1. หลัง Modal verbs ทุกตัวต้องตาม Verb infinitive ซึ่งก็คือ Verb ที่เป็นรูปธรรมดา ไม่ผัน ไม่เติม (ไม่เติม –ing, -ed, ไม่เติม to, หรือ ไม่เติม s/es) เช่น
ถูก He can drive a car.
ผิด He can to drive a car
2. ไม่ว่าจะเป็นประธานตัวไหน เอกพจน์หรือพหูพจน์ คนเดียวหรือสองคน ก็ใช้กับ modal verbs ได้เลยโดยไม่ต้องเติม s / es ให้ยุ่งยาก (ง่ายซะยิ่งกว่าง่ายอีกค่ะ) เช่น
ถูก Christopher should stop smoking.
ผิด Christopher shoulds stop smoking.
3. Modal verbs ในกลุ่มนี้สามารถทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือคำถามได้เลย โดยไม่ต้องใช้กริยาช่วยตัวอื่น เช่น do หรือ does เข้ามาช่วยอีกแล้ว เช่น
ถูก She mustn’t enter here.
ผิด She doesn’t must enter here.
Modal Verbs /Modal Auxiliary Verbs นำมาใช้เพื่อแสดงทัศนคติของผู้พูด หรือเรียกว่า Modality
Modal Verbs นำมาใช้บอกสิ่งต่อไปนี้
1. บอกความเชื่อมั่น หรือเรียกว่า Asserting หรือเป็นการปฏิเสธความเชื่อมั่นก็ได้
2. บอกความเป็นไปได้ หรือ Possibility
3. บอกความน่าจะเป็น หรือ Likelihood
4. บอกความสามารถ หรือ Ability
5. บอกการอนุญาต หรือ Permission
6. บอกความจำเป็นที่ต้องทำ หรือ Obligation
7. บอกเจตนาในอนาคต หรือ Future intention
นักเรียนจะเห็นได้ว่า กริยากลุ่ม Modal สามารถนำไปใช้ได้หลายกรณี ที่สำคัญกริยากลุ่มนี้ จะไม่เปลี่ยนรูปตามประธานหรือ Tense และไม่สามารถทำเป็นรูป Infinitive และ Participle ได้
"Modal Auxiliary Verbs จะต้องตามหลังด้วยกริยาหลักที่อยู่ในรูปเดิม(Base Form) ได้เท่านั้น นอกจากนั้นไม่สามารถนำไปใช้ได้ เช่น ตามด้วย Modal ด้วยกันไม่ได้ ตามด้วยคำนามไม่ได้ ตามด้วยกริยาช่วยไม่ได้ หรือ จะอยู่แบบตัวเดียวลำพังก็ไม่ได้ เป็นต้น"
นอกจากนี้ Modal Verbs สามารถสร้างประโยคปฏิเสธและประโยคคำถามได้
ชนิดของ Modal Verbs
Modal Verbs ที่แท้จริง มี 9 ตัว คือ will, shall, would, should, can, could, may, might, must
Semi-modal auxiliary verbs มี 4 ตัว คือ dare, need, used to, ought to
สำหรับ will นั้น สามารถนำไปใช้ได้กว้าง สามารถทำหน้าที่และบอกความหมายที่แตกต่างกันได้หลายกรณี เช่น
ใช้สำหรับสร้าง Future Tense
ใช้บอกความเต็มใจ หรือ บอกความสามารถ
ใช้บอกการร้องขอ หรือ ข้อเสนอ
ใช้สร้างประโยคเงื่อนไข
ใช้บอกความน่าจะเป็น
ใช้บอกคำสั่ง
สำหรับ shall นั้น มีลักษณะการใช้เหมือน ๆ กับ will
ใช้ shall กับประโยคที่บอกระดับความสุภาพหรือความเป็นทางการ ซึ่งบางกรณีอาจจะใช้ will ไม่ได้
เราจะใช้ shall กับประธาน I หรือ We ได้เท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่กฎที่ตายตัวเสมอไป
สำหรับ would นั้น
เราจะใช้ would แทน will สำหรับเหตุการณ์ในอดีต
ในบางกรณีเราจะใช้ would แทน will เพื่อบอกความเป็นทางการหรือความสุภาพขึ้นไปอีก
ใช้ would ใช้บอกการขอร้องและความปรารถนา
ใช้ would บรรยายเหตุการสมมุติ
ใช้ would บอกข้อเสนอหรือการร้องขอคำแนะนำ ความคิดเห็น
สำหรับ should จะใช้บอก
สิ่งที่ควรทำหรือบอกหน้าที่อย่างสุภาพ
เมื่อต้องการคำแนะนำ
บรรยายถึงการคาดหวัง
สร้างประโยคเงื่อนไข
ใช้ในกรณีอื่น ๆ อีก โดยเฉพาะใน British English ซึ่งโดยทั่วไปไม่มีใน American English
สำหรับ can นั้น
ใช้บอกถึงความสามารถของคนหรือสิ่งของ
ใช้บอกถึงการขออนุญาต
ใช้บอกความเป็นไปได้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ใช้บอกการร้องขอ หรือ การให้ข้อเสนอ
สำหรับ could นั้น
ใช้เป็นรูปอดีต ของ can
แสดงถึงสิ่งที่สามารถทำได้ในอดีต
แสดงถึงการขออนุญาตอย่างสุภาพ
แสดงถึงสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้
แสดงถึงการให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะ
สำหรับ may นั้น
ใช้แสดงการขอร้อง ขออนุญาต
ใช้แสดงเพื่อเสนอให้คนบางคนทำสิ่งหนึ่ง
ใช้บอกความเป็นไปได้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ใช้แสดงความปรารถนาในอนาคต
ใช้ may เป็นตัวโน้มน้าวผู้ฟัง หรือเรียกว่า Rhetorical Device
สำหรับ might นั้น
ใช้บอกความเป็นไปได้ที่ไม่แน่นอน
ใช้ในประโยคการขออนุญาตที่สุภาพและเป็นทางการมาก ๆ
ใช้ might เป็นรูปอดีตของ may
ใช้ might เพื่อให้คำแนะนำ
สำหรับ must นั้น
ใช้ must บอกความจำเป็นต่อสิ่งที่ต้องเกิดหรือต้องเป็น
ใช้ must บอกว่าบางสิ่งเกิดขึ้นหรือเป็นจริงค่อนข้างแน่นอน
นักเรียนจะสังเกตเห็นว่า Modal Verbs นั้น ใน 1 คำ สามารถใช้ได้หลายกรณี และมีความหมายที่เฉพาะ ไม่ได้มีความหมายเดียว ขึ้นอยู่กับลักษณะบริบทการใช้ ครูยกตัวอย่าง คำว่า can ไม่ได้แปลว่า สามารถเสมอไป ดังนั้น นักเรียนจะต้องจำเป็นกรณี ๆ ไป ว่าควรใช้คำไหน และในบางกรณีสามารถใช้แทนกันได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งครูจะยกตัวอย่างกรณีต่าง ๆ พร้อมทั้งอธิบาย เป็นลำดับต่อไป <<หลักการใช้ Modal verbs >>