ให้คำปรึกษา การบริหารความเสี่ยง และการประกันภัย
(Risk Management Planning and Insurance)
การบริหารและจัดการความเสี่ยง
หากจะกล่าวถึงความเสี่ยงแล้วจะเห็นว่าความเสี่ยงเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา สถานที่และทุกคน มีหลายปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง เช่น เพศ อายุ เป็นต้น และหนึ่งในปัจจัยความเสี่ยงที่พบได้ก็คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากการประกอบธุรกิจ ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกันไป การประกอบธุรกิจและวิชาชีพย่อมดำเนินมาคู่กับ “ความเสี่ยง” สิ่งเหล่านี้สามารถที่จะบริหารและจัดการความเสี่ยงได้ ด้วยเหตุนี้ บริษัทประกันภัยต่าง ๆ จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับทุกอาชีพ ทุกธุรกิจเพื่อให้ท่านและธุรกิจของท่านดำเนินได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไม่ให้เกิดการสะดุดหรือหยุดชะงักกลางทาง
ประเภทของความเสี่ยง
1. การประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพ (Professional Indemnity)
2. การประกันภัยความรับผิดจากผลิตภัณฑ์ (Product Liability)
3. การประกันภัยความรับผิดชอบของกรรมการและเจ้าหน้าที่ของบริษัท (Directors and Officers)
4. การประกันภัยการก่อการร้าย (Terrorism Insurance)
5. การประกันภัยอากาศยาน (Aviation Insurance)
6. การประกันภัยการเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (Industrial All Risks Insurance)
7. อื่นๆ (miscellaneous Insurance) เช่น trade credit (ประกันภัยสินเชื่อการค้า)
marine (ประกันการขนส่งทางทะเล), etc
8. การวางแผนภาษี สาหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล (Keyman Protection)
9. การวางแผนการลงทุน และเกษียณอายุ (Investment Planning and Retirement)
10. การวางแผนมรดก และจัดทำพินัยกรรม (Estate Planning and Preparation of Wills)
1. การประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพ (Professional Indemnity)
วิชาชีพเฉพาะที่ต้องมีใบอนุญาตของสาขาวิชาชีพนั้นๆเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการ แต่การปฏิบัติตามวิชาชีพนั้น อาจมีความเสี่ยงเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน เช่น ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด และหลังจากการผ่าตัดนั้น ยังมีอาการปวดต่อเนื่องจึงเข้ารับการรักษาอีกครั้งในที่สุดแพทย์ตรวจพบว่ามีกรรไกรอยู่ในท้องผู้ป่วย หากผู้ป่วยคนนั้นฟ้องร้องแพทย์ จากกรณีดังกล่าวค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากความรับผิดตามกฎหมาย ที่ไม่สามารถประมาณการณ์ได้ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ กรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดทางวิชาชีพสามารถจัดการความเสี่ยงให้ท่านได้ วิชาชีพที่รับประกันภัยมีดังนี้
Medical Malpractice for Individual Doctor ( แพทย์รายบุคคล )
Medical Malpractice for Hospital ( แพทย์กลุ่มโรงพยาบาล )
Engineering (วิศวกร i.e. Design, Consult, Project Management, Construction etc.)
Architects ( สถาปนิก )
Appraisal ( ผู้ประมูลราคา )
Lawyers ( ทนายความ )
Accountants ( บัญชี )
Financial Institute Professional Indemnity (FIPI) (ธุรกิจสถาบันการเงิน )
2. การประกันภัยความรับผิดจากผลิตภัณฑ์ (Product Liability)
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่าย ผู้ส่งออก และผู้ค้าปลีกต้องคำนึงถึงคือความ ปลอดภัยของสินค้าของตน หากมีกรณีสินค้ามีปัญหาและต้องเรียกคืน ซึ่งในปัจจุบันกฎหมายในประเทศไทยและต่างประเทศ มีการเพิ่มข้อบังคับความรับผิดอันเกี่ยวเนื่องกับคุณภาพและความปลอดภัยของ สินค้า ดังนั้นการประกันภัยความรับผิดจากผลิตภัณฑ์คือแนวทางการป้องกัน และลดความเสี่ยงในกรณีดังกล่าวได้
3. การประกันภัยความรับผิดชอบของกรรมการและเจ้าหน้าที่ของบริษัท (Directors and Officers)
ผู้บริหารในทุกๆ องค์กรที่มีหน้าที่รับผิดชอบตามที่ได้รับมอบหมายจากองค์กรนั้น อาจมีความเสี่ยงจากการปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจที่ได้รับมอบหมาย เช่น การถูกฟ้องร้องจากการหมิ่นประมาทโดยมิได้เจตนา หรือการถูกเรียกร้องค่าเสียหายจากพนักงานในการจ้างงานอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น ความเสี่ยงที่เกิดจากการฟ้องร้องนั้นทำให้เกิดค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการ ต่อสู้คดี และจนกว่าศาลจะตัดสินว่าผู้บริหารท่านนั้นต้องชดใช้ค่าเสียหายตามคำฟ้องหรือไม่ ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ กรมธรรม์ประกันความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่บริษัท สามารถคุ้มครองความเสียหายรวมถึงค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีที่เกิดขึ้นได้
5. การประกันภัยอากาศยาน (Aviation Insurance)
อุตสาหกรรมการบินและอากาศยานอาจจะจำกัดอยู่ในเฉพาะกลุ่ม และผู้ประกอบการเกี่ยวกับการบิน ทั้งนี้ผู้ประกอบการ เจ้าของเครื่องบิน และ บริษัทประกันภัยต่างๆ จึงได้เล็งเห็นตรงกันถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการบิน ดังนั้นทางบริษัทประกันภัยจึงมองเห็นความเสี่ยงนี้ และได้จัดการความเสี่ยงนี้ให้แก่ลูกค้า เครื่องบินขึ้น รวมถึงเทคนิค การให้คำแนะนำ ทั้งในแง่ความคุ้มครอง และการเรียกร้องสินไหม
6.1 การประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interuptin Insurance)
คุ้มครองผลกำไรหรือค่าใช้จ่าย อันเนื่องมาจากทรัพย์สินที่เอาประกันภัยเกิดความเสียหาย และเป็นผลให้ธุรกิจต้องหยุดชะงัก เมื่อเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน การประกันภัยทรัพย์สินจะคุ้มครองเฉพาะตัวทรัพย์สินเท่านั้น ได้แก่ ค่าซ่อมแซม การสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ความสูญเสียทางธุรกิจ เช่น ผลกำไร ค่าใช้จ่าย ใครจะรับผิดชอบ ซึ่งการประกันภัยธุรกิจหยุดชะงัก จะช่วยให้ได้รับเงินทุนที่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจระหว่างที่ซ่อมแซมหรือการสร้างขึ้นมาใหม่ เช่น คุ้มครองผลกำไรสุทธิที่ลดลงและค่าใช้จ่ายคงที่
6.2 การประกันภัยความซื่อสัตย์ของลูกจ้าง (Fidlity Guarantee Insurance)
คุ้มครองทรัพย์สินหรือเงินสดของผู้เอาประกันภัย อันเนื่องมาจากการเจตนาทุจริต ยักยอก ฉ้อโกง หรือลักทรัพย์ ของลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยเนื่องจากธุรกิจมีความเสี่ยงภัย นอกเหนือจากความเสี่ยงภัยกับทรัพย์สินแล้ว ยังมีโอกาสที่จะเกิดภัยอันมีสาเหตุมาจากบุคคลในองค์กรได้ เช่น ทุจริต การยักยอก ฉ้อโกง ซึ่งในสภาวการณ์ปัจจุบัน โอกาสที่จะเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ที่เกิดจากบุคคลเกิดขึ้นบ่อยและเป็นประจำ นอกเหนือจากการป้องกันโดยใช้นโยบายอย่างรัดกุมในแต่ละองค์กรแล้วประกันภัยยังเป็นทางเลือกอีกวิธีที่จะป้องกันความเสี่ยงภัยได้
6.3 การประกันภัยงานระหว่างการก่อสร้าง (Contrator All Risks Insurance)
คุ้มครองงานก่อสร้างตามสัญญาว่าจ้าง โดยมีสาเหตุจากภัยธรรมชาติ เช่น ไฟไหม้ ลมพายุ แผ่นดิน ไหว รวมถึงการเกิดอุบัติเหตุจากปัจจัยภายนอก
คุ้มครองการติดตั้งเครื่องจักร เช่น ติดตั้งลิฟต์ หรือเครื่องจักรที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ
คุ้มครองความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก เช่น เศษวัสดุจากการก่อสร้างหล่นใส่รถยนต์ที่แล่นผ่านไปมา
เนื่องจากในระหว่างการก่อสร้างจะมีความเสี่ยงภัยมากกว่าการประกันภัยการเสี่ยงภัยทรัพย์สิน อีกทั้งในระหว่างการก่อสร้างถ้าขาดการป้องกันความเสี่ยงภัยที่ดี อาจส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายกับบุคคลภายนอกได้ เช่น กรณีก่อสร้างติดกับอาคารบ้านเรือนบุคคลภายนอก อาจสร้างรอยร้าว หรือความเสียหายอื่นให้กับอาคารบ้านเรือนได้