Director and Officer Liability Insurance
การประกันภัยรับผิดของผู้บริหาร
ระบบการเงินและทุนนิยมสร้างความมั่งคั่งให้นักลงทุนตลอดรวม ถึงผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริหารโดยเฉพาะเหล่าบรรดาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งต่างก็พยายามขยายกิจการให้เติบโตในสายตาของนักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนรายย่อยที่ต่างก็หวังผลกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น หรือหวังได้รับส่วนแบ่งกำไรหรือเงินปันผลจากกิจการเหล่านี้ ในเวลาเดียวกันโลกธุรกิจก็มีการแข่งขันอย่างไม่หยุดนิ่ง กิจการใดที่มีเงินทุนหนาก็อาจจะขยายกิจการหรือครอบงำกิจการบริษัทคู่แข่ง หรือในบางกรณีที่คู่แข่งขันทางธุรกิจอาจจะหันหน้ามาจับมือเพื่อการควบรวม กิจการเพื่อให้มีขนาดใหญ่มากขึ้นจนคู่แข่งขันรายเล็ก ๆ ไม่สามารถรับมือจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ควบรวมกิจการ
การเจริญเติบโตของกิจการมักจะตามมาด้วยการเจริญเติบโตของกิเลสของเหล่าบรรดา ผู้บริหารกิจการเหล่านั้นเพราะเหตุว่าผู้บริหารก็เป็นเพียงมนุษย์ที่ยังมี กิเลส ตัณหา เพียงแต่ว่าใครจะมีกิเลสตัณหามากน้อยและสามารถควบคุมมันได้หรือไม่ แต่ก็มีผู้บริหารอีกเป็นจำนวนมากในโลกธุรกิจทุกวันนี้ที่สามารถควบคุมกิเลส ตัณหามิให้สำแดงฤทธิเดช แต่ด้วยสภาพของธุรกิจการแข่งขันความพยายามบรรลุเป้าหมายของกิจการที่บริหารจัดการอาจจะทำให้ผู้บริหารที่ ซื่อสัตย์สุจริตอาจจะประสบความผิดพลาดในการบริหารโดยไม่มีเจตนาทุจริตแต่ อย่างใด
และเพื่อเป็นการบรรเทาทุกขลาภของผู้บริหารที่ซื่อสัตย์สุจริต จึงได้มีการนำหลักการประกันภัยมาใช้ในการออกแบบกรมธรรม์ประกันภัยที่เรียก ว่า การประกันภัยความรับผิดของผู้บริหารหรือคณะกรรมการบริหาร ( Director and Officer Liability Insurance ) หรือที่มักจะนิยมเรียกกันในวงการประกันภัยว่า D&O Insurance ซึ่งเริ่มมีการเอาประกันภัยให้กับคณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทในยุโรป และสหรัฐอเมริกาจนเป็นการประกันภัยที่จำเป็นสำหรับทุกบริษัทมหาชนในปัจจุบัน
แต่ภายหลังจากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของทวีปเอเซีย ทำให้มีการลงทุนจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้าสู่หลายประเทศในเอเซีย หลายกิจการได้แปรสภาพจากกิจการครอบครัวกลายเป็นบริษัทมหาชนเพื่อจะระดมเงิน ทุนจากนักลงทุนในตลาดหุ้น มีการเสนอขายหุ้นให้สาธารณะมากขึ้น มีการจ้างนักบริหารอาชีพที่ไม่ใช่สมาชิกของครอบครัวเข้ามาดำเนินการบริหาร จัดการกิจการที่แต่เดิมเป็นของครอบครัวแต่ภายหลังการกระจายหุ้นให้สาธารณะทำ ให้กิจการเหล่านี้เปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชนจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คณะกรรมการ บริหารจะต้องมีความรับผิดชอบต่อนักลงทุนทุกรายที่ถือหุ้น รวมถึงความรับผิดชอบตามกฎกติกาของกฎหมายต่าง ๆ ที่เป็นสากลมากขึ้น
และในช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านหลังเกิดวิกฤติทางการเงินในเอเซียทำให้มีการ วิเคราะห์ว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดวิกฤติทางการเงินที่ทำให้หลายกิจการ ต้องประสบปัญหามักจะมาจากการขาดธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ นำไปสู่การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจึงเป็นเหตุให้การประกันภัยความรับผิดของ ผู้บริหารหรือคณะกรรมการบริหาร ( Director and Officer Liability Insurance ) ได้มีอัตราการเติบโตหลายประเทศในเอเซียเนื่องจากกฎหมายและกติกาสากลที่เข้ม งวดมากขึ้นแม้กระทั่งธนาคารกลางของทุกประเทศเองก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ในการ กำกับธนาคารและสถาบันการเงินตามกฎสากลเช่น Basel Accord เป็นต้น
ดังนั้นการขยายตัวของการประกันภัยความรับผิดของคณะกรรมการบริหารอันเป็นผล สืบเนื่องจากกรณีการฟ้องร้องเรียกค่าเสีย หรือแม้กระทั่งการถูกหน่วยงานของภาครัฐที่กำกับดูแลลงโทษคณะกรรมการบริหาร เป็นความผิดส่วนตัวแต่ก็จะส่งผลกระทบทำให้บริษัทต้องกลายเป็นผู้ถูกลงโทษ เช่นกรณีของธนาคารกลางของสิงค์โปร์ได้สั่งปรับเจ้าหน้าที่ของ บรรษัทบริหารกองทุนรวมในข้อหาการใช้ข้อมูลภายในเพื่อประโยชน์ในการซื้อขาย หุ้น เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ที่มีการตรวจสอบบริษัทเอกชนมากขึ้น
และบางกรณีที่ผู้บริหารปฏิบัติผิดกฎกติกาการบริหารหรือไม่ยอมรับฟังการตักเตือนจากผู้ตรวจสอบภายใน ( Internal Auditor ) อันนำไปสู่การถูกฟ้องร้องซึ่งบริษัทรับประกันภัยประเภทนี้จำเป็นจะต้องคำนึง ถึงค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีให้กับผู้เอาประกันภัย และจำนวนความเสียหายที่มีการฟ้องร้องจะเพิ่มมากขึ้นตามยุคสมัย เพราะโลกทุนนิยมปัจจุบันที่มีลูกเล่นมากขึ้นทำให้ต้องมีกฎกติกาในการกำกับ ดูแลเข้มงวดมากเช่นเดียวกับนักลงทุนรายย่อยที่มีการรวมกลุ่มกันเรียกร้อง สิทธิย้อนหลังมากขึ้น ซึ่งมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในบ้านเราหลายรายน่าจะต้องรีบหา ซื้อประกันภัยความรับผิดของคณะกรรมการบริหารก่อนจะไม่มีบริษัทประกันภัยไหน จะยอมรับประกันภัย
การประกันภัยความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหาร ความคุ้มครองตามกรมธรรม D&O
แบ่งความคุ้มครองออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ
การคุ้มครองความรับผิดของกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหาร (Directors and Officers Liability Coverage)
การคุ้มครองเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย แก่บริษัทที่เอาประกันภัย (Company Reimbursement Coverage)
ความคุ้มุ้มครองตามกรมธรรม D&O คุ้มครอง กรรมการ และ เจ้าหน้าที่บริหารของผู้เอาประกันภัยอันเนื่องมาจาก
ถูกฟ้องร้องทางแพ่ง
ดำเนินคดีในศาลอาญา
การต่อสู้คดี
การฟ้องร้องของพนักงานในบริษัท (คดีแรงงาน)
การทำหน้าที่เป็นกรรมการในบริษัทในเครือ
การรับผิดจากการออกหนังสือชี้ชวนให้มาลงทุน
โดยกรมธรรม์จะคุ้มครองใน
ความเสียหายจากการบริหารงานผิดพลาด (Financial Loss)
ค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี (Defense Cost)
ผู้ทู้ที่มีสีทธิฟ้องร้องค่าเสียหาย
ผู้ถือหุ้น
นักลงทุน
ลูกค้า / คู่แข่งทางการค้า
พนักักงานของบริษัท
นิยามของการประกันภัยความรับผิดชอบของผู้บริหารคือ
Insured : ผู้เอาประกันภัย หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเคยเป็น เป็น หรือจะเป็นกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ระดับบริหารของบริษัทหรือบุคคลธรรมดาซึ่งเป็นผู้จัดการดูแลผลประโยชน์เกี่ยวกับ เงินบำนาญ กองทุนเพื่อการเกษียณอายุหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่จัดตั้งขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของพนักงานบริษัท ความคุ้มครองที่ใช้บังคับแก่บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ระดับบริหารของบริษัทจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ หลังจากวันที่กรมธรรม์ประกันภัยฉบับนี้เริ่มคุ้มครอง ผู้เอาประกันภัยให้รวมถึงพนักงานคนใดคนหนึ่งของบริษัท แต่ต้องเป็นการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่พนักงานของบริษัทอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการหรือหัวหน้าฝ่ายเป็นผู้ทำละเมิดเท่านั้น เฉพาะการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวกับการจ้างงาน ผู้เอาประกันภัยให้รวมถึงพนักงานของบริษัทในอดีต ปัจจุบันและอนาคต
Wrongful act : การทำละเมิด หมายถึง การกระทำผิดหน้าที่ซึ่งได้กระทำขึ้นจริง หรือที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดหน้าที่ กระทำผิดหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ประมาทเลินเล่อ กระทำผิดพลาด แถลงข้อความอันเป็นเท็จ แถลงข้อความที่ทำให้หลงผิด ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือผิดคำรับรองในอำนาจหน้าที่ หรือการกระทำอย่างอื่นโดยบุคคลดังต่อไปนี้
กรรมการ เจ้าหน้าที่ระดับบริหาร หรือพนักงานในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับบริหาร หรือ พนักงานของบริษัท
ในฐานะที่เป็นกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ระดับบริหารของหน่วยงานภายนอก หรือ
เรื่องที่เกี่ยวกับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนใดๆ ต่อบุคคลเหล่านี้เพียงเพราะว่าบุคคลเหล่านี้มีสถานภาพเป็นกรรมการ เจ้าหน้าที่ระดับบริหาร และพนักงานของบริษัทเท่านั้น
Policy Holder
กรรมการ และ ผู้บริหาร ใน Policy Holder ทั้งหมด
กรรมการ และ ผู้บริหารของบริษัทลูกที่ Policy holder ถือหุ้นมากกว่า 50 % ( Subsidiaries)
เฉพาะกรรมการและผู้บริหารที่บริษัท Policy holder ส่งเข้าไปในบริษัท Policy holder ถือหุ้นอยู่มากว่า 20% และไม่เกิน 50% (Associated Company)
ความคุ้มครองเพิ่มเติม
Newly Created Subsidiary
ให้ความคุ้มครองกับบริษัทที่เพิ่มความเป็นเจ้าของมากกว่า 50% ระหว่างปี โดยให้ความคุ้มครองนับแต่วันที่ถือครองเกิน 50%
Disposal of Subsidiary
หากมีการขายหุ้นออกไประหว่างปี ทำให้บริษัทถือครองหุ้นต่ำกว่า 50% จะถือว่าความคุ้มครองสิ้นสุดลง แต่ยังคงมีการชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจาก Wrongful Act ที่กระทำในช่วงที่บริษัทยังถือครองเกิน 50%
Take Over / Merger / Transaction
มีการขายหุ้นของบริษัทระหว่างปี ทำให้มีผู้อื่นหรือบริษัทอื่นมาถือครองมากกว่า 50% ให้ถือว่าความคุ้มครองสิ้นสุดลง แต่ยังคงมีการชดใช้ค่าเสียหายสำหรับ Wrongful Act ที่กระทำในช่วงที่บริษัทยังไม่ได้ถูก Take Over / Merger / Transaction
การปฏิบัตัติต่อลูกจ้างอย่างไม่ถูกต้อง หรือไม่เป็นธรรม (Wrongful Employment Practice)
การไล่ออก, การให้พ้นหน้าท,ี่ การเลิกจ้าง
การละเลยในการเลื่อนหรือลดตำแหน่ง
การละเมิดทางเพศ หรือสถานที่ทำงานถูกรบกวน
การปฏิบัติไม่เท่าเทียมกัน
การประกันภัยความรับผิดของบริษัทสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหลักทรัพย์ของบริษัท (Entity Security Claim)
การเสนอขายหุ้น เพิ่มทุน หุ้นกู้ / (Stock and Debt Offering)
การออกหนังสือชี้ชวน แล้วมีการแถลงข้อความผิดพลาด
จำนวนจำกัดความรับผิด (Limit of Liability) จำนวนจำกัดความรับผิดต่อหนึ่งกรมธรรม์
ตัวอย่าง
จำนวนจำกัดความรับผิด = 200 ล้านบาท
เหตุการณ์ 1 : 170 ล้านบาท ( Claimได้ 170 ล้านบาท )
เหตุการณ์ 2 : 50 ล้านบาท ( Claimได้ 30 ล้านบาท )
กรมธรรม์หมดอายุเมื่อได้ชดใช้ครบจำนวนความรับผิดไปแล้วโดยทั้งหมด
หลักการพิจารณาการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนภายใต้กรมธรรม์ D&O
1. Wrongful Act
มูลเหตุแห่งการถูกฟ้องร้องคดี (ข้อหาตามคำฟ้อง) มีเหตุมาจากการกระทำผิด (Wrongful Act) ของกรรมการและ/หรือเจ้าหน้าที่บริหาร อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่ป็นกรรมการและ/หรือเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทผู้เอาประกันภัย
2. Policy Period
วันที่ถูกฟ้อง (วันยื่นฟ้อง) หรือวันที่ได้รับ Notice จากผู้เสียหาย อยู่ในระหว่างความคุ้มครองของปี กรมธรรม์ (Policy Period)
3. Retroactive Date
มูลเหตุแห่งการถูกฟ้องร้องคดี (ข้อหาตามคำฟ้อง) เกิดในช่วงระยะเวลาที่กรมธรรม์ D&O ได้ให้ความคุ้มครองย้อนหลังไว้ (Retroactive Date)ซึ่งจะนำความคุ้มครองย้อนหลังมาปรับใช้ได้ก็ต่อเมื่อ เป็นการกระทำภายใต้ระยะเวลาที่เอาประกันภัยและมีการขยายความคุ้มครองย้อนหลังสำหรับการฟ้องร้องที่ยังมิได้เกิดขึ้นมาก่อนและต้องเป็นการฟ้องร้องครั้งแรกภายใต้กรมธรรม์
ข้อมูลที่ใช้ในการพิจารณารับประกันภัย D&O
Annual Report (ปีปัจจุบัน และย้อนหลัง 1 ปี)
งบการเงิน (ปีปัจจุบัน เท่าที่มี และย้อนหลัง 1 ปี)
กรอก Proposal Form และลงนามโดยกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม