เรียนก่อนกลางภาคเรียนที่ 1
เรียนก่อนกลางภาคเรียนที่ 1
บทเรียนหลังกลางภาคเรียนที่ 1
1 การสืบค้นเพื่อหาเเหล่งข้อมูล
ในปัจจุบันการได้มาซึ่งข้อมูลในยุคดิจิทัลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์นั้น สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่ง คือ ความน่าเชื่อถือของข้อมูล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อ
คุณภาพของข้อมูล หากข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ไม่มีความน่าเชื่อถือ ก็ไม่สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยความน่าเชื่อถือของข้อมูลจำเป็นต้องเริ่มจากการสืบค้น เพื่อหาแหล่งข้อมูลที่มีคุณภาพ จากนั้นจึงดำเนินการประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลไปตามลำดับ
การสืบค้นแหล่งข้อมูล คือ กระบวนการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ โดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ การสืบค้นเพื่อหาแหล่งข้อมูล
สามารถทำได้ ดังนี้
1. การสืบค้นข้อมูลด้วยมือ เป็นการสืบค้นข้อมูลจากเอกสาร หนังสือ ตำรา โดยสามารถสืบค้นจากสถานที่ หรือหน่วยงานที่จัดเตรียม
ข้อมูลต่างๆ ไว้ให้ เช่น ห้องสมุดในโรงเรียน เอกสารแผ่นพับแนะนำข้อมูลด้านสุขภาพในโรงพยาบาล
2. การสืบค้นข้อมูลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เป็นการสืบค้นข้อมูลผ่านเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น การสืบค้นข้อมูลจากระบบฐาน
ข้อมูล ข้อมูลออนไลน์ ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ข้อมูลจากโปรแกรมค้นหา (Search Engine)
1.1 ตัวอย่างการสืบค้นเพื่อหาแหล่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
การสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เป็นวิธีการสืบค้นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นแหล่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญและใหญ่ที่สุด มีการอัปเดตข้อมูลอยู่ตลอดเวลาแทบทุกวินาที การสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตควรดำเนินการ ดังนี้
ในประเทศไทยการเรียนการสอนเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต ส่วนใหญ่เป็นไปในลักษณะของการเปิดอบรมหลักสูตรระยะสั้นให้แก่สมาชิกเครือข่าย หรือประชาชนผู้สนใจทั่วไป แต่จะมีสถาบันการศึกษาหลายแห่งได้จัดให้มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต โดยจัดให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษารายวิชาต่าง ๆ ให้แก่นักศึกษา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการที่จะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการค้นคว้าวิจัย หรือทำรายงาน
ในรายวิชาต่าง ๆ และเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง
1. ประโยชน์และโทษของอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ ในลักษณะของการสื่อสารที่ผ่านทางคอมพิวเตอร์ จึงทำให้เกิดทั้งประโยชน์และโทษในการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต มีหลากหลายลักษณะตามการใช้งาน ทั้งการติดต่อสื่อสาร และการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ดังนี้
โทษของอินเทอร์เน็ต มีหลากหลายลักษณะทั้งที่เป็นแหล่งข้อมูลที่เสียหาย ข้อมูลไม่ดี ไม่ถูกต้อง เป็นที่รวมและกระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ดังนี้
2. คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต เนื่องจากอินเทอร์เน็ตเป็นระบบเครือข่าย
ขนาดใหญ่ที่เกิดจากการเชื่อมต่อเครือข่ายขนาดเล็กจำนวนมากเข้าด้วยกัน เมื่อมีระบบเครือข่ายเกิดขึ้นจะทำให้สามารถสื่อสารกับผู้อื่นผ่านทางระบบเครือข่ายได้ แต่สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยในการที่เราจะอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุข คือ มารยาทและกฎกติกาของสังคม ดังนั้น จึง
จำเป็นจะต้องรู้จักกฎ กติกา มารยาท และคุณธรรม และจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อ
เป็นการ ให้เกียรติและไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น สำหรับคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้
อินเทอร์เน็ตที่ควรปฏิบัติ มีดังนี้
1) ใช้ถ้อยคำที่สุภาพในการสื่อสาร และการใช้งานบนอินเทอร์เน็ต
2) หากพบข้อความหรือรูปภาพบนอินเทอร์เน็ตที่มีลักษณะหยาบคายหรือไม่เหมาะสมควรแจ้งให้ผู้ปกครองทราบทันที
3) ไม่ใช้อินเทอร์เน็ตในการละเมิดสิทธิของผู้อื่น เช่น พยายามเข้าถึงข้อมูลของผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต การคัดลอกข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
4) ไม่บอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ชื่อโรงเรียนของตนให้แก่บุคคลอื่น ที่รู้จักกันทางอินเทอร์เน็ต โดยไม่ได้รับอนุญาต
จากผู้ปกครองก่อน
5) ไม่ใช้อินเทอร์เน็ตทำลายผู้อื่น เช่น การเผยแพร่ซอฟต์แวร์ประเภทไวรัสไปยังผู้อื่น
6) ไม่ใช้อินเทอร์เน็ตหลอกลวงผู้อื่น เช่น การสนทนาผ่านเครือข่ายเพื่อการหลอกลวงผู้อื่น
7) ไม่ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ เช่น การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง การเผยแพร่ข้อมูลจากแหล่งที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ
8) ควรเคารพต่อข้อตกลงในการใช้อินเทอร์เน็ตที่ให้ไว้กับผู้ปกครอง เช่น กำหนดระยะเวลาในการใช้อินเทอร์เน็ตหรือเว็บไซต์ที่ผู้ปกครองอนุญาต
ให้เข้าได้
9) ใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตในทางที่ถูกต้อง เช่น การสืบค้นข้อมูลทางด้านการศึกษาเพื่อหาความรู้ให้รู้เท่าทันเทคโนโลยีหรือสื่อสังคม
ออนไลน์ต่าง ๆ โดยงดเว้นการใช้งานอินเทอร์เน็ตในทางที่ผิด เช่น การเข้าเว็บไซต์ที่ผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย
3. เครื่องมือสำหรับสืบค้นข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับสืบค้นข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต โดยโปรแกรมค้นหาจะทำการสืบค้นข้อมูลจากคำสำคัญ (Keyword) และทำการแสดงผลลัพธ์การสืบค้นแบบเรียงลำดับ ซึ่งจะเรียงลำดับเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำสำคัญดังกล่าว โดยเว็บไซต์ที่นิยมในปัจจุบัน เช่น www.google.com,www.yahoo.com, www.bing.com ประเภทของโปรแกรมค้นหาสามารถแบ่งตามลักษณะการทำงานได้ 3 ประเภท ดังนี้
1.2 ขั้นตอนการสืบค้นเพื่อหาแหล่งข้อมูลด้วยอินเทอร์เน็ต
การสืบค้นข้อมูลจากระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ และ ตรงตามความต้องการของผู้สืบค้น ซึ่งข้อมูลบน
อินเทอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ขนาดมหาศาลและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ในการสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพ จะมีรายละเอียด ดังนี้
1. การสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต มี 4 ขั้นตอน ดังนี้
1) กำหนดวัตถุประสงค์และหัวข้อการสืบค้นให้ชัดเจน ผู้สืบค้นที่จะนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ควรตั้งวัตถุประสงค์และกำหนดหัวข้อการสืบค้นที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถกำหนดขอบเขตของแหล่งข้อมูลที่จะสืบค้นให้เหมาะสม ไม่กว้างจนเกินไป เช่น หากต้องการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ
การสอนโปรแกรมภาษาไพทอน (Python Programming) ควรกำหนดวัตถุประสงค์ของการสืบค้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นข้อมูลที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ
การสอนโปรแกรมภาษาไพทอนเป็นลำดับแรก โดยให้ความสำคัญกับข้อมูลลักษณะการขาย การอบรมโปรแกรมภาษาไพทอน หรือการขาย
เครื่องมือสำหรับการสร้างชุดคำสั่งภาษาไพทอนเป็นลำดับรอง และกำหนดประเภทของเครื่องมือ หรือโปรแกรมสำหรับการสืบค้นทางอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า โปรแกรมค้นหา ซึ่งมีเว็บไซต์เพื่อการสืบค้นที่นิยมในปัจจุบัน เช่น www.google.com, www.yahoo.com, www.bing.com ทั้งนี้ เพื่อให้ผลการสืบค้นข้อมูลตรงตามความต้องการและมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด จึงต้องมีการค้นคว้าจากหลายแหล่งข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่มี
ประสิทธิภาพ
2) กำหนดประเภทของข้อมูลที่จะสืบค้น ข้อมูลสารสนเทศที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตมีหลากหลายประเภท เช่น ข้อความ (Text) ภาพ (Image)
เสียง(Sound) ภาพเคลื่อนไหว (Animation) วีดิทัศน์ (Video) ซึ่งเทคโนโลยีการสืบค้นข้อมูลในปัจจุบันสามารถสืบค้นข้อมูลดังกล่าวได้อย่าง
รวดเร็ว ดังนั้น ผู้สืบค้นควรกำหนดประเภทข้อมูลที่ต้องการสืบค้นให้ชัดเจนเพื่อลดเวลาการสืบค้น และเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ตรงตามความต้องการ ไม่
หลากหลายจนเกินไป เช่น หากต้องการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการสอนโปรแกรมภาษาไพทอน อาจกำหนดประเภทข้อมูลผลลัพธ์ที่ได้จาก
การสืบค้น โดยเลือกเฉพาะข้อความ ภาพ หรือวีดิทัศน์ อีกทั้งการกำหนดประเภทของข้อมูลที่จะสืบค้นนั้น ผู้สืบค้นจำเป็นต้องคำนึงถึงการไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ข้อมูล หรือการไม่ละเมิดสิทธิของเจ้าของแหล่งข้อมูลอีกด้วย
3) กำหนดคำสำคัญสำหรับสืบค้นข้อมูล (Keyword) เนื่องจากโปรแกรมค้นหามีลักษณะการทำงาน คือ การแสดงผลการสืบค้นจากคำสำคัญที่กำหนด เช่น หากต้องการสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสอนโปรแกรมภาษาไพทอน (Python Programming) สามารถกำหนด
คำสำคัญได้ ดังนี้ สอนภาษาไพทอน โครงสร้างภาษาไพทอน หรือ Python Programming Tutorial
4) ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ได้จากการสืบค้น คือ กระบวนการคัดแยกโดยเลือกเฉพาะข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นมีหลากหลายประเภท และมาจากหลากหลายแหล่ง ดังนั้น ผู้สืบค้นจำเป็นต้องประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เพื่อให้ได้
เฉพาะข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ ถูกต้อง และมีคุณค่าสำหรับการนำไปใช้ประโยชน์
2. เทคนิคการสืบค้นด้วย Google.com เบื้องต้น โดยทั่วไปผู้สืบค้นจะทำการค้นหาข้อมูลจากการกำหนดคำสำคัญเป็นหลัก แต่ Google สามารถสืบค้นด้วยวิธีการต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำำมากขึ้น ดังนี้
1) การเชื่อมคำด้วยการใช้เครื่องหมายบวก (+) จะทำให้ Google ให้ความสำคัญกับคำสำคัญที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลมากขึ้น เช่น หากต้องการสืบค้นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสอนโปรแกรมภาษาไพทอน ผู้สืบค้นสามารถกำหนดคำสำคัญได้ ดังนี้ สอน+ภาษา+ไพทอน ซึ่ง Google จะทำการสืบค้นเว็บไซต์ที่มีคำว่า สอน ภาษา และไพทอนที่อยู่ในเนื้อหาของเว็บไซต์ และนำมาแสดงเป็นผลลัพธ์
2) การตัดคำที่ไม่ต้องการด้วยการใช้เครื่องหมายลบ (-) หากผู้สืบค้นไม่ต้องการให้ Google สืบค้นเว็บไซต์ที่มีคำสำคัญที่ผู้สืบค้นไม่ต้องการอยู่ในข้อมูล ผู้สืบค้นสามารถใช้เครื่องหมายลบ ในคำสำคัญที่ต้องการสืบค้น เช่น ถ้าผู้สืบค้นต้องการค้นหาเว็บไซต์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการสอนโปรแกรมภาษาไพทอน แต่ไม่ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการขายหลักสูตรอบรม ผู้สืบค้นสามารถกำหนดคำสำคัญ ดังนี้ สอนภาษาไพทอน-หลักสูตรอบรม
3) การค้นหากลุ่มคำสำคัญด้วยการใช้เครื่องหมายอัญประกาศ ("…") เหมาะสำหรับการสืบค้นด้วยคำสำคัญที่มีลักษณะเป็นประโยค วลี หรือกลุ่มคำที่ผู้สืบค้นต้องการให้แสดงผลทุกคำในประโยค โดยไม่แยกคำและเรียงลำำดับคำตามลำดับในคำสำคัญ เช่น ถ้าผู้สืบค้นต้องการหาเว็บไซต์ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการสอนโปรแกรมภาษาไพทอน ผู้สืบค้นสามารถกำหนดคำสำคัญสำหรับสืบค้น ดังนี้ "สอน ภาษา ไพทอน"
4) การค้นหาข้อมูลเพิ่มมากขึ้นด้วยการใช้คำว่า OR เป็นการสั่งให้ Google ค้นหาข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เช่น ถ้าผู้สืบค้นต้องการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับภาษาไพทอน ทั้งที่เป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ให้ผู้สืบค้นพิมพ์คำสำคัญว่า ไพทอน ภาษาไทย OR ภาษาอังกฤษ Google จะทำการค้นหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับภาษาไพทอน ทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ