BI WIRE กับ SUBWOOFER

เครื่องเสียงที่ติดตั้งขั้วต่อสายลำโพงระบบ BI WIRE วางตลาดขายได้นั้นบริษัทผู้ผลิต เขาต้องจ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์การใช้ BI WIRE ให้เจ้าของลิขสิทธิ์แล้ว หมายความว่าในวงการเครื่องเสียงยอมรับว่าการต่อสายลำโพงแบบ BI WIRE มีคุณค่าสมควรใช้มัน และเมื่อใช้ร่วมกับลำโพง SUBWOOFER ก็จะเพิ่มความหนักแน่นและลึกล้ำที่เป็นธรรมชาติกว่า

การต่อสายลำโพงแบบ BI WIRE คือการต่อสายลำโพงปกติแต่แยกขนานกันเป็น 2 วงจร วงจรที่ 1 เป็นวงจรเสียงสูง วงจรที่ 2 เป็นวงจรเสียต่ำ การต่อสายลำโพงแบบ BI WIRE จะได้เสียงที่ละเอียดสดใสขึ้นรับรู้ได้จริง

ข้อระวังการค่อลำโพงแบบ BI WIRE ใช้สายมากขึ้นทำให้มีโอกาศต่อขั้ว + และ - ที่ลำโพงผิดพลาดมากขึ้นและจะทำให้เสียงเลวกว่าต่อแบบเดิม

การต่อสายลำโพงแบบ BI WIRE กับเคริ่องเสียงตัวเดิมสามารถทำได้เลย เพียงแต่พ่วงสายลำโพงอีก 1 คู่รวมกันกับสายลำโพงเดิมเป็น 2 คู่ ถ้าเครื่องขยายเสียงมีขั้วต่อลำโพงให้ต่อเพียงข้างละคู่ ให้ต่อสายลำโพงทั้งสองคู่ออกจากขั้วต่อเดียวกัน แต่ให้ไปแยกลำโพงเสียงสูงและเสียงต่ำออกเป็นสองวงจร แล้วต่อลำโพงเป็น 2 วงจรแทนดังภาพ

แต่ลำโพงตัวเดิมเป็นระบบสองทาง เป็นของดีไม่อยากไปแก้ใขอะไรก็ควรจะใช้เป็นลำโพงในวงจรความถี่สูงไปพร้อมกับสายลำโพงอันเก่า (ใช้ของเดิมเป็นวงจรเสียงสูงแรกได้เลย )

แล้วเพิ่มตู้ลำโพง SUBWOOFER แบบ PASSIVE มาใช้ในระบบ BI WIRE เป็นวงจรเสียงทุ้มที่ให้เสียงเบสที่ลึกล้ำขึ้น (ไม่แนะนำให้เพื่มใช้ BI AMP เพราะมันยกระดับเสียงต่ำเกินจริง)

ถ้าลำโพงเก่าเป็นลำโพงสามทาง ให้แยกลำโพงออกเป็น 2 ชุด คือชุดเสียงแหลม กับชุดเสียงทุ้มแล้วต่อสายลำโพงเป็น 2 วงจรในตู้เดียวกันดังภาพที่สอง ถ้าต้องการลายละเอียดเสียงทุ้มลึกๆก็อาจจะเปลี่ยนคอยล์ลำโพงเสียงทุ้มเป็นคอยล์ subwoofer ก็จะดีกว่า

สายลำโพงในวงจรเสียงทุ้มคุณอาจใช้สายไฟธรรมดาเช่นเดิมก็ได้ แต่ถ้าต้องการให้ตอบสนองเสียงใด้ดีที่สุด อาจทำใช้เองโดยใช้สายไฟคู่ที่มี ค่า C (capacitance) และ L (inductance) ต่อหน่วยความยาวต่ำมากๆ นำมาขนานกัน แยกเป็นขั้ว + และขั้ว - ประมาณ 4 - 48 คู่สาย รวมกันเป็นสายลำโพง 1 เส้น ความยาวควรต่ำกว่า 2. เมตร จำนวนคู่สายมากจะให้เสียงดีขึ้นแต่จะทำให้สายลำโพงใหญ่เกินไปหรือแพงเกินไป สายลำโพงที่แนะนำนี้มันตอบสนองเสียงให้ดีขึ้นมาก พอที่ทำให้หูใครๆก็รับรู้ได้จริง (ถ้าสายไฟแต่ละคู่สายมีค่า C กับค่า L เป็นศูนย์ต่อหน่วยความยาวสายลำโพงเส้นนั้นเป็นศูนย์จะดีที่สุด ซึ่งความจริงมันไม่มี ถ้าสายลำโพงมีค่า C สูงเกินความเหมาะสม มันจะเริ่มดูดซับบางความถี่ทำให้เสียงเสียดุลย์ )

ถ้าคุณมีอารมณ์ที่จะรับฟังดนตรีหน้าตู้ลำโพงในห้องให้ได้อรรถรสของเสียงดนตรีแล้ว การต่อสายลำโพงแบบ BI WIRE คุ้มค่ากว่า เพราะการทำให้สมดุลย์เสียงดีขึ้น จะได้รายละเอียดหางเสียงต่ำเพิ่มขึ้นและเสียงสดใสเป็นธรรมชาติกว่าไม่หนวกหูเพราะการฟังเสียงเพลงที่เสียสมดุลย์

1. วิธีทำสายลำโพงสำหรับห้องฟังเพลง 1.ใช้สาย LAN มาทำสายลำโพง(เพราะมีค่า C และค่า L ต่ำมาก) ทำสายลำโพงยาวข้างละไม่เกิน 2 เมตร

1. 2.นำคู่สายในสาย LAN 4 คู่สาย มาแยกขั้ว + และ - จับต่อขนานรวมกันให้เป็น 1 คู่สายลำโพง จะได้สายลำโพงที่เหมาะใว้ใช้กับห้องฟังเพลง ดีกว่าใช้สายไฟธรรมดา

1. 3. ถ้าสาย LAN 48 คู่สายก็ทำเช่นเดียวกัน แล้วต่อสายไฟอ่อนที่ปลายขั้ว + , - ทั้งสองข้าง

1. 4. ระบบไบไวย์ สาย4 คู่สายใช้กับวงจรเสียงสูง ใช้คู่กับ 48 คู่สายกับวงจรเสียงต่ำ จะได้เสียงที่ กระจ่างใสชัดเจนทุกความถี่ (เป็นการจับคู่ไบไวย์ที่ดีและคุ้มค่ากว่า)

1. 5. ทั้งสายลำโพง 4 และ 48 คู่สาย สามารถใช้ เป็บสายลำโพงชั้นดีในระบบลำโพงทั่วไปได้ดีกว่า

1. 5. รวมทั้งวงจรเสียงแหลม และวงจรเสียงทุ้ม ของสายไบไวย์ 1 ข้างใช้คู่สายประมาณ 54 คู่สายเสียง จะให้รายละเอียดที่ขัดเจนทุกความถี่

6. วิธีต่อขั้วสายลำโพงกับ AMPฯ ที่มีขั้วต่อสายลำโพงซ้าย ขวา เพียงข้างละคู่เท่านั้น

สรุป สายลำโพงตามที่แนะนำนี้ ให้รายละเอียดเสียงความถึ่สูงโปร่งใสสะอาดชัดเจนลงไปหาต่ำได้ดี ทุกความถี่ ยิ่งจำนวนคู่สายมากเสียงย่านความถี่ต่ำจะให้พลังรายละเอียดมากขึ้น (ถ้าคู่สายมากเกินไป หรือยาวมากกว่า 2 เมตร จะทำให้ความเสียงถี่เสียงสูงเริ่มลดลง)