ตั้งอยู่ในตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลยมีเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร มีความสูง 400-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย
ทางอุทยานฯ จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นได้ตั้งแต่เวลา 07.00 - 14.00 น. ของทุกวัน และหลังจากเวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ทางอุทยานฯ จะไม่อนุญาต เพราะระยะทางในการเดินทางขึ้นเขาต้องใช้เวลาในการเดินเท้า ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจะตรงกับเวลาพลบค่ำในระหว่างทาง ดังนั้น อาจจะทำให้เกิดความยากลำบาก อีกทั้งอาจได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าที่ออกหากินในเวลากลางคืนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย จะเปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภู ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึง วันที่ 31 พฤษภาคมของทุกปี และจะทำการปิดการพักแรมบนยอดภูกระดึง ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึง วันที่ 30 กันยายนของทุกปีเช่นกัน
ถ้านำรถไปเองผมชอบที่จะไปทางถนนหมายเลข 21 สระบุรี -หล่มสักเลี้ยวขึ้นน้ำหนาว จะไวกว่าแต่ต้องรอขึ้นภูกระดึงวันรุ่งขึ้น ที่ ต.ศรีฐานมีรีสอทร์ 2-3 แห่ง หรือจะพักโรงแรม ที่อ.ชุมแพก่อน วันรุ่งขึ้นค่อยขึ้นภูกระดึง ได้เหมือนกัน สำหรับที่นี่แทบไม่ต้องนำ เครื่องนอน,อาหารหรือน้ำติดตัวไปเลย เพราะในฤดูท่องเที่ยวตลอดทางมีร้านอาหารไว้ต้อนรับทุกจุดที่ควรมีบ้านพักควรจองล่วงหน้า แม้แต่เต้นก็ควรจองล่วงหน้าเพราะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว
ทางไปภูกระดึงทางด้านหล่มสัก -น้ำหนาว
ถ้านอนบนรถทัวร์ ต้องเลือกเวลาถึง ใก้ลสว่าง จะสะดวกกว่า"งานนี้ขอให้หนีวันหยุดยาวเอาไว้ "
เพราะคิวยาว ที่อุทยาน มีห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ ร้านอาหารครบ เรียบร้อยแล้วขึ้นได้เลย
ควรจะเตรียมรองเท้าและร่างกายให้แข็งแรงก่อนขึ้นภูใว้ เผื่อวันขึ้นจริงจะได้ไม่เป็นภาระเพื่อนๆ
ระยะทางขึ้นเขาประมาณ 5 ก.ม มีบริการลูกหาบ ก.กละ 15 บาท
ใครคิดว่าขึ้นไม่ใหวมีบริการครับ ประมาณ 2000 บาท/คน คิดแล้วคุ้มครับ
3 ก.มแรกถึงซำแฮก ทางไม่ชันมากแต่ขึ้นตลอด จะเหนื่อยที่สุดใครขึ้นมาถึงจุดนี้แล้วส่วนมากจะขึ้นได้สำเร็จทุกคน
เริ่มมีร้านอาหารเครื่องดื่มให้พักผ่อน ใครพักนานๆแม่ค้าที่นี่ชอบมากๆ แม่ค้าที่นี่พูดจาไพเราะดีจริงๆ
ช่วงหลังนี้จะมีทั้งชันมากและทางราบบ้างปนกันจึงพอทน ไม่เหนื่อยมาก แต่มันแย่ตรง ไม่ถึงสักที
ยอดภูกระดึงเป็นที่ราบบนหน้าผาโดยรอบต้องปีนบันไดขึ้น พอโผล่พ้น
หน้าผาก็หายร้อนทันที อากาศเย็นสบายเหมือนอยู่บนสวรรค์จริงๆ
ตรงนี้เขาเรียกหลังแป
อย่าเพิ่งดีใจครับเพราะจากหลังแปต้องเดินต่ออีก 3 ก.ม จึงจะถึงที่พัก
เต้นท์ของอุทยานราคา 225 - 450 ต่อหลัง หลังหนึ่งจุได้ 3และ 6 คน ค่าแผ่นยางปูนอน หมอน ถุงนอน 60 บาทต่อคน
เต้นท์ส่วนตัวเสียค่านอน คนละ 30 บาทต่อคน บ้านพักมีตั้งแต่ 900 - หลายพัน ร้านอาหารด้านหลังเป็นลิบๆร้าน
บ้านพักห้องแถว 5 ห้อง จุได้ห้องละ 6 คน ราคา ห้องละ 900 บาท ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว
ที่มีห้องน้ำในตัวก็มีแต่แพงกว่านี้ครับ
เราเลือกบ้านพักหยาดน้ำเรือนแถว เพราะราคาถูกแต่มีที่นอนนุ่มๆและป้องกันพายุลมหนาวได้ครับ
เช้ามืดวันรุ่งขึ้นโชคไม่ดีหมอกลงจึงไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น ที่ผานางแอ่น
บรรยากาศที่ลานพระแก้วช่วงหมอกลง
ทราบมาว่าเดิมพระแก้วยืนตั้งตรงกว่านี้ แต่มีช้างมาอาละวาดที่นี่ ท่านจึงเอนอย่างที่เห็น
ไม้แปลกๆบนภูกระดึง
หม้อข้าวหม้อแกงลิง(แดง)
รองเท้านารีที่ออกดอก ดกเต็มต้น
หยาดน้ำค้าง
ข้าวตอกพระร่วง
ทางไปน้ำตกเพ็ญพบใหม่
น้ำตกกับใบเมเปิ้ล ช่วงเดือนธันวาคม
บรรยากาศสวรรค์ ป่าสนด้านใน
ลานพระพุทธเมตา เมื่อก่อนเคยมีอาคารครอบ แต่ถูกฟ้าผ่าทุกครั้ที่สร้าง
เหมือนเดินบนสวรรค์ ถึงแม้จะเดินคนเดียว
อย่าออกนอกเส้นทางต้องระวังมากหน่อย ตัวนี้ถ่ายบนภูกระดึงจริงๆนะ
ผาหมากดูก บรรยากาศรอบนอกเป็นหน้าผาและหุบเหวลึก
เดินทั้งวันไม่รู้จักเบื่อ ถ้าเป็นกรุงเทพคงเดินไม่ออกแน่
บรรยากาศรอบที่พักบนภู
อ่างเก็บน้ำใก้ลที่พัก
แต่เขาห้ามเข้าเพราะอาจเจอสัตว์ร้ายได้ มีรอยเท้าสัตว์เต็มไปหมด
ช่วงนักท่องเที่ยวน้อย ผู้คนไม่ค่อยมี อาจมีกวางมาหาอาหารใกล้ๆคุณ
นักเรียนก็มาเที่ยว เดินเป็นแถวเชียว
บรรยากาศแบบหมอกรอบที่พัก
ไปเที่ยวช่วงวันหยุดฤดูหนาว ต้องรอคิวถ่ายภาพ ที่ผาหล่มสักไม่เคยได้ภาพถูกใจสักครั้ง
เพราะคิวยาวมาก จะให้พระอาทิตย์ตก ตรงฉากหลังผาหล่มสักก็ไม่ได้
ถ้าจะมีพระอาทิตย์ในแฟรม หลังผาหล่มสัก ต้องไปช่วงเดือน มีนาคม -เมษายน
ไม่จ้องรอคิว อากาศเย็นสบายพอที่จะอาบน้ำได้
สุดท้ายคุณอาจขึ้นภูกระดึงด้านหล่มสัก-น้ำหนาวได้อีกทาง แต่ต้องเตรียม
เสบียงไปเองทุกอย่างเพราะทางด้านนี้เคยมีบริการขึ้นภูกระดึง แต่เดี๋ยวน้ีเลิกแล้ว