ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งครู (ยังไม่มีวิทยฐานะ) ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวัง คือ การปรับประยุกต์ การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังที่สูงกว่าได้)
ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง สมดุลเคมี สำหรับนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โดยการใช้เทคนิค KWDL
1. สภาพปัญหาของผู้เรียนและการจัดการเรียนรู้
ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา เรื่อง แก๊สและสมบัติของแก๊ส ในรายวิชาเคมี 3 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนละแมวิทยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 อยู่ในช่วงปานกลางค่อนไปทางต่ำ เมื่อได้รวบรวมข้อมูลจากการตรวจ แบบสอบกลางภาคเรียนและสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนพบว่า นักเรียนไม่สามารถถอดความโจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องแก๊สและสมบัติของแก๊สได้ โดยนักเรียนไม่สามารถระบุได้ว่าโจทย์กำหนดสิ่งใดมาให้บ้าง โจทย์ต้องการหาคำตอบใด และไม่สามารถเลือกใช้ความสัมพันธ์หรือเนื้อหาที่เรียนมาแล้วให้เข้ากับโจทย์ปัญหาได้ ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการเรียนวิชาเคมีในเชิงการคำนวณทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง สมดุลเคมี ซึ่งเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณปริมาณต่าง ๆ โดยตรง เพราะหากไม่เข้าใจหลักการเหล่านี้แล้ว จะทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาโจทย์ในรูปแบบต่าง ๆ ในวิชาเคมีได้ จึงเป็นสาเหตุให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ และไม่สามารถนำความรู้ไปใช้ในการสอบแข่งขัน หรือใช้ศึกษาต่อในระดับสูงขึ้นไปได้ ซึ่งการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWDL เป็นเทคนิคที่ฝึกทักษะในการอ่านคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ และการแก้โจทย์ปัญหาได้อย่างเป็นขั้นตอน จะช่วยให้นักเรียนพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์ปัญหา ความสามารถในการแปลภาษาโจทย์ คิดคำนวณ และความสามารถในการสรุปความโจทย์ปัญหาได้
2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
2.1 กลุ่มเป้าหมาย
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โรงเรียนละแมวิทยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 จำนวน 9 คน
2.2 แผนการดำเนินการวิจัย
ในการดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยจะดำเนินการตามขั้นตอนการวิจัยในการสำรวจปัญหาของห้องเรียน สร้างเครื่องมือ และเก็บรวบรวมข้อมูล
2.2.1 การสำรวจปัญหา
ผู้วิจัยได้รับมอบหมายให้สอนรายวิชาเคมี 3 ซึ่งมีนักเรียนจำนวน 45 คน (2 ห้องเรียน) เป็นเวลา 3 คาบต่อสัปดาห์ และได้ดำเนินการสำรวจปัญหาตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1) รวบรวมประวัติของนักเรียนเป็นรายบุคคล โดยวิธีการกรอกข้อมูลผ่าน google form โดยมีรายละเอียดได้แก่ ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น รูปภาพนักเรียน และสิ่งที่อยากจะบอกแก่ครูผู้สอนเกี่ยวกับการเรียน
2) สังเกตชั้นเรียนอย่างไม่เป็นทางการ และบันทึกปัญหาการเรียนรู้ของนักเรียนหลังการจัดการเรียนรู้ทุกคาบ
3) ปัญหาของการสอนโจทย์ปัญหาที่เป็นเคมีคำนวณ คือนักเรียนไม่สามารถแปลสิ่งที่โจทย์ต้อองการจะบอกแก่นักเรียนได้ และเลือกใช้ความรู้ที่เรียนมาแก้โจทย์ปัญหาไม่ได้
2.2.2 การสร้างเครื่องมือ
1) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
- แผนการจัดการเรียนรู้ มีขั้นตอนในการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ดังนี้ ศึกษาผลการเรียนรู้ และสาระการเรียนรู้จาก ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 จากนั้นกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้และออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสามขั้นตอน และออกแบบการนำเทคนิค KWDL ไปใช้ในขั้นสอน และตรวจสอบคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้โดยครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ จากนั้นนำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านการตรวจแล้วมาปรับปรุงแก้ไข และจัดพิมพ์เป็นฉบับสมบูรณ์ เพื่อนำไปทดลองใช้จริงกับนักเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย
2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
2.1) แบบฝึกหัดการแก้โจทย์ปัญหา
แบบฝึกหัดการแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับสมดุลเคมี ซึ่งมีระดับความซับซ้อนของการแก้โจทย์ปัญหาแตกต่างกัน จำนวน 10 ข้อ เมื่อจัดทำเสร็จแล้วให้ครูในกลุ่มสาระเป็นผู้ตรวจสอบความเหมาะสมและความถูกต้อง
2.2) แบบสอบเก็บคะแนน
แบบสอบสอบเก็บคะแนน วิชา เคมี 3 เป็นข้อสอบปรนัย 10 ข้อ และอัตนัยเขียนตอบ จำนวน 2 ข้อ ซึ่งข้อสอบอัตนัย เรื่อง สมดุลเคมี จะนำมาใช้เป็นเครื่องมือเก็บข้อมูล โดยกำหนดผลการเรียนรู้ต่อไปนี้
- คำนวณค่าคงที่สมดุลของปฏิกิริยา
- คำนวณความเข้มข้นของสารที่สภาวะสมดุล
- คำนวณค่าคงที่สมดุลหรือความเข้มข้นหรือหรือความเข้มข้นของปฏิกิริยาหลายขั้นตอน
เมื่อจัดทำเสร็จแล้วนำแบบสอบให้ครูในกลุ่มสาระตรวจสอบ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและความตรงของเนื้อหา ภาษาที่ใช้ในแบบสอบ รวมทั้งให้คำแนะนำในการปรับปรุงแก้ไขแบบสอบก่อนนำไปใช้จริง
2.2.3 การเก็บรวบรวมข้อมูล
การดำเนินการวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้กำหนดแผนการดำเนินการวิจัย ไว้ดังนี้
พฤษภาคม 2568
- สร้างแบบเก็บข้อมูลนักเรียนและเก็บข้อมูลนักเรียน
มิถุนายน 2568
- ทำการทดสอบกลางภาคเรียนที่ 1 เนื้อหา เรื่องแก๊สและสมบัติของแก๊ส เพื่อจัดกลุ่มผู้เรียน
กรกฎาคม 2568
- ดำเนินการสร้างเครื่องมือ
- สอบย่อยบทที่ 2 เรื่อง อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี เพื่อเลือกกลุ่มเป้าหมาย
สิงหาคม 2568
- เริ่มใช้แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยโดยใช้เทคนิค KWDL ครั้งที่ 1
- เก็บรวบรวมข้อมูล ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาด้วยวิธีการใช้เอกสารประกอบการเรียน และสังเกตอย่างไม่เป็นทางการจากการตอบคำถาม
- เริ่มใช้แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยโดยใช้เทคนิค KWDL ครั้งที่ 2
- เก็บรวบรวมข้อมูล ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาด้วยวิธีการใช้แบบฝึกหัด และสังเกตอย่างไม่เป็นทางการจากการตอบคำถาม
- เริ่มใช้แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยโดยใช้เทคนิค KWDL ครั้งที่ 3
- เก็บรวบรวมข้อมูล ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาด้วยวิธีการใช้แบบฝึกหัด และสังเกตอย่างไม่เป็นทางการจากการตอบคำถาม
- ทำการทดสอบเก็บคะแนนเรียน โดยใช้แบบสอบเก็บคะแนนเรียนบทที่ 3 สมดุลเคมี
กันยายน 2568
- วิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลการวิจัย
2.2.4 การวิเคราะห์ข้อมูล
งานวิจัยนี้ใช้ร้อยละคะแนนพัฒนาการ มาทดสอบเพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาวิชาเคมี เรื่อง สมดุลเคมี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 โดย
1) ผลการประเมินความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา จากแบบฝึกหัด จะถูกนำมาตรวจและให้คะแนน
2) ผลการประเมินความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาจากแบบสอบเก็บคะแนน นำคะแนนมาเปรียบเทียบกับความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาในเรื่อง อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี จากแบบสอบย่อยเพื่อหาร้อยละพัฒนาการ
3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณ
- นักเรียนกลุ่มตัวอย่างชั้น ม.5/2 ร้อยละ 50 มีความสามารถในการแก้ปัญหาโจทย์ปัญหาเรื่องสมดุลเคมีเพิ่มขึ้น
3.2 เชิงคุณภาพ
- นักเรียนสามารถทำโจทย์ปัญหาเรื่องสมดุลเคมีได้ถูกต้อง
จากผลการวิจัย พบว่า เมื่อใช้วิธีการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWDL ในการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สมดุลเคมี นักเรียนส่วนใหญ่มีร้อยละพัฒนาการของคะแนนสอบอัตนัยเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 56 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด แสดงว่านักเรียนมีความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาที่เพิ่มขึ้น
อภิปรายผลการวิจัย
จากผลการวิจัย พบว่า เมื่อนักเรียนได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWDL นักเรียนมีร้อยละพัฒนาการของคะแนนสอบอัตนัยเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 56 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด แต่ยังมีนักเรียนที่มีร้อยละพัฒนาการไม่เปลี่ยนแปลง และลดลง คิดเป็นร้อยละ 44 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด จากการสัมภาษณ์นักเรียนในกลุ่มดังกล่าว พบว่า นักเรียนไม่มีพื้นฐานในทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาเคมี จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการแก้โจทย์ปัญหาได้อย่างถูกต้อง แต่นักเรียนยังสามารถเขียนความสัมพันธ์ที่สามารถนำมาใช้ได้อย่างถูกต้อง และระยะเวลาในการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWDL มีเพียง 3 ครั้ง จึงอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้เรียนพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาได้ รวมทั้งเนื้อหาและโจทย์ปัญหาที่นำมาใช้ออกข้อสอบมีระดับความยากค่อนข้างยาก ทำให้นักเรียนไม่สามารถทำคะแนนได้สูงขึ้นเท่าที่ควร