กฎของเมลเดล
กฎการแยก (Law of segregation)
1. ยีนที่อยู่ด้วยกันเป็นคู่ บนโครโมโซมคู่หนึ่งจะถูกแยกออกจากกัน อัลลีลจึงถูกแยกออกจากกันไปด้วย ดูง่ายๆ คือการแยกกันของโครโมโซมคู่เหมือน (homologous chromosome) ซึ่งตรงกับการแบ่งเซลล์ในระยะ Anaphase1 ของ meiosis1
2. เซลล์สืบพันธุ์ที่ได้จะได้รับอัลลีลหนึ่งของยีนนั้น เช่น ยีน A มีอัลลีล Aa เมื่อเกิดการแยกก็จะได้เป็น A และ a แยกย้ายไปกันคนละเซลล์
3. กฎของการแยกได้มาจากการทดลองผสมทีละลักษณะ
การผสมทีละลักษณะ (Monohybrid cross)
จากการทดลองของเมลเดลจะเห็นได้ว่า จากการผสมพันธุ์ในรุ่นพ่อแม่ ที่มีลักษณะต่างกันจะมีลักษณะเพียงลักษณะเดียวที่ปรากฏในรุ่น F1 และจากการผสมพันธุ์ในรุ่นแรกหรือ F1 ผสมกันเอง จนได้ลูกผสมในรุ่นที่ 2 หรือ F2 อัตราส่วนที่ปรากฏของรุ่นที่ 2 ระหว่างลักษณะเด่น: ลักษณะด้อย เฉลี่ยเท่ากับ 2.98 : 1 เมื่อทำให้เป็นอัตราส่วนอย่างต่ำจะได้ 3:1
จากการทดลอง เมลเดลได้สรุปผลการทดลองการผสมลักษณะเดียว ดังนี้
1. พันธุกรรม (Heredity) ทุกลักษณะมีอยู่ภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกเซลล์ แต่ละลักษณะมีหน่วยเฉพาะทำหน้าที่ควบคุมหรือกำหนดลักษณะ โดยเรียกหน่วยกำหนดลักษณะว่า “แฟกเตอร์ (Factor)” ซึ่งต่อมาภายหลังถูกเรียกว่า "ยีน" เช่น ถั่วลันเตาดอกสีม่วงจะมียีนดอกสีม่วงเป็นตัวกำหนด และถั่วลันเตาดอกสีขาวก็มียีนดอกสีขาวเป็นตัวกำหนด
2. ลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่แสดงออกได้ทุกรุ่นและแสดงออกได้มากกว่า เรียกว่า ลักษณะเด่น (Dominant trait) ส่วนลักษณะที่ไม่แสดงออกและแสดงออกได้น้อยเรียกว่า ลักษณะด้อย (Recessive trait)
3. ทุกลักษณะของสิ่งมีชีวิตจะมียีนที่กำหนดลักษณะอยู่เป็นคู่ ๆ อาจเป็นยีนที่กำหนดให้เป็น ลักษณะเด่นหรือยีนเด่น (Dominant gene) ทั้งคู่หรือลักษณะด้อยหรือยีนด้อย (Recessive gene) ทั้งคู่ หรือลักษณะยีนเด่นข่มยีนด้อยอยู่ก็เป็นได้
วิดีโอประกอบการเรียนในแต่ละหน่วย