ศาสนาต่างๆเข้ามาในอาเซียนอย่างไร?
ดินแดนอาณาจักรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อารยธรรมอินเดียและจีน + ความเชื่อเดิม
ผ่านทาง การค้า
จากหลักฐาน เมื่อราว 2,000 ปี ที่แล้ว ศาสนาแรกที่ถูกเผยแพร่ คือ ศาสนาพราหมณ์ >> กัมพูชาและตอนล่างของคาบสมุทรมลายู และหมู่เกาะ
คริสต์ศตวรรษที่ 1 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชุมชนต่าง ๆ ในดินแดนแถบนี้เริ่มขยายตัวและก่อรูปกลายเป็นอาณาจักรโบราณขึ้น
ในราชสำนักของอาณาจักรเหล่านี้ พราหมณ์จะมีอิทธิพลมากในหลายบทบาท ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวโยงกับการเป็นผู้เข้าถึงองค์ความรู้ในฐานะ “ปุโรหิต” หรือหัวหน้านักบวช ที่ทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมและให้คำแนะนำด้านการปกครอง
ศาสนาพราหมณ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รุ่งเรืองถึงจุดสูงสุดราว คริสต์ศตวรรษที่ 7-8 และเริ่มเสื่อม ความนิยมลงเนื่องจากพระมหากษัตริย์ในดินแดนแถบนี้หลายพระองค์เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ
แม้ศาสนาพราหมณ์จะไม่ได้ เป็นศาสนาหลัก แต่ความเชื่อและ พิธีกรรมยังคงปรากฏให้เห็นจนถึง ปัจจุบัน โดยผสมผสานอย่างกลมกลืนกับศาสนาพุทธ
ศาสนาพุทธเริ่มแพร่หลายในภูมิภาคนี้ บริเวณภาคพื้นสมุทร ซึ่งเชื่อว่า เป็นเส้นทางผ่านในการแสวงบุญระหว่างจีนและอินเดีย จนรุ่งเรืองถึงจุดสูงสุดราวคริสต์-ศตวรรษที่ 8-9 หรือภายหลังจาก ที่พระมหากษัตริย์หลายพระองค์ได้ หันมานับถือศาสนาพุทธแล้ว โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง อาณาจักรใหญ่ ๆ เช่น ทวารวดี อาณาจักรของราชวงศ์ไศเลนทร์ บนเกาะชวาที่มีการสร้างบุโรพุธโธ เป็นต้น
ศาสนาพุทธที่นับถือกัน ส่วนใหญ่มักเป็นนิกายเถรวาทหรือ หินยาน ยกเว้นอาณาจักรโบราณใน เวียดนามเท่านั้นที่นับถือนิกายมหายาน เพราะได้รับอิทธิพลจากจีนมากกว่าอินเดีย
นับตั้งแต่นั้นมา ศาสนาพุทธได้ตั้งมั่น เป็นศาสนาหลักของผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในเมียนมาร์ ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนามจนถึงปัจจุบัน
ต่างจากบริเวณภาคพื้นสมุทรที่มี การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางความเชื่อเป็นครั้งที่สาม อันเนื่องมาจากการ เข้ามาของศาสนาอิสลาม
ศาสนาอิสลามเริ่มแพร่หลายใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 13-14 ซึ่งเป็นช่วง เวลาที่อาณาจักรต่าง ๆ ของชาวมุสลิม ในตะวันออกกลางเจริญรุ่งเรืองเป็น อันมาก กองเรือพาณิชย์ของชาวมุสลิม ได้เดินทางเข้ามาในภูมิภาคนี้กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะบริเวณคาบสมุทร มลายูไปจนถึงตอนใต้ของหมู่เกาะฟิลิปปินส์
ในช่วงแรกศาสนาอิสลามได้เข้ามาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตรา (บริเวณ อาเจะห์ในปัจจุบัน) แต่ยังไม่เฟื่องฟูมากนัก จนกระทั่งต่อมา เมื่อกษัตริย์ แห่งมะละกาซึ่งเป็นเมืองท่าและ ทรงอิทธิพลทั้งทางการเมืองและวัฒนธรรม ได้เปลี่ยนการนับถือศาสนา จากศาสนาพราหมณ์มาเป็นศาสนาอิสลามในปี ค.ศ. 1414 ศาสนาอิสลามจึงได้ลงหลักปักฐานในดินแดนแถบนี้อย่างแท้จริง เพราะผู้นำส่วนใหญ่ของอาณาจักรในบริเวณคาบสมุทรและหมู่เกาะก็หันมานับถือศาสนาอิสลามด้วยเช่นกัน
เชื่อกันว่า สาเหตุที่ทำให้ผู้ปกครองของอาณาจักรดังกล่าวหันมานับถือศาสนาอิสลามในเวลาไม่นานนัก คือ ความต้องการค้าขายกับพ่อค้าชาวมุสลิม นอกภูมิภาค ซึ่งนอกจากจะเจริญรุ่งเรืองแล้ว ยังมีอิทธิพลสูงมากในเครือข่ายการค้าทางเรือ แผ่ขยายตัวจากยุโรปตอนล่างมาจนถึงเกาะโมลุกกะของอินโดนีเซียปัจจุบันจึงถือได้ว่า นับจากกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นต้นมา ศาสนาอิสลามได้เป็นที่นับถือ และหลอมรวมเข้ากับวิถีชีวิตของคน ส่วนใหญ่ ตั้งแต่คาบสมุทรมลายู อินโดนีเซีย (ยกเว้นกาะบาหลี) ไปจน ถึงตอนล่างของหมู่เกาะฟิลิปปินส์
ต่อมา ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เรือสินค้าของชาวยุโรปได้ทอดสมอ ตามเมืองท่าสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กองเรือดังกล่าว ไม่เพียงแต่ เป็นพาหนะของพ่อค้าที่มุ่งมาหาสินค้าอย่างเครื่องเทศเท่านั้น หากแต่ได้นำศาสนาคริสต์ที่ผู้คนส่วนใหญ่ในหมู่เกาะฟิลิปปินส์หันมานับถือในเวลาต่อมาเข้ามาด้วยเช่นกัน
เหล่ามิชชันนารีชาวยุโรปโดยเฉพาะโปรตุเกสและสเปน ได้เดินทางมา พร้อมกับกองเรือสินค้าและได้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ไปทั่วภูมิภาคทั้งบนภาคพื้นทวีปและภาคพื้นสมุทร อย่างไร ก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าว ศาสนาพุทธ (ซึ่งผสมผสานกับศาสนาพราหมณ์) ได้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจและเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิตผู้คนบนแผ่นดินใหญ่ของภูมิภาคแล้ว เช่นเดียวกับที่ศาสนาอิสลามไม่อาจแยกออกจากวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของผู้คนส่วนใหญ่ในบริเวณภาคพื้นสมุทร (แม้ว่าในปี ค.ศ.1511 โปรตุเกสจะพิชิตมะละกาซึ่งเป็นเมืองท่าและอาณาจักรที่ทรงอิทธิพลทั้งทางการเมืองและวัฒนธรรมได้ก็ตาม) ด้วยเหตุนี้เอง การเผยแพร่ศาสนาคริสต์โดยมิชชันนารีในยุคนี้จึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก
อย่างไรก็ตาม ราวคริสต์ศตวรรษ ที่ 17 ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่อง และการสนับสนุนจากรัฐบาลสเปนที่ปกครองฟิลิปปินส์ในฐานะอาณานิคม ตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่16 มิชชันนารีชาวสเปนสามารถทำให้ชาวพื้นเมืองในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ที่ยัง นับถือความเชื่อท้องถิ่นหันมานับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกได้ นับเป็นความเปลี่ยนแปลงความเชื่อทางศาสนาครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัจจุบัน
ฟิลิปปินส์ >>> ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์
มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ บรูไน >>> ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม
เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม และไทย >>> ส่วนใหญ่ศาสนาพุทธยังคงมั่นคง
สิงคโปร์ >>> ได้ผสมผสานหลักธรรมของศาสนาพุทธเข้ากับลัทธิขงจื้อ
ความหลากหลายทางศาสนานี้จึงถือเป็นอีกอัตลักษณ์หนึ่งของอาเซียน
สรุป ความเหมือนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในอาเซียน
- ก่อนที่ศาสนาจะเข้ามา กลุ่มชน ในอาเซียน มีความเชื่อ เรื่อง ผีสาง เทวดา เทพเจ้า เวทมนต์
ตัวอย่าง วัฒนธรรรมที่รับเข้ามา เช่น
1) วัฒนธรรมอินเดีย เช่น ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พุทธ อิสลาม
2) วัฒนธรรมจีน เช่น ลัทธิเต๋า ละทธิขงจื้อ
ที่มาของวัฒนธรรม
- เมื่อประมาณ ศตวรรษที่ 1 ชาวอาเซียน รับวัฒนธรรมต่าง ๆ เข้ามาดังนี้
· วัฒนธรรมศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เข้ามายังดินแดน อินโดนีเซีย กัมพูชา
· วัฒนธรรมศาสนาพุทธ เข้ามายังดินแดน ไทย ลาว พม่า กัมพูชา
· วัฒนธรรมศาสนาอิสลาม เข้ามายังดินแดน เกาะชวา(อินโดนีเซีย)
· วัฒนธรรมจีน เข้ามายังดินแดน เวียดนาม
· วัฒนธรรมสเปน เข้ามายังดินแดน ฟิลิปปินส์
ข้อมูล ศาสนาต่าง ๆ ในอาเซียน ศึกษาเพิ่มเติม ศาสนาสากล
ยุคอาณานิคม สังคมเริ่มแบ่งแยกดินแดน
· วัฒนธรรมสเปน เข้ามายังดินแดน ฟิลิปปินส์ ต่อมาฟิลิปปินส์ ตกเป็นของอเมนิกา
· วัฒนธรรมฝรั่งเศส เข้ามายังดินแดน ลาว กัมพูชา เวียดนาม
· วัฒนธรรมอังกฤษ เข้ามายังดินแดน มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน เมียนมาร์ ( ฮอลันดาเข้าครอบครอง อินโดนีเซีย )
ความเหมือนและความแตกต่างของวัฒนธรรมอาเซียน
· ความเหมือนของวัฒนธรรมในอาเซียน คือ - การรับวัฒนธรรมภายนอก เช่น ศาสนา อาหาร ( ดั้งเดิม ) พืชเศรษฐกิจ ฯลฯ
· ความแตกต่างของวัฒนธรรมในอาเซียน เช่น รูปแบบการปกครอง ฯลฯ
ปัจจัยที่ทำให้ประเทศสิงคโปร์เจริญก้าวหน้ามากที่สุดในอาเซียน
สิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก ๆ ไม่มีทรัพยากร เ แต่ไม่ว่าจะเป็นประเทศเล็กประเทศใหญ่ ถ้าคนในชาติไม่มีความเชื่อมั่นในผู้นำ ไม่มีความสามัคคีแล้ว คงไม่สามารถพัฒนาประเทศให้เจริญไปได้อย่างแน่นอน
1. เชื่อมั่นในผู้นำ
2. ประชาชนมีระเบียบวินัย
3. บ้านเมืองสะอาด มีความเจริญทุกด้าน
4. เศรษฐกิจเจริญก้าวหน้า
5. สิงคโปร์ เป็นเมืองท่าที่ปลอดภาษี
6. สิงคโปร์ มีผู้นำเก่ง มีความสามารถ และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล
7. สิงคโปร์มีนักลงทุนไปลงทุนมากที่สุด
8. ประชากรมีคุณภาพ (ดูจาก การศึกษา คุณธรรมจริธรรม และ สุขภาพอนามัย)
9. ระบบการศึกษาดี
10.ระบบกฎหมายดี ผู้คนปฏิบัติตามเคร่งครัด
หากเราต้องการให้ประเทศเจริญก้าวหน้าต้องทำอย่างไร
........................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................ ......................................................................................................................................................