การพัฒนาแบบทางเลือกของศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชนบ้านวังตอ
โดยการตัดสินใจจัดระเบียบบริการสุขภาพชุมชนใหม่
บ้านวังตอ หมู่ที่ 14 ตำบลบ้านค้อ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ห่างจากเทศบาลตำบลบ้านค้อ ประมาณ 4 กิโลเมตร มี 365 หลังคาเรือน ประชากร 1,520 คน เป็นชาย 737 คน เป็นหญิง 783 คน มีศูนย์สาธารณสุขมูลฐาน(ศสมช.) ประจำหมู่บ้าน โดยกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.) ทำหน้าที่บริหาร มีหน้าที่ให้บริการด้านการส่งเสริมสุข การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย และการรักษาพยาบาลเบื้องต้น เล็กๆ น้อยๆ แก่ประชาชน เช่น การชั่งน้ำหนักเด็ก บริการอบบสมุนไพร การตรวจวัดความดันโลหิต การตรวจคัดกรองผู้ป่วยเบาหวาน เป็นต้น กองทุนดังกล่าวก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2538 โดยการสนับสนุนของสถานีอนามัยในพื้นที่ ตามนโยบายด้านสาธารณสุขมูลฐานของรัฐบาล
บทบาทศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน(ศสมช.) จากอดีตถึงปัจจุบัน
ผลจากการสนทนากลุ่ม(Focus Group Discussion) เพื่อศึกษารูปแบบการตัดสินใจในการพัฒนาศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน โดยการจัดระเบียบบริการสุขภาพชุมชนใหม่ พบว่า ประชาชนในหมู่บ้าน ได้ใช้บริการศูนย์ฯ แห่งนี้ อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน เนื่องจาก มีความสะดวก และเชื่อมั่นในการให้บริการของ อสม. ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้าน ที่ผ่านการอบรมมา ให้บริการด้วยความเอาใจใส่ เป็นอย่างดี เดิมจะมีกิจกรรมเพียง 2 – 3 กิจกรรม คือการชั่งน้ำหนักเด็กกก่อนวัยเรียน และบริการอบสมุนไพร เท่านั้น ต่อมาจึงได้มีกิจกรรมอื่น ๆ เพิ่มขึ้น จากที่ภาครัฐสนับสนุน อุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็น พร้อมทั่งสนับสนุนด้านวิชาการให้แก่กลุ่ม อสม.
กิจกรรมหลายบางอย่าง เกิดจากความริเริ่มของประชาชน และ อสม.เอง ทำให้มีความยั่งยืนสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และเกิดความประทับใจ เช่น กิจกรรมการออกกำลัง กิจกรรมการออกเยี่ยมผู้สูงอายุในชุมชน แต่กิจกรรมบางอย่างก็หยุดไป เช่น การจำหน่ายยารักษาโรค เป็นต้น
อสม.อาวุโสคนหนึ่งในหมู่บ้าน กล่าวว่า “ภายในกลุ่มมีความคิดเห็น อยากย้ายที่เก่า(หมายถึงศูนย์ ศสมช.) มาตั้งที่ใหม่ เหตุผลคือ ความต้องการอยากขยายให้สถานที่กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม จะปฏิบัติงานในอนาคตให้สมบูรณ์ต่อไป ประการที่ 2 คือ เมื่อสมบูรณ์แล้ว ผมจะเสนอขออุปกรณ์ต่างๆ เครื่องมือออกกำลังกาย พัฒนาอาชีพด้านหัตถกรรม ของผู้สูงอายุต่อไป”
“ที่ผ่านมา ไม่มีการส่งเสริมอะไร ไม่มีเงินกองทุนสนับสนุน ไม่มีการประชุมการตั้งกรรมการ ไม่มีหัวหน้า ไม่มีครูสอน มันจึงเกิดไม่ได้ ในหมู่บ้านไม่มีกลุ่มอาชีพอะไรเลย” อสม.คนเดียวกันนี้กล่าว
อย่างไรก็ตาม ประธาน อสม. และกรรมการหลายคนก็ยืนยันตรงกันว่า พวกเขามีแผนในการทำงาน และมีการประชุมด้วยความร่วมแรงร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาโดยตลอด เพียงแต่ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ก็มีการบันทึกการประชุมทุกครั้ง อสม.แต่ละคน มีการแบ่งหน้าที่ มีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบกันชัดเจน คนละ 15-20 หลังคาเรือน เพื่อทำหน้าที่ต่างๆ และมีการอบรมจากเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยอยู่เป็นระยะ
สำหรับกลไกหรือระบบการทำงาน ปัจจุบัน จะทำการย้ายศูนย์ ศสมช. ซึ่งปัจจุบันใช้บ้าน ประธาน อสม. เป็นสถานที่ทำการ ไปยังศาลา SME ของหมู่บ้าน โดยความร่วมมือของประชาชน มีการประชุมตกลงกันไว้แล้วว่า จะสนับสนุนอิฐ หลังคาเรือนละ 2 ก้อน และมีประชาชนที่ประสงค์จะบริจาคเพิ่มเติมให้ รวมถึงแรงงาน ก็ใช้ผู้ที่มีความรู้ ความชำนาญด้านช่าง มาช่วยสร้าง เมื่อมีสถานที่ใหม่แล้ว ก็จะทำการปรับปรุงสถานที่ ระบบริการ อุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น มาไว้ในศูนย์ให้เพียงพอ โดยจะขอให้เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย และเทศบาลตำบลบ้านค้อ เข้ามาร่วมประชุม อบรม หรือให้ความรู้แก่ อสม.อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน เพื่อจะให้บริการประชาชน ให้เกิดความพึงพอใจมากขึ้น กว่าเดิม
สำหรับด้านงบประมาณ ซึ่งยังขาดแคลน แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากเทศบาล ในหมวดเงินอุดหนุนงานสาธารณสุขมูลฐานชุมชน ปีละ 10,000 บาท และเงินกองทุนระบบหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น เทศบาลตำบลบ้านค้อ ได้จัดสรรไว้ส่วนหนึ่ง ก็จะช่วยกันจัดทำแผนงาน โครงการ และกิจกรรม เสนอให้คณะกรรมการกองทุนฯ ได้พิจารณาสนับสนุน เท่าที่จำเป็น และสามารถทำได้ โดยจะจัดซื้อเครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องชั่งน้ำหนัก ให้เพียงพอด้วย พร้อมกันนี้ก็จะเพิ่มมาตรการด้านการรประชาสัมพันธ์ โดยขอให้เทศบาล หรือเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจว่า กลุ่ม อสม.กำลังทำอะไรกันอยู่
กลุ่มเห็นพ้องต้องกันว่า การดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชนบ้านวังตอ จะประสบความสำเร็จในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งปัจจัยหลักที่จะก่อให้เกิดความสำเร็จในครั้งนี้ ได้แก่ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความเสียสละ การพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถมากขึ้น ความสามัคคีกันของกลุ่มสมาชิก ความร่วมมือของผู้นำหมู่บ้าน เช่น ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนทุกคน การบริหารงานด้วยความโปร่งใสของคณะกรรมการ และการได้รับงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐ เช่น เทศบาล หรือสถานีอนามัย เป็นต้น ที่สำคัญ ได้แก่การดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง มีการประชุมสม่ำเสมอ ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่ ไม่ทอดทิ้งกัน
“เดิม พ่อเห็นว่าเข้าไม่ค่อยถึง อย่างเช่น ไม่ทราบมาก่อนว่า ตำบลเรามีกองทุนระบบหลักประกันสุขภาพฯ ไม่ทราบ ไม่มีผู้แนะนำว่าทำอย่างไร เลยไปไม่ถูก อย่างพ่ออยู่บ้านนี้มาตั้งแต่ปี 40 คิดว่าพึ่งมาทราบข้อมูลวันนี้ เห็นว่าลูกให้ช่องทาง” ผู้สูงอายุในกลุ่ม อสม.คนหนึ่งให้สัมภาษณ์
นายกเทศมลตรีตำบลบ้านค้อ กล่าวว่า “ผมเห็นว่า บ้านวังตอมีความสมานสามัคคีกันดี ผมมีโอกาสได้ไประชุมที่อุดร เกี่ยวกับโครงการประกันสุขภาพ ขอเรียนให้ทราบว่า ในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ถ้ามีการถ่ายโอนภารกิจด้านสาธารณสุขให้กับเทศบาล ก็จะมีเงินสนับสนุนรายหัวถึง 1,300 บาท ประชากรตำบลเรามีประมาณ 15,700 คนเศษ คิดเป็นงบก้อนนี้ก็กว่า 20 ล้านบาท เพราะฉะนั้น ถ้าหมอมาอยู่กับเรา หรือส่งลูกหลานของพวกเราไปเรียน จบมาก็มาดูแลคนในหมู่บ้านเรา ดูแลเด็ก ดูแลคนหนุ่มสาว ผู้สูงอายุ ผมว่าการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นกับพี่น้อง”
“ผมเป็นนายกคนแรก ที่ได้เสนองบประมาณอุดหนุน กองทุนระบบหลักประกันสุขภาพเข้าไป เดียวนี้เขาให้หัวละ 40 บาทแล้ว วันนี้เราก็จะมาโสเหล่กัน(จับกลุ่มคุยกัน) ที่ผ่านมาเราอาจไม่ทราบข้อมูล วันนี้จึงเป็นโอกาส ก็มาโสเหล่กัน ว่าจะไปอย่างไร” นายกเทศมนตรีกล่าว
ภาพลักษณ์ของบริการสุขภาพที่พึงประสงค์
การประชุมกลุ่มครั้งนี้ มีผู้ร่วมประชุม 30 คน เมื่อกลุ่มได้โสเหล่กัน และสัมภาษณ์เพิ่มเติม ถึงอนาคตว่า ทิศทางในการพัฒนาศูนย์สาธารณสุขมูลฐานชุมชน ซึ่งจะเป็นเหมือนศูนย์ประสานงานและให้บริการด้านสุขภาพชุมชน ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด พบว่า ที่ประชุมทั้งหมด ให้ความเห็นตรงกันว่า จะย้ายศูนย์ ศสมช.อย่างแน่นอน และมั่นใจว่าจะเป็นไปได้และประสบความสำเร็จ โดยความต้องการหลัก หลังจากที่ทำการปรับปรุงอาคารสถานที่เรียบร้อยแล้ว คือ อยากได้เครื่องมือทางการแพทย์ สำหรับให้บริการประชาชน ที่จำเป็นก่อน ได้แก่เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องชั่งน้ำหนัก เครื่องตรวจเบาหวาน เครื่องออกกำลังกาย ตู้อบสมุนไพร จัดให้มีกิจกรรมด้านการส่งเสริมสุขภาพ เช่น การเต้นแอร์โรบิก การออกกำลังกายของกลุ่มผู้สูงอายุ การจัดอบรมวัยรุ่น การจัดให้มีอาหารเสริมสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ จัดให้มีการอบรมให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง ต้องการให้เทศบาลสนับสนุนด้านงบประมาณ เป็นต้น
“เนื่องจากปัจจุบัน ด้านสาธารณสุขได้เจริญก้าวหน้าไปมาก แต่ศูนย์ ศสมช.เรายังไม่เป็นเอกเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับหน่วยงานของรัฐ ที่จะรองรับด้านบริการประชาชน ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ สถานีอนามัยจะยกฐานะเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ดังนั้นจะเป็นการดีอย่างยิ่ง ถ้าปรับปรุงศูนย์ ศสมช.ไว้รองรับ เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปได้ด้วยดี” อสม.อีกคนหนึ่งให้สัมภาษณ์
“แม่ดีใจมากวันนี้ ที่มีโอกาสได้มาคุยกันเช่นนี้ พูดก็พูดว่า ต่อไปไม่เฉพาะหมู่ที่ 14 เท่านั้น หมู่ที่ 10 ที่อยู่ใกล้กันนี้แม่ก็จะเชิญชวน ให้มาร่วมพัฒนาไปด้วยกัน” ประธาน อสม.กล่าวเพิ่มเติม
บทสรุป
ปัจจัยที่จะทำให้เกิดความสำเร็จ
จากการสังเกตจากการโสเหล่กัน ของกลุ่มผู้นำ และ อสม. พบว่า กลุ่ม อสม.มีความตั้งใจสูงมากที่จะร่วมกันหาวิธีแก้ไขปัญหา และข้อจำกัดที่เกิดขึ้น ในการให้บริการสุขภาพชุมชน ของศูนย์ ศสมช. ซึ่งเป็นศูนย์บริการสุขภาพที่จำเป็น และประชาชนผู้มารับบริการมีความพึงพอใจสูง เป็นแรงผลักดันให้กลุ่ม ตัดสินใจอยากมีการเปลี่ยนแปลง และขจัดข้อจำกัดเหล่านั้นออกไป เมื่อได้รับการกระตุ้นเพียงเล็กน้อย คือเปิดเวทีสนทนากลุ่ม ให้ได้มีการโสเหล่กัน โดยไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ความคิดเห็นของกันและกัน แต่ให้นำข้อมูลข้อเท็จจริงในอดีตจนถึงปัจจุบัน มาคุยกันด้วยเหตุและผล จึงทำให้กลุ่มยิ่งมั่นใจว่า การดำเนินการเพื่อความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ จะบรรลุความสำเร็จแน่นอน ทั้งนี้ สังเกตว่า นอกจากความเข้มแข็ง ความสามัคคีกันของคนในกลุ่มแล้ว หน่วยงานของภาครัฐ เช่น เทศบาลตำบลบ้านค้อ ก็มีส่วนสำคัญที่จะก่อให้เกิดการรวมตัวกันแก้ไขปัญหา และดำเนินงานบริการสุขภาพชุมชน ในแนวทางใหม่ๆ เพราะเป็นความหวังว่า จะได้รับงบประมาณ และการสนับสนุนด้านวิชาการที่จำเป็น และนอกจากนี้ กลุ่มยังเห็นว่า การทำงานจะมีประสิทธิภาพและคล่องตัวนั้น ต่อไปจะต้องมีคณะกรรมการ หรือคณะทำงาน ในจำนวนที่เหมาะสม บริหารงานด้วยความโปร่งใจ มีการพัฒนาตนเอง มีการอบรมให้ความรู้ และพัฒนาการให้บริการแก่ประชาชนให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด โดยมีกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากการตอบสนองปัญหา และความต้องการของประชาชนในชุมชนเป็นหลัก
บันทึกถอดบทเรียน:สุรพล แก้วตา
วันที่ : 16/09/2553