เนื่องจากส่วนใหญ่แหล่งที่พบไฮดราจะเป็นแหล่งน้ำตามธรรมชาติทั่วไป เช่น บ่อน้ำ หนองน้ำ อ่างบัว สระน้ำ เป็นต้น ซึ่งแหล่งน้ำดังกล่าวนั้นจะต้องเป็นแหล่งน้ำที่น้ำค่อนข้างใส น้ำนิ่ง มีวัชพืชน้ำที่เติบโตไม่หนาแน่น
ดังนั้น ผู้ที่ต้องการหาควรสังเกตแหล่งน้ำที่มีลักษณะดังกล่าว และเมื่อพบแหล่งน้ำที่มีลักษณะคล้ายกับที่กล่าวมา จึงลองค้นหาไฮดราด้วยวิธีการ ดังนี้
1. ให้ผู้หาตักน้ำในแหล่งน้ำที่คิดว่ามีลักษณะดังที่กล่าวมาด้วยภาชนะตัก หากทำการหาไฮดราในช่วงเช้าหรือช่วงสายจะทำให้พบมากกว่าการหาในช่วงบ่าย โดยให้ผู้เลี้ยงลองตักน้ำในแหล่งน้ำ โดยให้มีวัชพืชน้ำปะปนมาด้วย เช่น จอก แหน หรือเศษวัสดุ และควรตักจากหลายๆ จุดของบ่อ
2. จากนั้นให้วางภาชนะตักอยู่ในระดับสายตาถือให้น้ำนิ่งทิ้งไว้ประมาณ 5 ถึง 10 นาที ให้สังเกตด้วยตาเปล่าหรือแว่นขยาย โดยมองภาชนะตักให้ตัดกับท้องฟ้า หรือแสงสว่างจะเห็นไฮดรายืดลำตัว ขนาดลำตัวยาวประมาณ 4 ถึง 8 มิลลิเมตร ขนาดตัวของไฮดราจะเท่ากับเส้นดินสอปลายแหลม ให้สังเกตว่าถ้าเป็นไฮดราจะมีหนวดที่มีสีเขียว
ขณะที่กำลังมองดูไฮดรานั้น ห้ามทำภาชนะตักสั่น มิฉะนั้นไฮดราจะหดตัว และทำให้มองไม่เห็น ต้องรอจนกว่าไฮดราจะยืดตัวใหม่ ซึ่งถ้าแหล่งน้ำนั้นไม่พบไฮดราก็ให้หาแหล่งน้ำใหม่ต่อไป
หากหาจนชำนาญแล้ว ถึงแม้ไฮดราจะหดตัวจนสั้นมาก และไม่เห็นหนวดก็สามารถทราบได้ว่าคือไฮดรา ซึ่งการหาไฮดรานั้น ผู้หาไม่จำเป็นต้องศึกษา หรือมีความรู้ก็สามารถหาได้ ถ้าเข้าใจวิธีการหาและทราบวิธีการสังเกตไฮดราที่ถูกต้อง
1. ในช่วงเช้ามักพบไฮดราเกาะอยู่ที่รากของแหน ส่วนช่วงบ่ายหรืออากาศร้อน ไฮดราจะเกาะอยู่กับสาหร่ายหางกระรอก หรือเศษวัสดุอื่นๆที่อยู่บริเวณร่ม หรือใต้น้ำลงไป
2. ถ้าหากมีสัตว์น้ำอื่นๆ เช่น ลูกอ๊อดกบหรือเขียด ลูกกุ้ง ลูกปลาชนิดต่างๆ ตัวอ่อนแมลงปอ ลูกหอยเชอรี่ ติดมาด้วยให้ตักออกทันที เพราะสัตว์เหล่านี้บางชนิดอาจจะจับไฮดรากินเป็นอาหาร แต่ถ้าอยู่ในธรรมชาติสัตว์เหล่านี้จะไม่เป็นภัยต่อไฮดรา เนื่องจากสัตว์เหล่านี้จะสามารถหาอาหารชนิดอื่นกินได้แทน
3. ไฮดราจะมีลำตัวสีเขียว ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเศษสาหร่ายมาก ผู้หาจึงต้องสังเกตให้ดี โดยจะต้องถือภาชนะตักให้นิ่งระดับสายตา แล้วสังเกตว่าไฮดราจะแตกต่างกับเศษสาหร่าย คือ ไฮดราจะมีหนวดเป็นเส้นๆ
4. หากแหล่งน้ำนั้นมีการใช้งานเครื่องบำบัดน้ำเสีย หรือมีวัชพืชน้ำอยู่หนาแน่น มักจะไม่พบไฮดรา