เรื่องเงินปันผล(05/2552)

นักลงทุนหน้าใหม่มักจะถามคำถามแรกว่า เล่นหุ้นแล้วได้กำไรเท่าไหร่ หรือ มันปันผลเท่าไร ผมก็เคยเป็นเช่นกันในอดีต 

ในฐานะที่ผมมีประสบการณ์ในการลงทุนมาแล้ว ถ้าผมตอบคำถามว่า ปันผล 3% ผมจะได้รับคำตอบกับมาว่า “ทำไมน้อยจัง ฝากธนาคารปลอดภัยกว่า ได้เท่าๆกัน” ถ้าผมตอบว่า 5% ก็จะได้รับคำตอบดีกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ถ้าผมบอกว่ามากกว่า 10% เขาจะเริ่มสนใจในหุ้นทันที การได้รับปันผลที่ 10 % เป็นเรื่องยาก เพราะโดยเฉลี่ยแล้วหุ้นปันผลไม่เกิน 10% ถึงแม้ว่าเกือบทุกๆปีหุ้นหลายตัวก็ปันผลเกิน 10 % เมื่อเทียบกับราคาตอนต้นปี 

โดยส่วนตัว ผมไม่เคยได้รับปันผลเกิน 10%อย่างนี้มาก่อน เว้นแต่ว่าผมจะถือหุ้นนั้นมากกว่าปีซึ่งทำให้บริษัทมีเวลาในการทำกำไรเพิ่มขึ้นและสามารถจ่ายเงินปันผลออกมามากขึ้นตามไปด้วยในขณะที่ต้นทุนของผมเท่าเดิม แต่ใครที่ซื้อหุ้นในปลายปี 2551 ซึ่งหุ้นทั้งหลายได้มีราคาลดลงอย่างมาก (เฉลี่ยประมาณ 50 %) ก็จะมีโอกาสได้รับเงินปันผลสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับเงินทุนที่ลงไป

ผมอยากจะบอกว่าเงินปันผลของหุ้นนั้น มันไม่เหมือนฝากธนาคาร, พันธบัตร หรือ สหกรณ์ต่างๆ เพราะหุ้นไม่ได้รับประกันว่าเงินต้นยังอยู่ดี หรือ ปีหน้าจะจ่ายเท่าเดิม และการที่หลายบริษัทจ่ายปันผลในอัตราน้อยๆ ก็มีเหตุผลในตัวของมัน นักลงทุนบางคน หรือ คนดังๆอย่าง Buffett ไม่สนใจเงินปันผล แต่สำหรับผมแล้วมันสำคัญมาก เพราะผมไม่ได้เป็นผู้บริหารบริษัทนั้นๆและผมก็ไม่ได้ถือหุ้นในเปอร์เซ็นต์มากๆจนสามารถชี้นำบริษัทได้ เหมือนอย่าง buffett แต่ผมก็ยอมรับได้ถ้าบางปีบริษัทจะไม่จ่ายปันผลเลย แต่ต้องมีเพียง 2 เหตุผลเท่านั้นคือ 1.บริษัทต้องการเงินลงทุนเป็นจำนวนมากในกิจการที่กำลังรุ่ง 2.บริษัทขาดทุน 

บริษัทที่ผมจะลงทุนจะต้องสามารถจ่ายปันผลในอัตราที่เพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ นั้นหมายความว่ากำไรจะต้องเพิ่มขึ้นทุกๆปี โดยเฉลี่ยในอีก 5 ปีข้างหน้า และอัตราปันผลในปีถัดไปหลังจากที่ผมลงทุนจะต้องอยู่ประมาณ 3-4 % เว้นแต่ว่า บริษัทยังล้างขาดทุนสะสมไม่หมด

การลงทุนนั้นเรายังได้ผลตอบแทนในมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากเงินปันผล และผลตอบแทนที่สมเหตุผลสำหรับนักลงทุน ควรอยู่ระหว่าง 10 - 15%( ในรูปของเงินปันผลบวกกับราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น) ในระยะยาว

สรุปแล้วให้หาหุ้นที่จะจ่ายปันผลได้ในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆทุกปีโดยเฉลี่ย โดยดูจากผลกำไรที่จะเพิ่มขึ้น อย่ามองเรื่องปันผลมากๆในปีแรกเพียงอย่างเดียว เพราะถ้ากำไรไม่เพิ่มคุณก็จะได้ปันผลไม่เพิ่มเช่นกัน และหลายๆกรณีเงินปันผลกลับลดลงเรื่อยๆ และก็ไม่จ่ายอีกเลย  มองหาหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตอีก 5 ปีข้างหน้า เงินปันผลของคุณจะเพิ่มเรื่อย แต่ราคาหุ้นจะสะท้อนได้เร็วกว่า