1 การออม
โดยทั่วไปการออมจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นมีรายได้มากกว่ารายจ่าย
1.1 ความหมายของการออม
การออม คือ การเก็บหอมรอมริบ การถนอม และการสงวน สิ่งที่จะประหยัดหรือเก็บหอมรอมริบ ได้แก่ ทรัพย์สินเงินทอง
การออมเงิน หมายถึง การที่เรายอมเสียสละเงินในส่วนที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้ทันทีในเวลานี้ และเลือกที่จะนำเงินไปเก็บไว้ใช้ในอนาคตแทน โดยแบ่งเงินบางส่วนจากรายได้ในการประกอบอาชีพเพื่อเก็บสะสมไว้ใช้จ่ายเมื่อยามเกษียณอายุ หรือเมื่อยามเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
เงินออม (Saving) หมายถึง ส่วนของรายได้ที่เหลืออยู่หรือที่กันเอาไว้ไม่นำมาใช้จ่ายในการบริโภคอุปโภคในขณะปัจจุบัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเก็บไว้ใช้จ่ายในยามเจ็บป่วย เมื่อมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น หรือเมื่อแก่ชรา หรือเพื่อใช้จ่ายในกิจการอื่นใดที่สมควร
1.2 ความสำคัญของการออม
ความสำคัญของการออม มีดังนี้
1) เป็นค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉินของครอบครัว
2) เป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาสมาชิกในครอบครัว
3) เป็นการสะสมทรัพย์สินให้แก่สมาชิกของครอบครัวหลังจากหัวหน้าครอบครัวปลดเกษียณ
4) ยกระดับมาตรฐานการครองชีพให้สูงขึ้น
1.3 สมการของการออมเงิน
สมการการออมสามารถเขียนได้ดังนี้
เงินออม = รายได้ – รายจ่าย เงินออม = รายได้ – รายจ่าย
รายจ่าย = รายได้ – เงินออม รายจ่าย = รายได้ – เงินออม
1.4 การสร้างวินัยในการออม
การออมเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่าย แต่จริง ๆ แล้วทำได้ยากมาก ถ้าเลือกที่จะใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเพื่อหาความสุขให้แก่ตนเอง และไม่มีวินัย (Discipline) ในการออมเงิน
1) แนวทางการสร้างวินัยการออมเงิน มีดังนี้
(1) กำหนดเป้าหมายการออม
(2) ปรับเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับการออม
(3) ทบทวนไตร่ตรองให้ดีทุกครั้งก่อนจะจ่ายเงินซื้อสิ่งของตามต้องการ
(4) การเริ่มต้นออมเงินให้เริ่มต้นจากทีละน้อยก่อน
(5) จัดสรรเงินออมให้กับเป้าหมายต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับชีวิตตนเอง
(6) เริ่มเก็บออมให้เร็วที่สุดจะทำให้มีเงินออมมาก
(7) จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย
(8) ควบคุมการใช้บัตรเครดิตเพื่อสร้างวินัยการเงินในตนเอง
(9) จัดเก็บเอกสารทางการเงินอย่างเป็นระบบเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ
(10) ใช้หนี้เก่าให้หมดและยุติการก่อหนี้ใหม่
(11) ยึดหลักความพอเพียง
2) อุปสรรคของการออมเงิน มีดังนี้
(1) เงินเฟ้อ
(2) ความโลภหรือกิเลส
(3) เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
1.5 ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการออม
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการออม มีดังนี้
1) ผลตอบแทนที่ผู้ออมได้รับจากการออม
2) มูลค่าของอำนาจซื้อของเงินในปัจจุบัน
3) รายได้ส่วนบุคคลสุทธิ
4) ความแน่นอนของจำนวนรายได้ในอนาคตหลังการเกษียณอายุ
1.6 ทางเลือกในการออมเงิน
การออมเงินสามารถทำได้หลายวิธีดังต่อไปนี้
1) เก็บเงินไว้กับตนเอง
2) ฝากเงินไว้กับสถาบันการเงิน
1.7 ประโยชน์ของการออม
การออมมีประโยชน์ ดังนี้
1) ด้านเศรษฐกิจ
2) ด้านสังคม
3) ด้านวัฒนธรรม
4) ด้านการศึกษา
5) ด้านทรัพยากรธรรมชาติ
6) ด้านการพัฒนาชีวิต
2 การลงทุน
การลงทุนเป็นการนำเอาทรัพย์สินที่บุคคลมีอยู่ไปดำเนินการในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์ ซึ่งจะให้ ผลตอบแทนกลับคืนมาในช่วงเวลานั้น
2.1 ความหมายของการลงทุน
การลงทุน (Investment) หมายถึง การออมเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น ซึ่งเราจะต้องยอมรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในการตัดสินใจนำเงินออมมาลงทุนจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ และเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุน
2.2 ความสำคัญของการลงทุน
โดยปกติแล้ว “รายได้” ของคนส่วนใหญ่มักจะมีแหล่งรายได้มาจากการทำงานประจำ ซึ่งอาจเป็นการทำงานให้กับบริษัทเอกชน หรืออาจทำงานในหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ หรือมาจากการประกอบอาชีพอิสระ การทำธุรกิจส่วนตัว หรือเป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งอาชีพเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดรายได้ประจำอย่างต่อเนื่องตราบเท่าที่ยังมีแรง ยังมีความสามารถในการทำงานนั้นได้ต่อไป ซึ่งการที่มีเพียงรายได้จากการทำงานเพียงช่องทางเดียวนี้อาจไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายจิปาถะ ค่าเล่าเรียนบุตร ค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย หรือช่วงวัยชราที่จะต้องแก่ตัวลงและหมดแรงทำงานในที่สุด แต่ที่สำคัญ ในขณะนี้ ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีเงินลงทุนเลย เราควรที่จะต้องเริ่มเก็บออมเพื่อใช้เป็นทุนทรัพย์ในการลงทุนและยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับรอรับโอกาสในการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองในอนาคตต่อไป
2.3 วัตถุประสงค์ของการลงทุน
การลงทุนมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1) เพื่อรักษาความปลอดภัยของเงินออม
2) เพื่อเสถียรภาพของรายได้
3) เพื่อให้เงินทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
4) เพื่อประโยชน์ทางภาษี
5) เพื่อความคล่องตัวในการซื้อขาย
2.4 ปรัชญาในการลงทุน
ปรัชญาการลงทุน ประกอบด้วย
1) ความปลอดภัยของเงินลงทุน
2) เสถียรภาพของรายได้
3) ความงอกเงยของเงินลงทุน
4) ความคล่องตัวในการซื้อขาย
5) การกระจายเงินลงทุน
6) หลักเกี่ยวกับภาษี
2.5 ข้อเสนอแนะในการลงทุน
การลงทุนควรพิจารณาในเรื่องต่อไปนี้
1) ก่อนตัดสินใจลงทุนใด ๆ ควรมีการจัดสรรเงินเพื่อสำรองไว้ใช้เผื่อฉุกเฉิน
2) รู้จักลงทุนอย่างมีระเบียบแบบแผน
3) การลงทุนใด ๆ ก็ตามควรให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
4) การลงทุนใด ๆ ที่ให้ผลตอบแทนสูงความเสี่ยงก็จะสูงตาม
5) เลือกลงทุนในทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
6) การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงจึงควรศึกษาหาความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้ง
7) อย่าลงทุนตามกระแส
8) การลงทุนเป็นการบริโภคในอนาคต
9) ไม่ควรเปลี่ยนแปลงการลงทุนบ่อย ๆ
10) การลงทุนใด ๆ ย่อมต้องใช้เงินทุน
2.6 ผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุน
การลงทุนมีผลตอบแทนและความเสี่ยง ดังนี้
1) ผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on Investment) สามารถจำแนกได้ 2 ประเภท คือ
(1) ผลตอบแทนที่แน่นอน
(2) ผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน
2) ความเสี่ยงจากการลงทุน (Investment Risk) สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ
(1) ความเสี่ยงทางธุรกิจ
(2) ความเสี่ยงทางตลาด
(3) ความเสี่ยงในอัตราดอกเบี้ย
(4) ความเสี่ยงจากอำนาจซื้อ
2.7 ทางเลือกในการลงทุนประเภทต่าง ๆ
การลงทุนแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1) การลงทุนเพื่อการบริโภค
2) การลงทุนในทางธุรกิจ
3) การลงทุนทางการเงินหรือในหลักทรัพย์
2.8 การวางแผนการลงทุน
การวางแผนการลงทุนเป็นการจัดการกับความไม่แน่นอนทางการเงินในอนาคตของชีวิตโดยให้เงินออมที่มีอยู่ของเราทำงานให้มีดอกผลงอกเงยขึ้นมาเพียงพอต่อความต้องการใช้จ่ายและเป้าหมายต่าง ๆ ในชีวิต
1) ความหมายของการวางแผนการลงทุน การวางแผนการลงทุน (Investment Planning) คือ การวางแผนจัดสรรเงินทุนเพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงของสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ อัตราผลตอบแทนที่จะได้รับ เป้าหมายและระยะเวลาในการลงทุน ตลอดจนความเสี่ยงของ ผู้ลงทุนที่สามารถรับได้
2) ขั้นตอนการวางแผนการลงทุน มีดังนี้
(1) สำรวจความพร้อมทางการเงิน
(2) กำหนดเป้าหมายการลงทุน
(3) สำรวจความเสี่ยง
(4) จัดพอร์ตการลงทุน
(5) ประเมินผลการลงทุนเพื่อปรับพอร์ตการลงทุน