I. การฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้ามีเอกลักษณ์ที่พิเศษ และการฟื้นฟูนี้จำต้องบริสุทธิ์หมดจด, มีความเป็นหนึ่งเดียว, และแยกบริสุทธิ์อย่างสิ้นเชิง ปราศจากการปะปนใดๆ; ดังนั้นเราจึงต้องมีบรรดาเอษราและนะเฮมยามาทำการงานแห่งการชำระให้บริสุทธิ์; ในทุกๆ ขั้นตอนของการฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นจำต้องมีการชำระให้บริสุทธิ์:
1. เอษราชำระการฟื้นฟูให้บริสุทธิ์โดยการทำให้ “เชื้อสายบริสุทธิ์” ถูกแบ่งแยกออกจากทุกสิ่งที่เป็นของพวกนอกศาสนา — อษร.9:1—10:44:
(1) ก่อนที่เอษราจะมาถึงได้มีการปะปน เพราะชาวอิสราเอลบางคนได้แต่งงานกับภรรยาที่เป็นพวกนอกศาสนาและมีบุตรเกิดมาจากการปะปนนี้; นี่เป็นแบบเล็งอย่างหนึ่งที่เราควรปรับใช้ในด้านฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่ตามตัวอักษร.
(2) ในการฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้ามีความจำเป็นที่จะต้องมีการชำระให้บริสุทธิ์ เพื่อแบ่งแยก “เชื้อสายบริสุทธิ์” ออกมาจากทุกสิ่งที่เป็นของพวกนอกศาสนา — อษร.9:1–2:
ก. การฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือเชื้อสายบริสุทธิ์; เราต้องบริสุทธิ์หมดจดจนถึงขั้นที่เชื้อสายบริสุทธิ์จะไม่มีทางผสมกลมกลืนกับทุกสิ่งที่เป็นของพวกนอกศาสนาโดยเด็ดขาด.
ข. เมื่อการฟื้นฟูแยกบริสุทธิ์ เราก็จะมองเห็นการอวยพระพรขององค์พระผู้เป็นเจ้า — ยอค.34:26.
2. หลังจากที่ได้ก่อสร้างพระนิเวศน์แล้ว เราต้องมีการชำระให้บริสุทธิ์ (ดังที่เห็นได้จากการนำพาของเอษรา) และหลังจากที่ก่อสร้างเมืองแล้ว เราก็ต้องมีการชำระให้บริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง (ดังที่เห็นได้จากความเด็ดขาดของนะเฮมยา) — อษร.9:1–2; 10:1–44; นฮย.13:1–30ก.
3. ในคริสตจักรท้องถิ่นนั้น เราต้องถูกชำระให้บริสุทธิ์อย่างถี่ถ้วนจากการปะปนทุกอย่าง; ทุกสิ่งที่ธรรมดาสามัญและทุกสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเนื้อแท้ฝ่ายสวรรค์ของการฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้าล้วนต้องถูกชำระล้างให้หมดไป — 2ตธ.2:19–22.
II. บาบิโลนคือการปะปนระหว่างสิ่งที่เป็นของพระเจ้ากับสิ่งที่เป็นของรูปเคารพ และหลักการของบาบิโลนคือการนำเอาสิ่งที่เป็นของมนุษย์มาปะปนกับพระคำของพระเจ้า และนำเอาสิ่งที่เป็นของเนื้อหนังมาปะปนมาสิ่งที่เป็นของพระวิญญาณนั้น — 2คนก.36:6–7; อษร.1:11; วว.17:3–5:
1. สิ่งใดก็ตามที่เป็นส่วนหนึ่งของบาบิโลนล้วนเป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนในสายพระเนตรของพระเจ้า; ทุกสิ่งที่เป็นฝ่ายบาบิโลนย่อมทำให้ซาตานมีฐานะที่จะทำให้พลไพร่ของพระเจ้าพ่ายแพ้ — ยฮซ.7:1–21.
2. พระเจ้าทรงเกลียดชังหลักการของบาบิโลนยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น; มีเพียงเมื่อเราพิพากษาทุกสิ่งที่เป็นฝ่ายบาบิโลนในตัวเราเช่นนี้ เราจึงจะประกาศได้ว่า เราเองก็เกลียดชังหลักการของบาบิโลนเหมือนกัน.
III. ในกิจการบทที่ 21 และในหนังสือยาโกโบมีการปะปนอยู่; ยาโกโบนำพันธสัญญาเดิมมาปะปนกับพันธสัญญาใหม่, กาลสมัยเดิมมาปะปนกับกาลสมัยใหม่, พลไพร่เดิมของพระเจ้ามาปะปนกับพลไพร่ใหม่ของพระเจ้า, และคนเก่ามาปะปนกับคนใหม่ — ยก.1:1, 17–18; 2:1–4, 8–12; 3:2; 4:11–12; 5:10–11:
1. กิจการบทที่ 21 เปิดโปงถึงการปะปนที่ร้ายแรงที่อยู่ในคริสตจักรในกรุงเยรูซาเล็ม;ผู้เชื่อชาวยูดายยังคงถือรักษากฎบัญญัติของโมเซ, ยังคงหยุดยั้งอยู่ในยุคพันธสัญญาเดิม, และอยู่ภายใต้อิทธิพลของศาสนายูดายอย่างรุนแรง โดยได้นำแผนการบริหารแห่งพันธสัญญาใหม่ของพระเจ้าไปผสมปนเปกับแผนการบริหารแห่งพันธสัญญาเดิมที่หมดยุคไปแล้ว — ข้อ 18–21.
2. พวกเขาไม่ตระหนักว่า กาลสมัยแห่งกฎบัญญัติได้ผ่านพ้นไปแล้วโดยสิ้นเชิง, กาลสมัยแห่งพระคุณควรจะได้รับการนับถืออย่างเต็มที่, และการไม่แยกแยะความแตกต่างระหว่างสองกาลสมัยนี้จะต่อต้านการบริหารปกครองแห่งกาลสมัยของพระเจ้าและสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับโครงการแห่งแผนการบริหารของพระเจ้า ซึ่งมีเพื่อการก่อสร้างคริสตจักรอันเป็นการสำแดงของพระคริสต์ — ยฮ.1:16–17; วว.2:9.
3. กฎบัญญัติเรียกร้องมนุษย์ตามสิ่งที่พระเจ้าทรงเป็น; พระคุณหล่อเลี้ยงมนุษย์ด้วยสิ่งที่พระเจ้าทรงเป็น เพื่อตอบสนองข้อเรียกร้องของพระเจ้า; พระคุณก็คือพระเจ้าที่มาเป็นการรับสุขของมนุษย์ — ยฮ.1:16–17; ฆต.6:18; 2กธ.13:14; 12:9; 1ปต.4:10; อฟ.3:2; 4:29; 6:24.
IV. ปัญหาใหญ่ในท่ามกลางบุตรของพระเจ้าคือการปะปนระหว่างตัวเองกับวิญญาณ — ฮร.4:12:
1. การปะปนนี้ทำให้หลายคนไม่มีคุณสมบัติที่จะมาปรนนิบัติพระเจ้า เพราะในวิญญาณของเขามีการปะปนมากมาย ซึ่งไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า — 2ตธ.1:3.
2. วิญญาณในส่วนลึกที่สุดของเรานั้นบริสุทธิ์หมดจดและไร้มลทิน; แต่เมื่อวิญญาณออกมาผ่านจิตและร่างกาย วิญญาณก็อาจจะถูกเจือปนด้วยความมลทินและความเสื่อมเสีย — 2กธ.7:1.
3. การจัดการกับวิญญาณเน้นที่การจัดการกับแรงจูงใจและจุดมุ่งหมายที่ไม่บริสุทธิ์จดหมดและการปะปนอื่นๆ ที่อยู่ภายในเรา — 1ธซ.5:23; 2ตธ.1:7.
V. เราต้องมีความบริสุทธิ์หมดจดในใจ, ในมโนธรรม, และในวิญญาณ:
1. ผู้ที่มีใจบริสุทธิ์หมดจด ก็จะได้เห็นพระเจ้า — มธ.5:8; โยบ 42:5; วว.22:4:
(1) การมีใจบริสุทธิ์หมดคือการมีวัตถุประสงค์หนึ่งเดียว มีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คือต้องการที่จะทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จครบถ้วน เพื่อถวายสง่าราศีแด่พระเจ้า — 1กธ.10:31.
(2) ใจที่บริสุทธิ์หมดจดคือใจที่ยึดองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว — 1ตธ.1:5; 2ตธ.2:22; บพส.73:1.
(3) เมื่อพิจารณาตามความหมายในพันธสัญญาใหม่นั้น การมองเห็นพระเจ้ามีค่าเท่ากับการได้รับพระเจ้า และการได้รับพระเจ้าคือการต้อนรับพระเจ้าในองค์ประกอบของพระองค์, ในชีวิตของพระองค์, และในพระนิสัยของพระองค์ เพื่อเราจะถูกก่อรูปด้วยพระเจ้า; การมองเห็นพระเจ้าย่อมเปลี่ยนแปลงเรา เพราะในการมองเห็นพระเจ้า เราก็ได้ต้อนรับองค์ประกอบของพระองค์เข้าสู่เรา และองค์ประกอบเก่าของเราก็ถูกขจัดออกไป — 2กธ.3:18.
(4) การมองเห็นพระเจ้าคือการถูกเปลี่ยนแปลงให้มีพระฉายาอันสง่าราศีของพระคริสต์ผู้เป็นมนุษย์พระเจ้า เพื่อเราจะได้สำแดงพระเจ้าในด้านชีวิตของพระองค์และเป็นตัวแทนของพระองค์ในด้านอำนาจของพระองค์ — 1ยฮ.3:1–3; ยนซ.1:26.
(5) เราควรจะมีใจบริสุทธิ์หมดจดและมีใจเดียวเพื่อการฟื้นฟูขององค์พระผู้เป็นเจ้า; มีเพียงเช่นนี้เราจะช่วยเหลือการฟื้นฟูได้ — 1ตธ.1:5; 2ตธ.2:22; 1ปต.1:22.
2. เราไม่เพียงต้องมีมโนธรรมที่ไม่บกพร่องเท่านั้น แต่ต้องมีมโนธรรมที่บริสุทธิ์หมดจดด้วย — กจ.23:1; 24:16; 1ตธ.3:9; 2ตธ.1:3:
(1) มโนธรรมที่ไม่บกพร่องคือมโนธรรมที่ปราศจากบกพร่องทั้งต่อพระเจ้าและต่อมนุษย์ — กจ.23:1; 24:16.
(2) มโนธรรมที่บริสุทธิ์หมดจดคือมโนธรรมที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์หมดจดปราศจากการปะปนใดๆ; มโนธรรมเช่นนี้เป็นพยานเหมือนอย่างเปาโลว่า เราแสวงหาพระเจ้าและน้ำพระทัยของพระองค์เพียงเท่านั้น — 2ตธ.1:3.
3. คุณสมบัติประการแรกในการงานคือความบริสุทธิ์หมดจดของวิญญาณ — 2กธ.6:4ก, 6:
(1) การหาบุคคลที่มีวิญญาณที่บริสุทธิ์หมดจดนั้นเป็นเรื่องยาก (7:1); ความบริสุทธิ์หมดจดเป็นเงื่อนไขที่จำเป็นต้องมีในการนำพาและเป็นเงื่อนไขพื้นฐานสำหรับการปรนนิบัติของเรา (1ตธ.3:9; 1:5); ปัญหาในเรื่องการปะปนเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในท่ามกลางคนงาน; ความไม่บริสุทธิ์หมดจดมักจะเป็นต้นตอของการเข้าใจผิดและความสงสัย (2ตธ.1:3; 1ตธ.3:9; ตต.1:15).
(2) เราต้องจัดการกับการปะปนทุกอย่างในวิญญาณของเราอย่างสิ้นเชิง เพื่อในเวลาที่วิญญาณของเราถูกปลดปล่อยออกมา จะไม่เป็นอันตรายหรือสร้างปัญหาให้แก่ผู้อื่น.
(3) ถ้าเราอยากจะให้พระเจ้าใช้การได้ วิญญาณของเราก็ต้องถูกปลดปล่อยออกมา และวิญญาณของเราก็ต้องบริสุทธิ์หมดจด — 2กธ.6:4ก, 6.
VI. กรุงเยรูซาเล็มใหม่เป็นทองคำบริสุทธิ์ดุจแก้วใสสะอาด และถนนของเมืองนั้นก็เป็นทองคำบริสุทธิ์ดุจแก้วที่โปร่งใส — วว.21:18ข, 21ข:
1. ทองคำเป็นเครื่องหมายเล็งถึงพระนิสัยของพระเจ้า; การที่เมืองเป็นทองคำบริสุทธิ์บ่งชี้ว่า เมืองนั้นมาจากพระนิสัยอันศักดิ์สิทธิ์และมีพระนิสัยอันศักดิ์สิทธิ์เป็นองค์ประกอบ — ข้อ 18ข.
2. ทองคำบริสุทธิ์ของถนนและเมืองนั้นดุจแก้วใสสะอาด ซึ่งเป็นเครื่องหมายเล็งว่าทั้งเมืองนั้นโปร่งใสและไม่ขุ่นมัวเลยแม้แต่น้อย — ข้อ 21ข:
(1) ถ้าเรายึดพระนิสัยของพระเจ้าเป็นหนทางเพียงหนึ่งเดียวของเรา เราก็จะบริสุทธิ์หมดจด ปราศจากการปะปนใดๆ และโปร่งใสไม่ขุ่นมัว.
(2) ถ้าเราถูกซึมซาบและซาบซ่านด้วยพระวิญญาณผู้ประทานชีวิต สิ่งที่เราเป็นทางภายในก็จะโปร่งใสและใสสะอาดดุจแก้วผลึก — 2กธ.3:8–9, 18.
3. ถ้าเราต้องการมีการดำเนินชีวิตคริสตจักรที่แท้จริง คริสตจักรเองก็ต้องเป็นทองคำบริสุทธิ์ คือมาจากพระนิสัยอันศักดิ์สิทธิ์อย่างสิ้นเชิง; ในที่นี้เราจำเป็นต้องมีการงานแห่งกางเขนมาชำระล้างเราและชำระเราให้บริสุทธิ์หมดจด — วว.1:11, 20.
4. ความแตกต่างระหว่างคริสตศาสนจักรที่ทรยศกับคริสตจักรที่แท้จริงคือ ศาสนจักรนั้นปะปน ส่วนคริสตจักรนั้นบริสุทธิ์หมดจด; คริสตจักรท้องถิ่นควรจะเป็นเหมือนกรุงเยรูซาเล็มใหม่ที่ใสสะอาดดุจแก้วผลึก ไม่มีการปะปนใดๆ — 22:1.