3 การรู้เท่าทันสื่อ
3 การรู้เท่าทันสื่อ
ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทกับชีวิตมนุษย์มากขึ้น มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในหลากหลายสาขาวิชาชีพ เช่น ด้านการศึกษา ด้านธุรกิจอุตสาหกรรม ด้านการแพทย์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการทำงาน เมื่อมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น ปริมาณข้อมูลหรือปริมาณสารสนเทศต่าง ๆ ที่อยู่ในกระบวนการของการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศก็มีเพิ่มมากขึ้นด้วยอย่างทวีคูณ โดยข้อมูลหรือสารสนเทศจำนวนมหาศาลนั้นก็มีทั้งที่เป็นของส่วนบุคคล องค์กร หรือหน่วยงานต่าง ๆ และข้อมูลหรือสารสนเทศนี้ก็เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อสังคมมนุษย์มากขึ้นหรือเรียกได้ว่าเป็นยุคของสังคมสารสนเทศ (Information Age Society) เป็นยุคที่ต้องตั้งรับและตระหนักถึงความรวดเร็วของสารสนเทศ (Information Exposure) เพราะข้อมูลที่รับเข้ามามีทั้งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ดังนั้น จึงต้องมีความสามารถในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เลือกสรร คัดกรอง และเข้าถึงข้อมูลที่เป็นจริง ตลอดจนสามารถนำข้อมูลนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง สังคม องค์กรหรือ หน่วยงาน และประเทศชาติได้ เพื่อให้ประเทศสามารถพัฒนาไปในทางที่มีประสิทธิภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ ของประชาชนได้ การรู้เท่าทันสื่อสารสนเทศเป็นลักษณะของสมรรถนะที่ครอบคลุมทักษะแห่งศตวรรษที่ 21ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศผ่านสื่อและเทคโนโลยีดิจิทัล การเลือกรับ วิเคราะห์ ประเมิน และนำข้อมูลที่ได้รับไปใช้ในทางสร้างสรรค์ รวมทั้งความสามารถผลิตสื่อ เพื่อขับเคลื่อนสังคมได้ด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ
ในปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้การกระจายข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว จึงมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจการเมือง และสังคมที่แตกต่างจากในอดีต ซึ่งจะเห็นได้จากวิกฤตการณ์ทางด้านเศรษฐกิจจากประเทศหนึ่งมีผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ผลของความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทำให้แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายด้าน เช่น ระบบเศรษฐกิจต่าง ๆ มีความเชื่อมโยงกันทั่วโลก ทำให้ง่ายต่อการติดต่อสื่อสารได้สะดวก
3.1 องค์ประกอบของการรู้เท่าทันสื่อ
การรู้เท่าทันสื่อเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรปฏิบัติในการดำเนินงานต่างๆ เพื่อให้ได้รับผลสำเร็จ ซึ่งองค์ประกอบของการรู้เท่าทันสื่อ มีดังนี้
การรู้เท่าทันสื่อยังนำไปสู่การตระหนักในสิทธิการสื่อสารของประชาชนและทำให้สามารถสื่อสารได้อย่างสร้างสรรค์ มีคุณภาพ และเกิด
ประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงสร้างประชาธิปไตยของสังคมอีกด้วย
3.2 การรู้เท่าทันสื่อดิจิทัลและการรู้เท่าทันสื่อ
การรู้เท่าทันสื่อในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Media Literacy หมายถึง ความสามารถที่จะเข้าถึงข้อมูล วิเคราะห์สาร ประเมินสาร และสื่อความเนื้อหาสารในรูปแบบต่าง ๆ โดยผู้ที่รู้เท่าทันสื่อจะเข้าใจลักษณะรูปแบบของสื่อและความสามารถในการอธิบายความหมายของสิ่งที่พบในสื่อได้แต่ด้วยวิวัฒนาการขยายแนวคิดให้ทันสมัยตามบริบทของสังคมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป การรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อดิจิทัลมีมากขึ้น จึงมีการนิยามความรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล (DigitalLiteracy) ที่หมายรวมถึง ความสามารถในการเข้าถึงสื่อ ความสามารถในการวิเคราะห์สื่อ ความสามารถในการแต่งหรือสร้างสื่อ และความสามารถในการสะท้อนความคิดเห็นที่มีต่อสื่อ นอกจากนี้ การรู้เท่าทันสื่อยังเป็นการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของสื่อในสังคมและสร้างทักษะที่สำคัญในการแสดงออกได้อีกด้วย
1. การรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล สามารถแบ่งออกได้ 8 ด้าน ดังนี้
2. การรู้เท่าทันสื่อ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้
3.3 การใช้สื่อและปัญหาที่พบในสื่อปัจจุบัน
ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมการสื่อสารในปัจจุบันมีการพัฒนาไปอย่างมาก ทำให้สื่อสามารถเข้าถึงมนุษย์ได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็วมากขึ้น ดังนั้น ผลกระทบของสื่อต่อผลการได้รับข้อมูล ข่าวสาร และสารสนเทศจึงมีมากตามไปด้วย ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี การมีอุปกรณ์พกพา เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต ประกอบกับการเข้าใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้จากทุกที่ทุกเวลากับความเร็วของเครือข่าย ยิ่งทำให้สื่อมีอิทธิพลต่อบุคคลและสังคม โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ผู้คนใช้เวลากับการท่องอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการเติบโตของผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น ซึ่งเรียกว่าเป็นปรากฏการณ์สังคมก้มหน้า ซึ่งในยุคสังคมสารสนเทศการได้รับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อที่นำเสนออยู่ตรงหน้า โดยปราศจากการคิด วิเคราะห์ ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนในการรับข้อมูลมาอย่างรวดเร็ว และแบ่งปันต่อหรือส่งต่ออย่างรวดเร็ว หากข้อมูลนั้นเป็นเท็จก็อาจจะส่งผลกระทบที่สร้างความเสื่อมเสียหรือ ความเสียหายต่อบุคคล องค์กร หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนั้น โดยปัญหาเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการไม่รู้เท่าทันสื่อของคนในสังคม
ในยุคที่สื่อและเทคโนโลยีมีความก้าวหน้า ปัญหาของสื่อยิ่งมีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับสังคมในวงกว้างขึ้นและรวดเร็วขึ้น และด้วยอำนาจและอิทธิพลของสื่อในหลายช่องทางเพื่อการแสวงหาผลประโยชน์ขององค์กรต่าง ๆ ปัญหาที่เกิดจากสื่อก่อให้เกิดปัญหาสังคมต่าง ๆ ตามมา โดยเราจะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันหลายปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม สื่อเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดปัญหานั้น เห็นได้จากข่าวที่ปรากฏในสังคม เช่น ข่าวความรุนแรง ซึ่งจะนำไปสู่การเลียนแบบพฤติกรรมก้าวร้าว ปัญหาความรุนแรงในสังคมจึงเป็นแนวคิดในการควบคุมสื่อในรูปแบบของการออกกฎหมายมาใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุม แต่ทั้งนี้จะโทษสื่ออย่างเดียวไม่ได้ ผู้รับสื่อก็ควรที่จะได้เรียนรู้ ได้ศึกษาเรื่องสื่อหรือการรู้เท่าทันสื่อ เพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันและแก้ปัญหาอิทธิพลและผลกระทบทางลบของสื่อ
3.4 ผลกระทบของข้อมูลที่ผิดพลาด
ในปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและข่าวสารต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น สิ่งที่ต้องทำเมื่อได้รับข้อมูลมาจากแหล่งต่าง ๆ คือ การวิเคราะห์ว่าสิ่งที่เผยแพร่ในสื่อออนไลน์เป็นข้อมูลที่เป็นจริงหรือไม่ โดยจะขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ของแต่ละคนซึ่งผลกระทบของข้อมูลที่ผิดพลาด มีดังนี้
1. การละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างไม่มีขีดจำกัดย่อมส่งผลต่อการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล การนำเอาข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวกับบุคคลออกไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน ซึ่งข้อมูลบางอย่างอาจไม่เป็นจริงหรือยังไม่ได้พิสูจน์ความถูกต้อง และอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลโดยไม่สามารถป้องกันตนเองได้
2. เมื่อแชร์ข้อมูลต่าง ๆ ลงบนอินเทอร์เน็ต อาจจะทำให้ผู้แชร์ข้อมูลถูกโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวจนเกิดเป็นอาชญากรรมบนเครือข่าย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดปัญหาใหม่ ๆ ขึ้น เช่น อาชญากรรมในรูปของการขโมยความลับ การขโมยข้อมูลสารสนเทศ การให้บริการสารสนเทศที่มีการหลอกลวง รวมถึงการทำลายข้อมูลที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ในระบบเครือข่าย
3. การได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดนั้น อาจจะส่งผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องที่ไม่ได้มีความผิดแต่ถูกกล่าวอ้างหรือทำให้ได้รับความเสียหายจนทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ อาจส่งผลถึงสภาพจิตใจ และมีโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ รุมเร้า จนทำให้สุขภาพร่างกายทรุดโทรม
4. การแชร์ข้อมูลที่เป็นเท็จลงในโลกออนไลน์ที่ทุกคนสามารถเห็นนั้น อาจจะทำให้ผู้ที่แชร์ข้อมูลที่เป็นเท็จถูกดำเนินคดี โดยผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ผลกระทบจากการได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด
หากไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเนื้อหาข้อมูลดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ อาจส่งผลกระทบได้ ดังนี้
1. การถูกโจรกรรมข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร ข้อมูลรหัสผ่านต่าง ๆหรือหากเป็นเนื้อหาประเภท Phishing ซึ่งเป็นเทคนิคการหลอกลวงโดยใช้จิตวิทยาผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มักจะมาในรูปของอีเมล หรือ เว็บไซต์เพื่อหลอกลวงให้ผู้หลงเชื่อเผยข้อมูลอันเป็นความลับต่าง ๆ
2. การถูกโจมตีโดยซอฟต์แวร์ที่มุ่งประสงค์ร้ายจากผู้ไม่หวังดี อาจส่งผลถึงสภาพ จิตใจของผู้ใช้งาน ทำให้เกิดภาวะเครียดจนเสียสุขภาพได้
3. การถูกล่อลวงด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จต่าง ๆ เช่น เมื่อคลิกลิงก์เข้าเว็บไซต์แล้ว อาจจะนำไปสู่การเปิดเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ข้อมูลละเมิดลิขสิทธิ์ หรือข้อมูลที่ละเมิดศีลธรรม