกซน เหมือนเด็กคนอื่น ๆ เพราะต้องรับผิดชอบ ดูแลครอบครัวขณะพ่อแม่ออกไปทำไร่ ทำให้ แก้วจดจําเป็นแบบอย่างที่ดีในการรู้จัก รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน

ล่ามหาสมบัติ 

3 คนพี่น้องแก้ว พี่ไก่ และน้องเล็ก ช่วยกัน ขุดดินในสวนหลังบ้าน เพื่อหวังจะหาสมบัติเก่าตามที่ได้ยินมาว่า คนสมัยก่อนฝังสมบัติไว้ใต้ดิน แต่ขุดเท่าไหร่ ก็ไม่พบ จึงเปลี่ยนหลุมที่ขุดนั้นเป็นบ่อน้า แช่ตัวเล่น


 คืนฝนตก 

หลังทําการบ้านเสร็จ ประกอบกับคืนนั้นฝนตกพรำ ๆ 3 คนพี่น้อง ทดลองเล่นต่อตัวเป็นเปรต โดยแก้วเป็นฐาน ต่อตัวให้พี่ไก่ขี่หลัง น้องเล็กขี่หลังพี่ไก่อีก ต่อหนึ่ง แล้วเอาผ้าปูที่นอนคลุมเพื่อหวังไปหลอกคนข้างบ้าน ขณะต่อตัวอยู่นั้น น้องเล็ก เสียหลักตกลงบนที่นอน พี่ไก่เซไปชน ตู้เสื้อผ้าเสียงดังโครม ทําให้คุณแม่วิ่งมาดู คาดโทษและสั่งให้ทุกคนเข้านอนไม่ให้ เล่นเช่นนี้อีก เพราะเล่นแล้วก็กลัวกันเอง แต่คุณแม่ก็อดนําเรื่องนี้ไปเล่าให้คุณพ่อฟัง ด้วยความขบขันไม่ได้


จันทร์อังคาธ 

เกิดจันทร์อังคาธขึ้น ทำให้แก้วได้รับความรู้จากผู้ใหญ่โดยคุณพ่อ บอกว่าจันทร์อังคาธหรือจันทรคราสนี้ คนโบราณเชื่อว่าเกิดจากการที่ยักษ์ชื่อราหู อมพระจันทร์ไว้ ต้องตีเกราะเคาะไม้เพื่อให้ ราหูตกใจจะได้ปล่อยพระจันทร์ส่วนคุณย่า เชื่อว่าต้องกินยาจะได้มีร่างกายแข็งแรงคุณแม่ บอกว่าชาวบ้านแถวบ้านแม่เชื่อว่าเมื่อเกิด จันทร์อังคาธให้เอามีดเฉาะโคนต้นไม้จะทำให้ต้นไม้ออกลูกดก นอกจากนั้นคุณพ่อและคุณแม่ยังให้ ความรู้ในทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมแก่ลูก ๆ ทั้ง 3 คนว่าจันทร์อังคาธเกิดจากการที่ดวงจันทร์ โลก และดวงอาทิตย์เรียงกัน อยู่ในแนวที่เงา ของโลกทอดไปยังแสงอาทิตย์ที่จะสะท้อนไป ดวงจันทร์ทำให้ํให้เกิดจันทรคราสหรือจันทรุปราคา ส่วนการสับต้นไม้นั้น เพราะต้นไม้มีสัญชาตญาณ กลัว ภัย เมื่อ ถูกสับ มันนึกว่ามันจะตาย จึงต้องออกลูกดก หรืออีกประการหนึ่ง ต้นไม้ได้รับไนโตรเจนจากดินทำให้ใบดก รับคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศทำให้ออกดอกออกผลการเฉาะลำต้นเป็นการลดไนโตรเจน ที่จะทำใหต้นไม้งอกงามแต่ใบ


โอ๊ย! ปวดท้องจริง 

แก้วรู้สึกปวดท้อง เพราะชอบกินลูกอมอมยิ้ม พ่อกับ แม่จึงบอก ให้รู้จักระวังในการเลือกรับประทานอาหาร เพราะสีที่ใส่ขนมเป็นสีย้อมผ้าไม่ใช่สีทำอาหาร นอกจากนั้นน้ำส้มที่ใส่ก๋วยเตี๋ยวก็อันตราย เพราะคนขายมักง่าย มักใส่กรดกำมะถันแทน น้ำส้มสายชูวิธีสังเกตให้ดูพริกน้ำส้ม ถ้าสี ซีด ๆ ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน หรือวิธีทดลอง ง่าย ๆ ให้เอายาทาแก้ปากเปื่อย ซึ่งปรกติยานี้จะมีสีม่วง ถ้าหยดลงไปแล้วยาเปลี่ยนสีเป็น สีเขียวแสดงว่า น้ำส้มนั้นใส่กรดกำมะถัน 

 ฝึกอาชีพ 

เด็ก ๆ มักมีความใฝ่ ฝันถึง อาชีพของตนในอนาคต ความใฝ่ฝันของแก้ว คือ อยากเป็นพยาบาล แก้วจึงชวนเพื่อน ๆ ขี่รถจักรยาน แต่การขี่จักรยานของแก้ว ค่อนข้างพิสดาร ทําให้รถเสียหลักชนต้นไม้ ชิ้นส่วนของจักรยานบาดขาของแก้วเป็น ทางยาวค่อนข้างลึก แก้วคิดจะทำแผลด้วยตนเองเพื่อฝึกการเป็นพยาบาล แต่ป้าจ้อย แม่ของนิดเห็นว่าบาดแผลลึกมาก จึงทำแผล ให้แก้วและให้ลุงใหญ่พ่อของนิดที่เป็นหมอ ฉีดยากันบาดทะยักให้อีก พร้อมทั้งบอกแก้วว่า ถ้าอยากเป็นพยาบาลต้องเรียนหนังสือเก่ง ๆ ไม่ใช่หาทางให้ตนเองมีบาดแผลและคิดจะทำแผลด้วยตนเองตามความคิดของแก้ว 

แม่ครัวหัวป่าก์ 

พี่ไก่ แก้ว และ น้องเล็กได้ไปฝึกทำขนมแป้งสิบที่บ้าป้าจ้อย ป้าจ้อยยินดีฝึกให้พร้อมทั้งให้ลูกชายทั้งสอง ของป้าคือ นิดกับหน่อยฝึกทำด้วย แต่พอ ป้าจ้อยเผลอ แก้วกับนิดได้เอาแป้งขนม ปาใส่กันจนครัวป้าจ้อยเลอะเทอะ เด็ก ๆ จึงถูกป้าจ้อยดุ และถูกลงโทษด้วยการให้ ทุกคนช่วยกันถูพื้นทำความสะอาด 

แก้วกับแก่น 

แก้วได้กระรอกตัวหนึ่ง มาเลี้ยงไวในบ้าน ตั้งชื่อกระรอกน้อยตัวนี้ว่า “แก่น” แก้วและทุกคนในบ้านรักกระรอก น้อยตัวนี้มากแก่นค่อนข้างจะแสนรู้คลอเคลีย อยู่ข้าง ๆ แก้วตลอด วันหนึ่งแก่นไปเลียยาฆ่าแมลง คุณพ่อใช้หลอดกาแฟดูดไข่ดิบ พ่น ใส่ปากแก่นเพื่อให้แก่นอาเจียนออกมาแต่ ไม่สามารถช่วยชีวิตแก่นได้  แก่นตายอย่างทุรนทุรายแก้วและพี่น้องเสียใจต่อการจากไป ของแก่นมาก

นักดนตรีเอก 

ลุงผ่องคนรับจ้าง ทำสวนใกล้บ้านแก้วให้ซอที่ทำเองด้วย กระป๋องน้ามันมา 1 คัน แก้วหัดสีซอโดย เริ่มต้น จาก ‚เพลงต้น เพลงฉิ่ง การสีซอของ แก้วก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นที่บ้าน เพราะอีจู สุนัขตัวผู้ข้องแก้วกลัวจนตัวสั่นเทา น้องเล็ก ต้องคอยปลอบประโลม ส่วนไอ้โอสุนัขอีกตัวหนึ่งกลับหอนด้วยเสียงโหยหวน จนนานวันเข้า ทุกคนในบ้านรวมทั้งสุนัขก็เริ่มเคยชินกับ เสียงสีซอของแก้ว

ถามผี 

แก้วและเพื่อน ๆ ในห้อง ป. 4 ข. นิยมเล่นผีตะเกียบกับผีถ้วยแก้วโดย เริ่มจากผีตะเกียบก่อน ต่อมาก็เล่นผีถ้วยแก้ว ต่อมาวันหนึ่งซึ่งตรงกับวันหยุดและเป็นวัน เกิดของเพื่อนชื่อเอื้อง แก้วและเพื่อน ๆ ชวนกันเล่นผีถ้วยแก้ว มีคำถามว่า ‚ใครเป็น คนใจดีที่สุดในโรงเรียน ผีถ้วยแก้ว ตอบว่า ‚แก้ว พี่ไก่และเพื่อน ๆ ไม่เชื่อคิดว่า แก้วเป็น คนดันถ้วยให้ตอบชื่อตนเอง จนในที่สุดแก้ว ก็ยอมรับว่าเป็นคนดันถ้วยจริงถ้วยไม่ได้เดินไปเอง

เลี้ยงปลา 

พี่สุทธิเป็นพนักงาน ชลประทานซึ่งงอยู่ข้างบ้านแก้วได้แนะนำให้แก้วได้รู้จักการเลี้ยงปลากัดใส่ขวด แต่บ้าน แก้วไม่มีที่เลี้ยงปลา จึงเอาไปให้น้องหน่อย ลูกป้าจ้อยช่วยเลี้ยงให้หน่อยเอากระดาษคั่น ขวดออกทำให้ปลา 2 ตัวกัดกันจนปากเยิน

เก็บดอกบัว 

อ้อยเป็นนักเรียนใหม่ ของห้อง ป.4 ข.อ้อยเป็นเด็กขี้อาย ไม่ช่างพูด ช่างเล่น จึงมีเพื่อนน้อย แต่อ้อยสนิทกับแก้ว จึงชวนแก้วไปเที่ยวบ้านของอ้อยซึ่งงอยู่กับ ลุงและป้า เพราะพ่อแม่ของอ้อยทำงานอยู่ ต่างประเทศอ้อยชวนแก้วพายเรือแคนนูรอบ ๆ บ่อน้าใหญ่ในสวนหลังบ้าน แก้วสนใจบัว วิกตอเรียมาก เพราะใบใหญ่ราวกับกระด้ง แถมยังมีดอกด้วย จึงคิดจะเด็ดดอกบัวไปฝากลุง กับป้าของอ้อยใส่แจกัน แต่ทั้ง 2 คนไม่มีมีด จึงคิดวิธีเด็ดดอกบัวด้วยการใช้เชือกผูกกับกอบัวแล้วช่วยกันออกแรงพาย แต่ออกแรงพายเท่าไหร่บัวก็ไม่หัก ตามมาจะแก้เชือกออกก็แก้ไม่ได้เพราะกอบัวมีหนามคม ในที่สุดต้องตะโกนเรียกลุงมูลคนสวนและคนขับรถ ของบ้านอ้อยให้ว่ายน้ำ เอามีดมาตัดดอกบัวให้   ทั้งสองจึงพายเรือเข้าฝั่งได้ลุงมูลมีท่าทางไม่พอใจแก้วที่ชวนหลานของนายมาเล่น ซุกซนเช่นนี้


ไทยรบพม่า 

แก้วอยากเรียนกระบี่ กระบองเหมือนพี่ๆ มศ. 4 จึงไปตื๊อครูจินตนา ครูสอนพละจนครูใจอ่อนสอนแก้วและเพื่อน ๆ ในห้องเป็นบางท่า ทั้งท่าร่ายรำและท่าต่อสู้ แก้วและเพื่อน ๆ นึกสนุกอยากประลองกำลังกัน จึงแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายไทยและ ฝ่ายพม่า ทั้ง 2 ฝ่ายสู้รบกัน จนถึง 2 คู่สุดท้าย ซึ่งหนึ่งคู่ของแก้วกับ หมูหวาน แก้วสู้ กับ หมูหวานอย่างสนุก สุดท้ายดาบของแก้ว ฟาดไปถูกนิ้วของหมูหวานจนเป็นแผลเลือดออก การต่อสู้ต้องยุติโดยไม่รู้ว่าฝ่ายไทยหรือฝ่าย พม่าชนะ


นักวิทยาศาสตร์เอก 

แก้วชอบ เรียนวิชาวิทยาศาสตร์เพราะเห็นว่าเป็นวิชา ที่มีเหตุผลสามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ บางที ก็มีเรื่องให้น่าคิดน่าค้นคว้า เช่น การทดลอง ทำเรื่อง ‚การตกผลึก โดยแก้วคิดจะทำผลึกน้ำ ตาลกรวด แก้วขอน้ำ ตาลกรวดจากคุณแม่ มาทำผลึกแก้วทดลองตามกรรมวิธีที่ครูอธิบาย แต่สารละลายที่แก้วทำค่อนข้างใส เพราะ แก้วชิมบ่อยเกินไป จน 2 สัปดาห์ผ่านไป การทดลองของแก้วไม่ประสบผลสำเร็จเพราะ แก้วชอบกินของหวาน ๆ เลยเอานิ้วจิ้มดูด ทำวัน คุณแม่เลยเทผลึกทิ้งเพื่อเอาขวดไปขาย


เรื่องของเห็ด 

แก้วเรียนรู้เรื่องเห็ด จากลุงผ่อง จนรู้ว่าเห็ดชนิดไหนกินได้เห็ด ชนิดไหนกินไม่ได้โดยเฉพาะเห็ดเมาที่มี ลักษณะผอม ๆ สูง ๆ หากรับประทานเข้าไป จะมีอันตรายถึงชีวิต ซึ่งคุณพ่อของแก้วได้ อธิบายเพิ่มเติมว่า เห็ดที่ขึ้นบนขี้มามักเป็นเห็ด เมาคุณพ่อ เห็นว่า แก้วอยากปลูกเห็ดจริงๆ เลย ไปหาฟางและซื้อเชื้อเห็ดฟางมาเพาะที่แปลง ปลูก ตามกรรมวิธีการปลูกและการดูแลรักษา ของกรมส่งเสริมการเกษตร

แต่งกลอน 

ครูสุมน ครูสอนภาษาไทย สอนให้แก้วและเพื่อนในชั้นเรียนแต่งกาพย์ และกลอน โดยเฉพาะกาพย์ยานีและกลอนแปด ซึ่งนักเรียนเกือบทั้งชั้น แต่งได้ วันหนึ่งครูให้ นักเรียนในชั้นแต่งกลอนคนละวรรคโดยตั้ง หัวข้อว่า เสียดาย โดยนักเรียน 4 คนช่วยกัน คิดคนละวรรคเริ่มต้น จากตุ๋ย ปุย อ้อยและแก้ว ตามลำดับ ซึ่งงกลอนที่แต่งคือ ‚แสนเสียดายดอกไม้ซึ่งงามล้ำ เคยรดน้ามันทุกวันเสียดายเหลือ จนมันตายแห้งเหี่ยวกันเป็นเบือ ไม่จุนเจือน้าดีธรรมดา ครูได้ถามความเข้าใจของกลอนที่ แต่งบทนี้แก้วและนิดเข้าใจว่า วรรคที่ 2 ที่ปุย แต่งว่า เอาน้ำมันไปรดต้นไม้จึงตายจนปุยต้อง อธิบายว่า น้ำในที่นี้หมายถึงน้ำปรกติทั่วไป แต่คำว่า มัน หมายถึงต้น ไม้ ดังนั้นกลอนบทนี้ จึงเกิดความเข้าใจผิดจากการอ่านเว้นวรรคตอน ไม่ถูกต้อง


เพื่อนรัก 

ครูสุมนให้นักเรียนใน ห้องแต่ละคนเขียนเรื่องเพื่อนรักที่สุดของข้าพเจ้า โดยจะเป็นเพื่อนในห้องเรียน นอก ห้องเรียน หรือพี่น้องก็ได้แต่ละคนต่างเขียน ถึงเพื่อนแต่ละคน หลายคนเขียนถึงแก้วว่า เป็น เพื่อนรัก เช่น นิด อ้อย และต้อม เพื่อน ๆ จึงอยากรู้ว่าแก้วมีใครเป็นเพื่อนรัก ซึ่งเพื่อน รักของแก้วคือไอโอ้สุนัขที่บ้านเพราะไอ้โอ จะคอยอยู่เป็นเพื่อนแก้วช่วยร้องเพลงเวลา แก้วสีซอ ไหว้ได้ เก็บของได้ คอยเตือนแก้วเวลาไปโรงเรียนสาย แม้ว่าไอ้โอจะมีข้อเสีย ตรงที่ชอบหาอะไรเน่า ๆ มากินและทำให้บ้าน เลอะเทอะก็ตาม

แมวที่โรงเรียน 

มีแมวอยู่หลายตัว แต่มีแมวตัวหนึ่งที่แก้วรักเป็นพิเศษชื่อ “เจ้าเผือก” เพราะชอบกินเผือกทอด วันหนึ่ง แก้วนำเจ้าเผือกเข้าไปในห้องเรียน วันนั้น เจ้าเผือกไม่กินเผือก เพื่อน ๆ ในห้องส่งเจ้าเผือก และเผือกอดเพื่อป้อนเจ้าเผือกกันเป็นทอด ๆ จนเกิดเรื่องเมื่อเพื่อนคนหนึ่งซึ่งไม่ชอบแมว โยนเจ้าเผือกลงไปกองกับพื้น ครูจึงตี นักเรียนทุกคนที่เล่นแมว ต่อมาเจ้าเผือกตาย เพราะเป็นแมวบ้า แก้วและเพื่อนต้องฉีดยา กันโรคกลัวน้ำทุก ๆ วัน โดยตุ๋ยเพื่อนร่วมห้อง ได้เขียนกลอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ใช่แต่หมาที่ บ้าได้แมวนั้นไซร้ก็บ้าเป็น”


ลมว่าวคราวพัดมา 

ในช่วงเดือน มีนาคม - เมษายน ซึ่งเริ่มเข้าหน้าร้อนและเป็น ช่วงสอบเสร็จของนักเรียน แก้วและเพื่อน ๆ ชวนกันไปเล่นว่าวที่บ้านของนิด ในขณะที่ แก้วและเพื่อน ๆ กำลังเล่นว่าวในกลุ่มตัวเอง เพลิน ๆ นั้น ได้มีว่าวของคนอื่นที่ไม่รู้จักเข้า มาพัวพันกับว่าวกลุ่มของแก้ว ด้วยสายป่านที่ คมกว่า ว่าวลึกลับตัวนั้นได้ทำให้ว่าวของ เพื่อนแก้วตกแก้วจึงชักว่าวสู้กับว่าวลึกลับนั้นเพราะว่าวของแก้วมีด้ายเส้นโตกว่าของคนอื่น แก้วสามารถทำให้ว่าวลึกลับนั้นตกและได้มา เป็นกรรมสิทธิ์แก้วคิดจะเอาว่าวลึกลับนั้น ชักขึ้นเล่นในวันรุ่งขึ้นแต่ลุงผ่องห้ามไว้ เพราะถือเป็นมารยาทที่ไม่ควรเยาะเย้ยผู้แพ้


สัตว์ประหลาด 

นิ่มตัวหนึ่งหลุด จากเขาดิน (สวนสัตว์ดุสิต) เข้าไปในบ้าน หมูหวานซึ่งอยู่ใกล้ๆ หมูหวานนำตัวนิ่มไป เล่นที่บ้านของแก้ว ทำให้แก้วและพี่น้องได้ ดูแลตัวนิ่มอย่างใกล้ชิด แก้วมองดูรูปร่างและ หน้าตาของตัวนิ่มเห็นว่ามีลักษณะคล้ายสัตว์ โลกล้านปีเพราะตัวนิ่มมีเกล็ดเรียงซ้อนกัน คล้ายกระเบื้องมุงหลังคาและชอบกินมด


ในวันหยุดสัปดาห์ วันหนึ่งแก้วกับน้องเล็กได้มีโอกาสไป ค้างบ้านคุณลุงและคุณป้าซึ่งเป็นเรือนไทย แบบโบราณ คุณลุงเป็นคนชอบสะสมของเก่า โดยเฉพาะศิลปวัตถุเช่น เครื่องลายคราม และ ชามสังคโลกรวมทั้งตุ๊กตาหินในสวน แก้วกับน้องเล็กได้มีโอกาสพูดคุยและเล่นกับลูก คุณลุงและคุณป้าคือ อึ่งกับแอ๊ดซึ่งอยู่ใน วัยเดียวกัน ตอนกลางคืนแก้วมองเห็นตุ๊กตา ในสวนยักคิ้วได้เด็ก ๆ จึงคิดว่าตุ๊กตานั้นเป็น ตุ๊กตาผีตอนเช้าคุณลุงต้องอธิบายว่า ตุ๊กตานั้น เป็นอับเฉาเรือที่มาจากเมืองจีน อับเฉานี้มีประโยชน์เอาไว้ถ่วงเรือไม่ให้เรือโคลง โดย ติดมากับเรือสินค้าจากเมืองจีน และมีอยู่หลายตัว ที่วัดราชโอรส


แว่นแก้ว (นามแฝง). (2550). แก้วจอมแก่น (พิมพ์ครั้งที่ 26). กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คพับลิเคชั่นส์. 

ข้อคิดที่ได้

คติสอนใจเรื่องนี้ คือ ความเมตตา ปราณี ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน พวกเราโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ประเสริฐ มีความคิด ผิด ชอบ ชั่ว ดี แต่สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น สัตว์ ต้นไม้ ไม่สามารถเลือกและกำหนดชีวิตตัวเองได้ มนุษย์ยังรักชีวิต สัตว์โลก ย่อมรักชีวิตเช่นกัน