คณะผู้จัดทำ
1. นายศิริมงคล ศรีทอง เลขที่ 3
2. นายธิตินันท์ พูลภูงา เลขที่ 4
3. นายบัณณทัต เชื้อหอม เลขที่ 5
4. นางสาวกาญจนา ศรีสัมฤทธิ์ เลขที่ 6
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ที่มาและ
ความสำคัญ
การบริโภคพืชผักถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีพของมนุษย์ เพราะพืชผักเป็นแหล่งของวิตามิน เกลือแร่ และกากใย พืชผักส่วนใหญ่ที่วางขายในท้องตลาดมีสารพิษตกค้าง จากการใช้สารเคมีกำจัดศัครูพืช รวมทั้งเชื้อโรคต่างๆ ที่ปนเปื้อนกับการปลูกพืชบนดิน อีกทั้งการปลูกผักในดินมักมีปัญหาเกี่ยวกับโรคและแมลง การจัดการปุ่ยและระบบน้ำทำได้ยาก เพราะการดูดซับของดินความเป็นกรด-ด่าง สภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการนำธาตุอาหารที่มีอยู่ในดินไปใช้ ทำให้พืชที่ปลูกบนดินเจริญเติบโตได้ไม่เต็มศักยภาพตามพันธุกรรมของพืชนั้น ๆ
ในปัจจุบันการผลิตผักปลอดสารพิษรูปแบบใหม่ คือ การปลูกผักไร้ดิน (Hydroponics) เป็นการปลูกพืชในสารละลายธาตุอาหาร อาศัยหลักการที่พืชต้องได้รับธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตผ่านระบบรากพืชพร้อมกับได้รับออกซิเจน และแสงแดดที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต สามารถใช้สารละลายธาตุอาหารและน้ำที่ได้รับอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถปลูกได้ในพื้นที่ไม่มีดิน หรือดินไม่เหมาะสมต่อการปลูกพืช ทำให้การใช้น้ำและปุ๋ยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การควบคุมโรค แมลงศัตรูพืชทำได้ง่ายกว่าพืชปกติ
เนื่องจากหมู่บ้านที่คณะผู้จัดทำอาศัยอยู่เป็นหมู่บ้านจัดสรร พื้นที่ใช้สอยในบ้านค่อนข้างจำกัด พื้นของหมู่บ้านเป็นปูน ทำให้ไม่มีพื้นที่และไม่มีดินในการปลูกผักไว้บริโภคในครัวเรือน ดังนั้น คณะผู้จัดทำจึงคิดทำโครงงานการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งเป็นการปลูกพืชไร้ดินไว้บริโภคในโรงเรียนและลงสู่ครัวเรือน
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาการปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์หรือพืชไร้ดิน
2. เพื่อลดปัญหาการใช้พื้นที่จำนวนมากในการปลูกพืช
3. เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการซื้อผักมาประกอบอาหารในครัวเรือน
4. เพื่อเพิ่มคุณค่าทางสารอาหารและลดสารพิษในผัก
ประโยชน์ที่คาดว่า
จะได้รับ
1. สามารถสร้างรายได้เสริม
2. เผยแพร่องค์ความรู้ให้กับนักเรียน คณะครู ชุมชนได้
3. สนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้คนหันมาลดการใช้สารเคมี
วัสดุ - อุปกรณ์
1) กล่องโฟม 2) ถาด
3) ฟองน้ำ 4) บีคเกอร์
5) ถ้วยปลูก 6) น้ำปุ๋ย A, B
7) น้ำ 8) ไม้จิ้มฟัน
9) เมล็ดพืช 10) กระบอกตวง
11) ขวดน้ำ 12) ปากกาเคมี
13) ถุงดำ 14) ไซริงค์
วิธีทำ
ชนิดพืช : Red Oak, Green Oak
วันที่ 1 ช่วงเพาะเมล็ด
1.1 ใส่ฟองน้ำลงในถาดเพาะเมล็ดตามจํานวนที่ต้องการปลูก ใส่น้ำให้ท่วมฟองน้ำ แล้วนวดให้ฟองน้ำอุ้มน้ำ
1.2 เทน้ำออกให้เหลือครึ่งหนึ่งของฟองน้ำ ใช้ ไม้จิ้มฟันจุ่มน้ำเล็กน้อยแตะที่เมล็ด (เมล็ดจะติดที่ไม้จิ้มฟัน) หลังจากนั้นใส่เมล็ดโดยให้ด้านแหลมของเมล็ด ปักลงตรงกลางของก้อนฟองน้ำ วางถาดเพาะเมล็ดทิ้งไว้ในที่ร่ม 1 คัน
วันที่ 2-4 ช่วงเพาะกล้า
2.1 นำถาดเพาะเมล็ดออกรับแสงแดดอ่อนตั้งแต่เช้า วางในพื้นที่แสงแดดส่องถึง
2.2 เติมน้ำเปล่าให้อยู่ระดับครึ่งหนึ่งของฟองน้ำเสมอ รดนํ้าหน้าผิวฟองน้ำโดยใช้ไซริงค์ฉีดพ่นที่ด้านข้างเมล็ดเบาๆ ในช่วงเช้า – เย็น
วันที่ 5-15 ช่วงอนุบาลต้นกล้า
3.1 เทน้ำออกจากถาดเพาะเมล็ดให้หมด
3.2 ผสมปุ๋ย A และ B อย่างละ 1.5 ml ต่อน้ำ 1 ลิตร แล้วใส่ลงในถาดเพาะเมล็ดให้มีระดับน้ำอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของถาดเพาะเมล็ด นำถาดเพาะเมล็ดออกรับแสงแดด
3.3 ถ้าน้ำลดลงให้เติมปุ๋ย A และ B รักษาระดับน้ำให้อยู่อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของถาด
วันที่ 16-30 ช่วงลงกล่อง
4.1 เติมน้ำเปล่าใส่กล่องปลูกให้เต็มกล่อง แล้วใส่ปุ๋ย A 70 ml คนให้เข้ากันทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วเติมปุ๋ย B 70 ml คนให้เข้ากันอีกครั้ง
4.2 นําต้นกล้าผักใส่ในถ้วยปลูก โดยให้ก้อนฟองน้ำอยู่เลยฐานของถ้วยปลูกประมาณ ครึ่งก้อนฟองน้ำ แล้วใส่ลงไปในกล่องปลูก
วันที่ 31-40 ช่วงเติบโตอย่างรวดเร็ว
5.1 ถ้าน้ำลดลงต่ำกว่าขอบบนสุดของกล่องลงมาเกินกว่า 4 ซม. ให้เติมน้ำเปล่ารักษาระดับน้ำไว้ที่ต่ำกว่าขอบบนสุดลงมา 4 ซม.
วันที่ 41-45 ช่วงเก็บผลผลิต
6.1 วันที่ 41 ถ่ายน้ำปุ๋ยทิ้งให้หมด แล้วเติมน้ำเปล่าใส่กล่องปลูกให้ระดับน้ำต่ำกว่าขอบบนสุดลงมา 4 ซม.
6.2 ตั้งแต่วันที่ 42-45 สามารถเก็บผลผลิตได้ตามสะดวก
6.3 ระยะเวลาที่เหมาะสมในการเก็บผลผลิตคือ ช่วงเช้าและเย็น **ถ้าเก็บตอนผักโดนแสงแดด ผักจะคายยางออกมาจะรู้สึกขม**
วิธีทำ
ชนิดพืช : ขึ้นฉ่าย
วันที่ 1-7 ช่วงเพาะเมล็ด
1.1 ใส่ฟองนํ้าลงในถาดเพาะเมล็ดตามจํานวนที่ต้องการปลูก ใส่น้ำให้ท่วมฟองน้ำ แล้วนวดให้ฟองน้ำอุ้มน้ำ
1.2 เทน้ำออกให้เหลือครึ่งหนึ่งของฟองน้ำ ใช้ไม้จิ้มฟันจุ่มนํ้าเล็กน้อยแตะที่เมล็ด ประมาณ 5-10 เมล็ด หลังจากนั้นใส่เมล็ดโดยแตะที่ตรงกลางของก้อนฟองน้ำ
1.3 ทิ้งไว้ในที่ร่มไม่โดนแสงแดด 7 วัน
1.4 รดนํ้าหน้าผิวฟองน้ำโดยใช้ไซริงค์ตวงน้ำใน ถาดฉีดพ่นที่ด้านข้างเมล็ดเบาๆ
วันที่ 8-14 ช่วงเพาะกล้า
2.1 นำถาดเพาะเมล็ดออกรับแสงแดดตั้งแต่เช้า วางในพื้นที่แสงแดดส่องถึง ทั้งวัน
2.2 เติมน้ำเปล่าให้อยู่ระดับครึ่งหนึ่งของฟองน้ำเสมอ
2.3 รดนํ้าหน้าผิวฟองน้ำโดยใช้ไซริงค์ ฉีดพ่นที่ด้านข้างเมล็ดเบา ๆ เช้า – เย็น
วันที่ 15-25 ช่วงอนุบาลต้นกล้า
3.1 ค่อยๆ เอียงเทน้ำออกจากถาดเพาะเมล็ดให้หมด
3.2 ผสมปุ๋ยA และ B อย่างละ 3.0 ml ต่อน้ำ 1 ลิตร ใส่ลงในถาดเพาะเมล็ดให้มีระดับน้ำครึ่งหนึ่งของฟองน้ำ
3.3 ถ้าน้ำลดลงให้เติมปุ๋ย A และ B รักษาระดับน้ำให้อยู่ครึ่งหนึ่งของฟองน้ำเสมอ
วันที่ 26-40 ช่วงลงกล่อง
4.1 เติมน้ำเปล่าใส่กล่องปลูกให้เต็มกล่องแล้ว ใส่ปุ๋ย A 40 ml คนให้เข้ากันทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วเติมปุ๋ย B 140 ml แล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง
4.2 นําต้นกล้าผักใส่ในถ้วยปลูก โดยให้ก้อนฟองน้ำอยู่เลยฐานของถ้วยปลูกประมาณครึ่งก้อนฟองน้ำ แล้วใส่ลงไปในกล่องปลูก
วันที่ 41-55 ช่วงเติบโตอย่างรวดเร็ว
5.1 ถ้านํ้าลดลงต่ำกว่าขอบบนสุดของกล่องลงมาเกินกว่า 4 ซม. ให้เติมนํ้าเปล่ารักษาระดับนํ้าไว้ที่ต่ำกว่าขอบบนสุดลงมา 4 ซม.
วันที่ 56-60 ช่วงเก็บผลผลิต
6.1 วันที่ 56 ถ่ายนํ้าปุ๋ยทิ้งให้หมดแล้วเติมน้ำเปล่าใส่กล่องปลูกให้ระดับน้ำต่ำกว่าขอบบนสุดลงมา 4 ซม.
6.2 ตั้งแต่วันที่ 57-60 สามารถเก็บผลผลิตได้ตามสะดวก
ผลการดำเนินงาน
สรุปผล
การดำเนิน
จากการศึกษาการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ จำนวน 3 กล่อง ได้แก่ เรดโอ๊ค, กรีนโอ๊คอย่างละ 1 กล่อง ๆ ละ 8 หลุม และ ขึ้นฉ่าย 1 กล่อง 20 หลุม แต่ละกล่องมีความกว้าง 38 ซม. ยาว 53 ซม. สูง 19 ซม. ขนาดพื้นที่กล่อง 2,014 ตร.ซม. คิดเป็นปริมาตร 38,266 ลบ.ซม. ซึ่งเหมาะกับการปลูกในพื้นที่จำกัด เช่น หมู่บ้านจัดสรร คอนโด อพาร์ทเม้นท์ เป็นต้น ผักที่ปลูกสามารถสามารถเติบโตและเก็บเกี่ยวได้ตามเวลาที่กำหนด โดยกรีนโอ๊คและเรดโอ๊คใช้เวลาปลูก 45 วัน ส่วนขึ้นฉ่ายใช้เวลาปลูก 60 วัน ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายในการซื้อผักมาประกอบอาหารในครัวเรือน ผักมีความสดใหม่ อุดมไปด้วยวิตามินและไฟเบอร์ ปลอดสารพิษและสารปนเปื้อนจากดิน
ข้อเสนอแนะ
1. การเก็บผลผลิต เมื่อถึงเวลากำหนดให้เก็บเกี่ยวได้เลย หากทิ้งไว้นานจะทำให้ผักแก่เกินไป
2. พืชแต่ละชนิดใช้เวลาในการปลูกยาวนานแตกต่างกัน ควรวางแผนระยะเวลาในการปลูก จะช่วยให้ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตพร้อมกัน
3. ควรทดลองปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ชนิดอื่นๆ เช่น กวางตุ้ง บัตเตอร์เฮด ผักกาดขาวไดโตเกียว ผักกาดหอม ผักคอส ผักกาดแก้ว เป็นต้น