Tax Planning by Keyman Protection
“เปลี่ยนภาษี ให้เป็นรายได้ เปลี่ยนรายจ่าย ให้เป็นเงินออม”
โลกปัจจุบันภาษีได้เข้ามามีบทบาทเกี่ยวกับรายได้ ของคนทั่วไปและในส่วนของนิติบุคคล เงินส่วนของภาษีที่เสียให้ภาครัฐบาลเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศ ตลอดจนเป็นการปฎิบัติตามกฎหมาย ทั้งนี้ในการดำเนินธุรกิจใดๆ การเสียภาษีที่ถูกต้องนั้นเป็นวิธีที่ปลอดภัยและเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการเองโดยตรง ซึ่งอาจทำให้รายได้ที่สมควรจะได้รับน้อยลงบ้าง แต่เป็นภาระหน้าที่ของประชาชน ที่ทุกคนต้องถือปฎิบัติตาม วิธีทำให้รายได้ของท่านเพิ่มขึ้น จากการเสียภาษีอย่างถูกต้อง และสอดคล้องกับความเป็นจริงในการลงทุนของบริษัทฯ ทั้งยังเป็นการออมเงินภาคธุรกิจอันทรงคุณค่า ในระบบการออมเงินกับการประกันชีวิต รูปแบบใหม่ กับโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการออมเงินของภาษีในระบบบัญชี และเป็นโครงการที่จะทำให้ท่านเสียภาษีได้อย่างเหมาะสมกับรายจ่ายในสภาวะการณ์ปัจจุบัน อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
1. เปลี่ยนภาษีให้เป็นรายได้ (Turn Your Taxes into Income) หลังจากเข้าร่วมโครงการ บริษัทของท่านจะเสียภาษีลดลงจากโครงการนี้ โดยมีผลประโยชน์จากการดำเนินการเข้าร่วมโครงการดังนี้
เงินจ่ายเบี้ยประกันให้กรรมการโดยนิติบุคคลหรือการออมเงินในระบบ สามารถนำไปใช้หักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ ได้ เต็มจำนวนเงินออม มากกว่า การจ่ายเบี้ยประกันชีวิตของกรรมการแบบเดิม ๆ ที่หักลดหย่อน 100,000 + (200,000) บาท/ปี
ใช้รายได้ของเงินนิติบุคคลเป็นการจ่ายเบี้ยหรือเงินออมตามโครงการให้กรรมการโดยเงินสดที่จ่ายคืนตามเงื่อนไขสัญญาจะคืนให้บุคคลธรรมดา ในรูปแบบสวัสดิการ แก่กรรมการ, ผู้บริหารหรือพนักงาน โดยเลือกโครงการที่ออกแบบมารองรับฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่มากกว่า 37 %
เงินสดจ่ายคืนทุกๆ ปีตามเงื่อนไขสัญญาในกรมธรรม์ที่มากกว่า 37 % ต่อปี ได้รับสิทธิไม่ต้องนำมาคำนวณเป็นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา
เงินความคุ้มครองกรรมการตามวงเงินที่ได้รับสิทธิประโยชน์ จากโครงการทุกๆ ปี หรือครบสัญญา ไม่ถือเป็นรายได้ ไม่ต้องเสียภาษี
หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ บริษัทฯ หรือครอบครัวของผู้บริหาร จะได้รับผลประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในสัญญา
เป็นการจ่ายเงินผ่านระบบของบัญชี อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตามหนังสืออ้างอิงเลขที่ กค.0706/4227, กค.0811/408 www.rd.go.th
โครงการนี้สามารถปรับเปลี่ยนการออมเงิน ได้อีกหลายแบบตามผลกำไรสุทธิของแต่ละบริษัทฯ เพื่อความเหมาะสมและการบริหารทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยให้บริษัทฯ ประหยัดภาษีมากกว่า 30 % หากจ่ายตามระบบเดิมจะเสียภาษีมากกว่า
สามารถปรับโครงการนี้เป็นการจ่ายโบนัสเป็นเงินสดให้กับผู้บริหาร, พนักงาน ทุกๆ ปี โดยปราศจากภาษี
2. เปลี่ยนรายจ่ายให้เป็นเงินออม (Change Your Expenses into Saving) จากการจ่ายเบี้ยตามโครงการ ระบบบัญชีจะเห็นการออมเงินวิธีนี้เป็นการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตให้กับผู้บริหารระดับสูง โดยในทางระบบของประกันชีวิตเป็นการเริ่มต้นของการเก็บเงินออมก้อนเล็กๆ จากกำไรของบริษัทฯ ที่ต้องเสียภาษีให้กลายเป็นเงินทุนสำรองก้อนโตในอนาคต เพื่อความมั่นคงทางการเงินตลอดผลกำไรจากการเสียภาษีที่ถูกต้อง และได้กำไรมากขึ้นจากเงินออมผ่าน Product ประกันชีวิตในรูปแบบความคุ้มครองที่สูงที่สุดถึง 10 เท่า เช่นการออมเพียงปีละ1.5 ล้าน คุ้มครองถึง 10,000,000.- บาท และการออกแบบโครงการที่มีเงินคืนทุกๆ ปี ของโครงการนำมาจ่ายภาษีแทนกรรมการทุกๆ ปี ที่มากกว่ารายได้เพิ่มของกรรมการ 37 % โดยเงินออมยังอยู่ครบตามสัญญาในโครงการ
เงินสดจ่ายคืนทุกปี 5-6 % ของความคุ้มครองในโครงการ 10 ล้าน/คน เป็นเงินสด 500,000.- บาท/ปี/คน ถือเป็นเงินออมโบนัสของบริษัทให้กับกรรมการ โดยที่บริษัทไม้ต้องตัดเงินจากระบบบัญชีจ่ายอีกทุกๆ ปี ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุนก็ตาม รับทุกๆ ปี จากการออมโครงการนี้
กรณีผู้บริหารในฐานะเจ้าของกิจการมักมีฐานภาษีที่สูงอยู่แล้ว 30% - 37% การจ่ายโบนัสหรือจ่ายผมตอบแทนออกไปให้กับผู้บริหารการออมเงินในโครงการ ในระบบจะถูกนำไปคิดเป็นค่าใช่จ่ายของบริษัทฯ และในทางปฎิบัติเงินออมนี้ (ผู้บริหาร) ที่พึ่งได้รับถือเป็นประโยชน์เพิ่มก็จะถูกนำไปคำนวณรวมกับการเสียภาษีบุคคลธรรมดา ตามมาตรา 40(1) และเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการแล้วก็ยังจ่ายน้อยกว่าถึง 1 ใน 3 เท่า
การหักค่าใช้จ่ายเพิ่มของบริษัทฯ โดยการนำรายได้ไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างๆ เป็นการหารายจ่ายเพิ่มให้บริษัทฯ หากสามารทำประโยชน์กับอสังหาริมทรัพย์ในส่วนนี้ได้ จะถือว่าเป็นประโยชน์อย่างสูงสุด แต่การเปลี่ยนอสังหาริมทรัพย์เป็นเงินสด จากการแปรสภาพที่เสี่ยงต่อการขาดทุน การเก็บเงินออมในระบบของโครงการนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้ ท่านสามารถที่จะเลือกเงินสดได้ทันที และเงินสดจ่ายคืนทุกๆ ปี จากการออมเงินผ่านระบบของโครงการนี้กับสถาบันทางการเงิน ที่มีความมั่นคงด้านการเงินที่ท่านไว้ว่างใจ กับธนาคาร, บริษัทฯประกันชีวิตบางบริษัทฯ เท่านั้น ที่มีโครงการมารองรับ ภาษีนิติบุคคล มิใช่เพียงการนำเอาเบี้ยประกันชีวิตมาหักค่าใช้จ่ายของบริษัทเท่านั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงรายได้เพิ่มของกรรมการเหมือนประกันชีวิตแบบธรรมดาที่กรรมการ,ผู้บริหาร,พนักงานต้องรับภาระภาษีเพิ่มด้วยทุกๆ ปี
ในระบบบัญชี ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมในบางครั้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อลดกำไรสุทธิ เช่น การซื้อรถประจำตำแหน่ง แล้วนำมาใช้ลดภาระภาษี หรือชนิดบิลต่างๆ ทำให้เกิดปัญหาและความยุ่งยากในการจัดทำบัญชี และยังทำให้มูลค่าของสิ่งที่ซื้อมาในระบบลดลงทันที นอกจากจะไม่เพิ่มคุณค่าในราคาแล้ว ยังเป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ ที่มีค่าสึกหรอ ค่าเสื่อมสภาพตามมาอีก และอัตราการลดภาษีตามค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ทำให้มูลค่าลดลงอย่างสิ้นเชิง ต่างจากการออมเงินในโครงการนี้ ที่เป็นเงินออมของกรรมการ,ผู้บริหาร, หรือพนักงาน ในทุกๆ ปี ที่ยังอยู่ครบและทวีค่ามากขึ้นทุกปี
สรุปแนวคิด
การทำประกันบุคคลสำคัญ (KEYMAN PROTECTION INSURANCE) เป็นการบริหารภาษีเงินได้นิติบุคคลโดยใช้ช่องทางของกฎหมายภาษีอากร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางภาษีของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลโดยผ่านกรมธรรม์ประกันชีวิต ไม่ใช่เสนอเพื่อผลประโยชน์จากการทำประกันชีวิต แต่เป็นการเสนอให้ใช้ กรมธรรม์ประกันชีวิตเป็น "เครื่องมือ" ในการจดบันทึกเป็น "ค่าใช้จ่ายของนิติบุคคล" โดยเป็นที่ยอมรับของกรมสรรพากร
ข้อดีของการทำประกัน KEYMAN PROTECTION INSURANCE คือ
1. ลดปัญหาเรื่องรายจ่ายต้องห้ามทางภาษี (20 ข้อ)
2. ลดภาระภาษีขององค์กร (30% และ 10%)
3. เป็นค่าใช้จ่ายของนิติบุคคลได้ 100%
4. คุ้มครองบุคคลสำคัญขององค์กร (ค่าความสามารถ)
5. สร้างรายจ่ายถูกต้องตามกฎหมาย (ไม่ถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม)
6. คุ้มรองการค้ำประกันเงินกู้ธนาคารของกรรมการ
7. ผลตอบแทนที่ได้รับจากกรมธรรม์ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
8. ได้รับสิทธิทางภาษีทั้งนิติบุคคล (ถือเป็นรายจ่ายของบริษัท) และบุคคลธรรมดา (นำมาลดหย่อนภาษีได้)
9. เป็นการบริหารเงินกำไรของบริษัทฯ ให้เป็นรายได้ของกรรมการ โดยสามารถกำหนดจำนวนเงินที่แน่นอน ไม่ต้องรอลุ้นการจ่ายเป็นเงินโบนัส, การเพิ่มเงินเดือน, การจ่ายเงินปันผล
ข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณาเบี้ยประกันภัย
งบการเงินย้อนหลัง 3 ปี
แสดงบัญชีรายได้ รายการหักหลดหย่อน ของกรรมการ หรือคีย์แมนที่จะทำประกันภัยทุกคน